ประกันสังคมก้าวหน้า-ปีกแรงงานพรรคประชาชน ร่วมรายงานความคืบหน้าการทำงาน แฉมี สว. อยากล้มเลือกตั้งทางตรงบอร์ดประกันสังคมสัดส่วนผู้ประกันตน
วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ที่ร้าน Sol Bar ชั้น 2 อาคารอนาคตใหม่ ทีมประกันสังคมก้าวหน้า และผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน ปีกแรงงาน ร่วมเสวนารายงานความคืบหน้าการทำงาน ความท้าทาย และก้าวต่อไปของกองทุนประกันสังคมและสวัสดิการแรงงานไทย
โดยเริ่มต้นจาก เอธภาวิน เจตน์จิราวัฒน์ อนุกรรมการด้านการลงทุน บอร์ดประกันสังคม ในฐานะแขกรับเชิญ กล่าวถึงตัวเลขสถิติคร่าวๆ ของกองทุนประกันสังคม โดยในปัจจุบันมีคนส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคมประมาณ 15 ล้านคน แต่มีผู้ที่ได้รับเงินบำนาญในปัจจุบันไม่ถึง 1 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป โดยกองทุนประกันสังคมมีขนาดประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท และในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา มีผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยเพียง 3% หากยังเป็นอัตรานี้อยู่เงินบำนาญก็จะไม่เพียงพอต่อผู้ประกันตนทุกคน
ดังนั้นเราจึงเข้าไปดูใน 4 ประเด็นใหญ่ ได้แก่ 1. ปรับอัตราการส่งเงินเข้ากองทุน 2. ปรับอายุเกษียณ ที่จากตอนตั้งกองทุนประกันสังคม คิดคำนวณจากสถิติคนไทยมีอายุไขเฉลี่ย 70 ปี แต่ในปัจจุบันปรับเป็นประมาณ 80 ปี และในอนาคตก็อาจจะยืนยาวมากขึ้น 3. อัตราผลตอบแทนการลงทึน ที่ตั้งเป้าว่าจะต้องเปลี่ยนจาก 3% ต่อไป ไปเป็น 6-7% ต่อปี หรือ “เงินเฟ้อ+3%” โดยการปรับเปลี่ยนนโยบายสัดส่วนสินทรัพย์ต่างๆ และกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศเพิ่มขึ้น และข้อสุดท้ายคือ 4. ธรรมาภิบาล ความโปร่งใสในการบริหารจัดการกองทุน ดังที่เห็นตัวอย่างจากกรณีตึก SKYY9 และกรณีความพยายามซื้อหุ้นบางจากสัดส่วนสูงจากกองทุนประกันสังคมโดยกลุ่มคนที่มีเบื้องหลังไม่ชัดเจนโปร่งใส โดยใครที่จะได้ไปก็สามารถมีสิทธิออกเสียงควบคุมทิศทางบริษัทได้ ดังนั้นต้องทำกระบวนการให้ชัดเจนโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในกองทุนประกันสังคม
เอธภาวินย้ำว่า “กองทุนประกันสังคมเป็นกำแพงพิงหลังด่านสุดท้ายของผู้ประกันตนกับคนใช้แรงงาน มันมีความสำคัญมาก ทั้งเงินบำนาญ ทั้งสิทธิประโยชน์เรื่องการแพทย์ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยมันหมดจริงๆ ดังนั้นเราต้องเปลี่ยน แต่การเปลี่ยนนั้นยากอย่างที่เราได้คุยกันแล้ว แต่ถ้าไม่เปลี่ยน เราก็จะผลักปัญหานี้ไป แล้วมันก็จะกลายเป็นปัญหาของรัฐบาลในอีก 25 ปีข้างหน้า เพราะสุดท้ายรัฐบาลก็จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อจะมาช่วยถ้าหากกองทุนนี้ล้ม ดังนั้นเราปล่อยให้ไปถึงวันนั้นไม่ได้ ก็ต้องกาวิธีช่วยกันแก้ ตอนนี้เราเหลือเวลาอีก 25 ปี ยังมีเวลา การทบต้นของดอกเบีเยผลประโยชน์มันสามารถทำงานได้ แต่ถ้าเรารอ 10-15 ปี มันจะสายเกินไป ถ้าเรารอวันนั้นประชากรที่เข้ามาก็จะน้อยลง ก็ยากที่จะยูเทิร์นกลับมาได้”
ทางด้านษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ในฐานะบอร์ดประกันสังคมก้าวหน้ากล่าวย้ำว่า ผลประโยชน์ของผู้ประกันตนเป็นอันดับหนึ่ง และเราจะฉายไฟส่องเข้ามาเพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ออกดอกออกผลมาเป็นสวัสดิการสมน้ำสมเนื้อให้ผู้ประกันตน
แต่สิ่งที่ตนอยากฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรีนุช เทียนทอง ว่าบอร์ดประกันสังคมชุดปัจจุบันจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2569 แต่กลับมีการกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2569 ดังนั้น สิ่งที่พวกตรเสนอ ก็คือ 1. ควรจัดให้มีการเลือกตั้งบอร์ดประกันสงคมชุดใหม่ในระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน หลังจากชุดเก่าหมดวาระลง เพื่อให้การตัดสินใจและการทำงานเต็มอำนาจนการปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกันตนยังเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ และ 2. ต้องเป็นการเลือกตั้งทางตรงจากผู้ประกันตน ไม่ใช่ดั่งที่ตนทราบมาว่ามี สว. บางท่าน พูดคุยกันถึงขนาดว่า “ถ้าผู้ประกันตนเลือกตั้งทางตรง เดี๋ยวพวกนี้ก็ชนะอีก ดังนั้นต้องเลือกแบบ สว.”
สำหรับทางด้าน สส. เซีย จำปาทอง กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานนิติบัญญัติของปีกแรงงาน พรรคประชาชน โดยเซียกล่าวขอขอบคุณพี่น้องประชาชนและทุกฝ่ายที่ร่วมกันสนับสนุนร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานหลากหลายประเด็น แม้ว่าจะยังมีอีหลากหลายประเด็นยังไม่ได้ตามที่คาดหวังไว้ แต่ก็จะร่วมกันเดินหน้าต่อไป
ตัวอย่างเช่น เราเสนอลาคลอด 180 วัน แต่กฎหมายผ่าน 120 วัน และคู่สมรสได้สิทธิ์อีก 15 วัน, กฎหมายพักผ่อนใช้ชีวิต ทำงานไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์มีวันหยุด 2 วัน, การให้สิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่มและก่อตั้งสหภาพแรงงานตามมาตรฐานสากล (ILO87,98), การปรับมาตรฐานการจ้างงานลูกจ้างเหมาบริการภาครัฐให้มีความคุ้มครองเทียบเท่าการจ้างงานตามกฎหมายแรงงานทั่วไป และที่สำคัญคือการตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง ที่แต่ก่อนหากนายจ้างเลิกจ้างกระทันหันไม่ได้ชดเชยลูกจ้างตามกฎหมาย ก็ต้องไปตามฟ้องร้องดำเนินคดีกันเอาเองและรอนานเป็นปีๆ และบางทีก็ไม่ได้รับชดเชยเยียวยา โดยปรับมาเป็นการที่รัฐมีกองทุนและจ่ายให้เลย ส่วนการไล่บี้เก็บกับนายจ้างนั้นเป็นหน้าที่ของกองทุนและรัฐ
สุดท้าย สหัสวัต คุ้มคง ผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน กล่าวย้ำว่าหลักคิดในการออกแบบนโยบายและร่างกฎหมายนั้น อยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เช่น การขยายสิทธิในการลาคลอดนั้นไม่ไใช่แค่สิทธิแรงงานแต่คือความมั่นคงของประเทศ ที่ปัจจุบันกำลังประสบปัญหาโครงสร้างประชากรที่มีคนเกิดน้อยกว่าตาย รวมถึงการแก้ไขปัญหาสังคมที่ให้ครอบครัว พ่อแม่ลูก ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
และที่สำคัญที่สุด เช่นการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ก็คือการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพแรงงานไทยให้มากขึ้น จากงานวิจับที่พบว่าประเทศไทยมีชั่วโมงการทำงานสูงแต่ผลิตภาพต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน การพักผ่อนก็ทำให้แรงงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้มีโอกาสพัฒนาตัวเอง รวมทั้งลดการเกิดอุบัติเหตุจากการพักผ่อนไม่เพียงพอด้วย ถือเป็นประโยชน์ของนายจ้างเช่นกัน
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประกันสังคมก้าวหน้า #พรรคประชาชน #บอร์ดประกันสังคม









