วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

สฤณี เสนอ “Next Step ปราบขบวนการทุนเทา” ที่รัฐบาลสามารถทำ Quick Win ได้ทันที 2 เรื่อง

 


สฤณี เสนอ “Next Step ปราบขบวนการทุนเทา” ที่รัฐบาลสามารถทำ Quick Win ได้ทันที 2 เรื่อง 


วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ที่สำนักงานใหญ่พรรคประชาชน อาคารอนาคตใหม่ ซอยรามคำแห่ง 42 กรุงเทพฯ สฤณี อาชวนันทกุล นักวิชาการอิสระ พูดถึงประเด็น “Next Step ปราบขบวนการทุนเทา” ในงาน “รีชาร์จประชาชน Recharge the People” ภายใต้ธีม “เอาจริง! มาตรการจัดการทุนเทายึดประเทศ” โดยพูดถึงประเด็นพฤติการณ์ของสแกมเมอร์


สฤณีเริ่มฉายให้เห็นถึงภาพรวมสแกมเมอร์ว่า ปัจจุบันหน่วยงานต่างๆ กำลังเริ่มดำเนินการตามจับสแกมเมอร์ในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งมีการใช้ AI หลอก AI ตัวอย่างจากการที่เราสแกนหน้าเวลาสแกนหน้าโอนเงินเกิน 50,000 บาท แต่สแกมเมอร์สามารถเอารูปถ่ายเราไปเทรน AI เพื่อหลอกระบบ KYC ของธนาคารให้เชื่อว่าเป็นตัวเราเพื่อถอนเงินได้ 


ประเทศไทยมีเข้าไปเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ใน 2 ลักษณะ คือเป็นทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ 


การเข้าไปเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในลักษณะต้นน้ำนั้น สฤณีอธิบายถึงลักษณะการเป็นสแกมเมอร์ต้นน้ำของไทยว่า คนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในลักษณะต้นน้ำ เราอาจไม่ได้เป็นแหล่งบ่มเพาะสแกมเมอร์และอาจจะมีคนไม่กี่คน ในไทยที่ร่วมมือกับสแกมเมอร์ ด้วยการพาสแกมเมอร์เข้าประเทศไทยและพาออกไปยังศูนย์สแกมเมอร์ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศหรือประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการใช้สาธารณูปโภค บริการอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า ไอที ที่อาจหาไม่ได้ในประเทศตัวเอง เราต้องจับตาดูว่ามีบริษัทไทยใดบ้างที่ให้บริการทั้งขายอุปกรณ์ไอที ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้สแกมเมอร์ใช้ในการปฏิบัติการ 


การจัดการเรื่องต้นน้ำเหล่านี้ต้องอาศัยการยกระดับการดำเนินงานของตำรวจตั้งแต่ปราบปราม และทำความเข้าใจพฤติกรรมบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การขายของ-ให้บริการแบบใดที่สุ่มเสี่ยงถูกนำไปใช้ในสแกมเมอร์ เป็นต้น 


การเข้าไปเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ในลักษณะปลายน้ำ เมื่อศูนย์สแกมเมอร์หลอกลวงสำเร็จ ทำให้ได้เงินสกปรกจำนวนมหาศาล กัมพูชาประเทศเดียวมีรายได้จากสแกมเมอร์มากถึง 60% ของจีดีพีประเทศ ประมาณ 7-8 แสนล้านบาทและนำไปสู่การฟอกเงิน เป็นไปได้ที่สแกมเมอร์จะยอมขาดทุนเพื่อหลบเลี่ยงระบบและเข้ามาเป็นเงินผิดกฎหมาย วิธีการฟอกเงินจะหลากหลายมากกว่าในอดีต


รูปแบบการฟอกเงินสามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับ


การฟอกเงินระดับแรก 


สฤณีระบุว่า การนำเงินสกปรกเข้าระบบ ฝากเงิน ซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล ซื้อทองคำ ซื้อสินค้าที่มีมูลค่า โดยการฝากเงินนั้นอาจไม่ง่าย ทาง ปปง. มีแนวปฏิบัติชัดเจน ธุรกรรมแบบไหนเข้าข่ายต้องสงสัย เช่น ไม่รู้ที่มาว่าเอาเงินมาจากไหน นำไปซื้อคอนโดราคาแพง 100 ล้านบาท โดยนายหน้าที่เป็นตัวกลางมีหน้าที่ต้องแจ้ง ปปง. เมื่อพบความน่าสงสัย อาจนำไปสู่การเปลี่ยนรูปแบบเงินเป็นหลักทรัพย์ สินทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้


การฟอกเงินระดับสอง 


การเอาเงินเข้ามาตั้งเป็นกิจการ เป็นบริษัทที่มีสัญชาติไทย เพื่อหาช่องทางฟอกเงินต่อเนื่อง เช่น แจ้งรายได้เยอะๆ ทั้งที่ไม่มีกิจกรรมอะไรมาก ต้นทุนสินค้าอาจจะไม่ขยับเลย มีการจินตนาการคู่ค้าขึ้นมาเพื่อปลอมแปลง ตบแต่งบัญชี ทำให้กิจการเหล่านั้นเป็นเครื่องยนต์ฟอกเงินต่อเนื่อง 


เรื่องนี้ต้องตรวจสอบว่าใครมีส่วนรู้เห็น ทนายความ หรือสำนักกฎหมาย รู้เห็นหรือไม่ โดยเฉพาะบริษัทที่เป็นต้นทางแหล่งสแกมเมอร์ ตั้งบริษัทหลายแห่งพร้อมกัน ถ้าต้องการให้กิจการเหล่านี้เป็นเครื่องมือฟอกเงินต่อเนื่อง ต้องสอบถามถึงผู้ตรวจสอบบัญชีในการตรวจสอบการเงินงบเหล่านี้ เช่น มีทุนจดทะเบียนเยอะมาก แต่ไม่ค่อยมีธุรกรรมมากมาย หรือมีทุนจดทะเบียนไม่เยอะ แต่มีรายได้เยอะ แต่ไม่ค่อยมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ต้องมีการแจ้งเบาะแสถึงความผิดปกติเหล่านี้ 


เม็ดเงินโดยรวมอาจไม่เยอะ แต่สร้างความเสียหายแก่บริษัทที่สุจริต เพราะบริษัทนอมินีเหล่านี้ทำธุรกิจปลอมเพื่อเป็นช่องในการฟอกเงิน


การฟอกเงินระดับสาม 


สฤณีระบุว่า ระดับนี้จะมีความซับซ้อนมากขึ้น ตามที่คุณทอม ไรท์ เคยแฉกองทุน 1MDB เขาได้เปิดเผยกลโกงในตลาดทุนไทย ใช้ตลาดหุ้นไทยเป็นเส้นทางฟอกเงิน ทำต่อเนื่อง หลายปี มีหน่วยงาน มีนิติบุคคลไทยเกี่ยวข้องจำนวนมาก มีเงินที่อยู่นอกตลาดหุ้น ใช้ตลาดหุ้นฟอกเงิน ไม่ใช่การเอาเงินสกปรกทำให้สะอาดโดยเข้ามาซื้อหุ้นในบริษัทจดทะเบียน มีการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านโบรกเกอร์ ต้องมีขั้นตอน KYC (Know Your Customer: KYC หรือกระบวนการยืนยันตัวตนลูกค้าเพื่อตรวจสอบและยืนยันว่าเป็นบุคคลที่ทำธุรกรรมจริง)


หรือการส่งคำสั่งซื้อปริมาณมาก เช่น ซื้อหุ้นในอัตรา 5% ของบริษัทจดทะเบียนแต่ไม่รายงานว่าาผู้ซื้อหุ้นเป็นใคร สิ่งนี้ก็ถือว่าผิดกฎ ก.ล.ต. ซึ่งกลุ่มสแกมเมอร์ไม่ใช่แค่ซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทย แต่มีการวางแผนเพื่อครอบงำ สแกมเมอร์ต้องการบริษัทที่เป็นกลุ่มการเงิน มีใบอนุญาตทำตลาดคริปโตหรือซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเรื่องที่น่ากลัวและร้ายแรง ถ้าสแกมเมอร์กำลังออกแบบครอบงำตลาดคริปโตในไทย เพื่อเอาธุรกิจการเงินฟอกเงินต่อเนื่อง 


การฟอกเงินระดับสี่ 


ถ้าสแกมเมอร์มีอิทธิพล มีบทบาททางการเมืองสูงมาก อาจเอาเงินมหาศาลครอบงำรัฐวิสาหกิจ ครอบเงินบริษัทที่มีรายได้สัมปทาน ซึ่งเอื้อต่อการมีอำนาจผูกขาดและมีรายได้ต่อเนื่องระยะยาว ถ้าเข้าถึงอำนาจรัฐระดับนี้ สามารถทำให้มีรายได้เพิ่มเติม


การฟอกเงินของสแกมเมอร์มีมากถึง 4 ระดับ ยังไม่นับถึงต้นน้ำที่ยังดำเนินต่อไป เช่น หลอกลวงคนไทยไปทำงานศูนย์สแกมเมอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน และบริษัทไทยที่ขายอุปกรณ์หรือให้บริการสแกมเมอร์ให้หลอกลวงต่อไป


ข้อเสนอแนะ คือ 2 Quick Win ที่รัฐบาลสามารถทำได้เลย


สฤณีให้ข้อเสนอแนะว่า รัฐบาลสามารถทำ Quick Win ได้เลย 2 เรื่องแบบไม่ต้องรอ โดย Quick Win แรก หลายประเทศทั่วโลกได้ลงมือแล้ว ทั้งการอายัด ยึดทรัพย์ ฟ้องบุคคลสำคัญที่เป็นหัวหอกสแกมเมอร์ในกัมพูชา กลุ่มเจิ้งเหิง (Zheng Heng Group) ถูกคว่ำบาตรโดยรัฐบาลอังกฤษตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว เขามองว่ากลุ่ม BIC ของยิมเลียกคือบริษัทในเครือ น่าจะถูกใช้ฟอกเงินให้กับกลุ่มเจิ้งเหิง


กลุ่มที่สองคือ เฉิน จื้อ (Prince Group) ถูกคว่ำบาตรโดยรัฐบาลสหรัฐ อังกฤษ กำลังถูกฟ้องขึ้นศาล


กลุ่มที่สาม ฮุยวันกรุป (Huione Group) ฮุยวันมีแพลตฟอร์ม เข้าไปสืบค้นตลาดคริปโตขนาดใหญ่ในเกาหลีใต้ มีธุรกรรมหรืออาชญากรรมที่อาจเชื่อมโยงกับฮุยวัน


รัฐบาลไทยสามารถขอข้อมูลได้เลยจากรัฐบาลสหรัฐ อังกฤษ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ เราสามารถทำการอายัด ยึดทรัพย์ ปปง. มีอำนาจอายัดได้ 90 วัน ซึ่ง Quick Win ที่ 1 ที่รัฐบาลทำได้เลย ซึ่ง ปปง. จะอายัดได้ต้องมีมูลเหตุชัดเจนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงมนุษยชาติและเกี่ยวข้องกับการทรมานที่เกิดขึ้น 


สฤณีย้ำว่า อยากเห็นรัฐบาลทำ Quick Win ที่ 1 โดยการสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการอายัดทรัพย์และตรวจสอบเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเจิ้งเหิง กลุ่ม Prince กลุ่มฮุยวัน โดยขอข้อมูลจากทางการต่างประเทศได้


ส่วน Quick Win ที่สอง 


สฤณีเสนอแนะนำให้มีการตรวจสอบเส้นเงินบุคคลน่าสงสัยที่มีบทบาทสูงเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ เป็นคนสนิทของคุณยิมเลียก ที่ปรึกษาฮุนเซน ร่องรอยต่างๆ ผ่านภรรยา มีการรับรู้มาหลายปีว่าเป็นนักลงทุนกระเป๋าหนัก ซื้อขายหุ้นบิ๊กลอต คราวละมากๆ แต่ไม่ชัดเจนว่านำเงินมาจากไหน 


ถ้าดูการจดทะเบียนบริษัทไทยของแคทรียา บีเวอร์ หรือยิมเลียกและภรรยา จะพบร่องรอยนิติบุคคลไทยที่มีการก่อตั้ง ถือหุ้นโดยบุคคลเหล่านี้จำนวนไม่น้อย มีเบาะแสชัดเจน ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ดำเนินการได้ทันที ปปง.​ สามารถเรียกบริษัทหลักทรัพย์ที่เคยเป็นนายหน้าในการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ของแคทรียา บีเวอร์ เบนจามิน และยิม เลียก รวมถึงนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนหากมีร่องรอยการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ 


โดยให้สืบสาวแหล่งเงินที่ซื้อขายหลักทรัพย์ไม่ชัดเจน ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ KYC เบาะแสธุรกรรมต้องสงสัย รวมถึงนิติบุคคลที่จดทะเบียนที่สิงคโปร์ ก็สามารถขอข้อมูลที่แท้จริงได้เมื่อมีความน่าสงสัยว่าเกี่ยวข้องกัน 


#UDDNEWS #ยูดีดีนิวส์ #รีชาร์จประชาชน