11
องค์กรนิสิตนักศึกษา เคลื่อนไหวสนับสนุนข้อเรียกร้อง “ตะวัน-แบม” ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
วันที่
2 กุมภาพันธ์ 2566 ที่หน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก 11 องค์กรผู้แทนนิสิตนักศึกษาจากหลายสถาบันการศึกษา
ได้รวมตัวกันมายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
ในกรณีการถอนประกันตัวเองและอดอาหารเพื่อประท้วงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น
ของเหล่าผู้ต้องขังคดีทางการเมือง
นายภูเบญญ์
ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษา กล่าวว่า ข้อเรียกร้องที่ผู้แทนนักศึกษาทาง 11 องค์กรและ
7-8 มหาวิทยาลัยมายื่นในวันนี้คือเป็นการสนับสนุนในข้อเรียกร้องของคน ตะวันและแบม
เนื่องจาก นักศึกษาเห็นว่าปัจจุบันมีผู้ต้องขังทางการเมืองเป็นจำนวนมากและหลายคนยังไม่มีคำตัดสินแต่ว่ามีการสั่งคุมขังในเรือนจำเหมือนกับเป็นผู้ต้องหาจริงๆ ซึ่งตรงนี้ก็ผิดกับหลัก Presumption of
innocent หรือการสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
วันนี้จึงมายื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อด้วยกัน
ข้อแรก
คือความเป็นกลางของศาลนอกเหนือไปจากความเป็นกลาง จากองค์กรทางการเมือง
และภาครัฐแล้วก็ยังเป็นกลางปราศจากอำนาจอื่น ๆ ที่อยู่เหนือกว่า
หรืออำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ข้อเรียกร้องต่อมาคือปล่อยตัวผู้ต้องหาทางการเมืองที่ยังไม่มีการตัดสินคดีจนถึงที่สุด
ส่วนข้อเรียกร้องอื่นๆคือขอให้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม
กับผู้ต้องขังคดีการเมืองโดยเฉพาะคดี 112 และ 116 ที่ปัจจุบันนี้ยังเป็นปัญหาอยู่
ขณะเดียวกัน
ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษา ยังฝากถึง แบมและตะวัน
ว่าพวกเราที่อยู่ข้างนอกก็จะสู้ต่อไปเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยจะพยายามผลักดันในประเด็นปล่อยผู้ต้องขังทางการเมืองโดยเฉพาะมาตรา
112 และ 116 ปัจจุบันก็มี 20 ถึง 30
คนที่ยังไม่มีการตัดสินคดีถึงที่สุดแต่ยังถูกจองจำในเรือนจำและหลายคนที่คดีถึงแม้จะถึงที่สุดแล้วแต่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากยื่นหนังสือ แล้ว กลุ่มเครือข่ายนักศึกษา
ร่วมกันทำกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” บริเวณหน้าป้ายศาลอาญาเป็นเวลา 112 นาทีหรือ 1
ชั่วโมง 12 นาที เพื่อผลักดันข้อเรียกร้องนี้และเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ ด้วย
เปิดจดหมายเปิดผนึก
11 องค์กรนิสิตนักศึกษาถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
เรื่อง
กรณีการถอนประกันตัวเองและอดอาหารเพื่อประท้วงความอยุติธรรมของผู้ต้องขังคดีทางการเมือง
ปัจจุบันมีเยาวชน
นิสิตนักศึกษา และประชาชน ถูกดำเนินคดีทางการเมืองจำนวนมาก อันเกิดจากการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือเสรีภาพในการชุมนุมตามวิถีประชาธิปไตย
อันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีความผิดที่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากฎหมายแห่งรัฐกลับถูกเผด็จการทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งผู้มีความเห็นต่างทุกรูปแบบ
เพื่อต่อต้านอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยอย่างเห็นได้ชัด อาทิ
การตั้งข้อหาผู้ทำโพลสำรวจความคิดเห็นที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
หรือแม้แต่การจับกุมประชาชนผู้โพสต์ข้อความ “#กล้ามาก #เก่งมาก
#ขอบใจ” ในสื่อสังคมออนไลน์
สถานการณ์การเมืองดังกล่าว
ทำให้ ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม อรวรรณ ภู่พงษ์ ออกมาแถลงการณ์เพื่อประท้วงความอยุติธรรมของศาลและเสริมกระดูกสันหลังให้พรรคการเมืองทั้งหมด
3 ประการ โดยมีใจความดังต่อไปนี้
1.
ต้องมีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
อันคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นอันดับแรก
2.
ยุติการดำเนินคดีความกับประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองและการชุมนุม
3.
พรรคการเมืองทุกพรรคต้องเสนอนโยบายเพื่อประกันสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน
โดยการยกเลิกมาตรา 112 และมาตรา 116
เหตุการณ์ดังกล่าว
นำไปสู่การร้องขอถอนประกันตนเอง ในวันที่ 16 มกราคม 2566
เพื่อประท้วงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นและทวงคืนสิทธิการประกันตัวผู้ต้องขังจากการแสดงออกทางการเมือง
ในคดีมาตรา 112 และเพื่อการยกระดับข้อเรียกร้อง ตะวันและแบม จึงทำการอดน้ำและอาหาร
กระทั่งสุขภาพทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วตามลำดับและอาจมีความเสี่ยงถึงแก่ชีวิตได้
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เหล่านี้
เหล่าองค์กรผู้แทนนิสิตนักศึกษาจึงมิอาจนิ่งนอนใจอยู่ได้
และขอตั้งข้อสังเกตทางกฎหมายบางประการอันเกี่ยวกับการใช้ดุลยพินิจไม่ปล่อยตัวชั่วคราว
และเหตุการณ์ถอนประกันจากกรณีดังกล่าว โดยใช้หลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นหลักสิทธิมนุษยชนสากลที่ปรากฎอยู่ในกฎหมายระหว่างประเทศ
อีกทั้งปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 วรรคสอง ความว่า “ในคดีอาญา
ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด
และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด
จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”
ซึ่งเจตนารมณ์แห่งบทบัญญัติดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องสิทธิมนุษยชน
โดยภาระการพิสูจน์ว่าเป็นผู้กระทำผิดย่อมตกอยู่กับฝ่ายผู้กล่าวหา
และจะไม่มีใครถูกตัดสินว่ามีความผิดจนกว่าจะมีการพิสูจน์โดยปราศจากข้อสงสัยอันสมเหตุสมผล
รวมไปถึงผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญา จะต้องได้รับการปฏิบัติตามหลักดังกล่าว
จนบัดนี้
ได้มีข้อพิสูจน์มากเพียงพอแล้วกับกรณีการยกฟ้องคดีทางการเมืองไปจำนวนมาก
จากการพิสูจน์ทราบว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด
ถ้าหากเป็นเช่นนี้แล้วกระบวนการยุติธรรมไทยจะปล่อยปละละเลยให้มีการนำการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของประชาชนนำมาสู่การออกคำสั่งให้ต้องโทษอยู่ร่ำไปได้เช่นไร
จนบัดนี้แล้ว
กระบวนการยุติธรรมไทยยังกล้าเอ่ยวาทะกรรม “ความเป็นกลางและเป็นอิสระ”
เพื่อแสดงความชอบธรรมขององค์กรอยู่ต่อได้เช่นไร
เหล่าองค์กรผู้แทนนิสิตนักศึกษา
จึงไม่ขอนิ่งเฉยต่อสถานการณ์ดังกล่าว และขอเรียกร้อง 4 ประการ ถึงกระบวนการยุติธรรมสืบเนื่องจากอุดมการณ์ของ
ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตะลานนท์ และ แบม อรวรรณ ภู่พงษ์ ดังต่อไปนี้
1.
วาทกรรม “ความเป็นกลางและเป็นอิสระ” ขององค์กรตุลาการและกระบวนการยุติธรรม
นอกจากจะเป็นอิสระต่อนักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว
ท่านจะต้องเป็นอิสระต่ออุดมการณ์ที่ท่านสังกัด
รวมถึงเป็นอิสระต่ออำนาจทางการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
เพื่อผดุงความยุติธรรมอย่างแท้จริงเอาไว้
2.
ยุติการดำเนินคดีทางการเมืองและปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีทางการเมืองทั้งหมดทันที
โดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากบุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด
การเขียน การพิมพ์และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น
รวมถึงมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
3.
ในกรณีฟ้องร้อง ออกคำสั่ง หรือจับกุม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทางการเมือง
ให้สันนิษฐานว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ มิจำกัดสิทธิใด ๆ
และให้สิทธิในการประกันตัว ทั้งนี้ในกระบวนการยุติธรรมหากมีเหตุในการถอนประกัน
ศาลสามารถยกคำร้องการถอนประกันนั้นได้
เนื่องจากคำร้องนั้นเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
4.
ขอให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เนื่องจากมนุษย์ทุกคนมีคุณสมบัติ จิตใจ
และสิทธิเฉพาะตัวที่พึงสงวนไว้มิให้บุคคลอื่นละเมิดได้ หากสิทธิที่ตนมีมิได้ละเมิดสิทธิผู้อื่น
ดังนั้นการใช้อำนาจของกระบวนการยุติธรรมต้องคำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ
และความเสมอภาคของบุคคล จากการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
สุดท้ายนี้
พวกเราในนามของผู้แทนของเหล่านิสิตนักศึกษา
ขอให้ท่านพึงระลึกไว้เสมอว่าอำนาจสูงสุดแห่งรัฐคืออำนาจของปวงชนชาวไทย จงระลึกไว้เสมอว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
หาใช่อภิชนาธิปไตยที่พวกท่านกำลังหลงระเริง
ด้วยความศรัทธาในอำนาจของประชาชน
เครือข่ายองค์กรผู้แทนนิสิตนักศึกษา
11 องค์กร
องค์การบริหาร
องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษสตรศาสตร์ บางเขน
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น
สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร
สภานักศึกษา
องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
องค์การบริหาร
องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
สภานักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #ตะวันแบม