ConforAll
ยื่นหนังสือถึงครม. จี้รัฐบาลสั่งทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ทันที
ลั่น “เราพร้อมจะทำประชามติครั้งที่ 1 ในวันที่ 29 มีนา 69“
วันที่
25 พฤศจิกายน 2568 เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ หรือ
ConforAll พร้อมด้วยเครือข่ายสมัชชาคนจนที่ปักหลักอยู่บริเวณสำนักงานพัฒนาระบบราชการ
(กพร.) ข้างทำเนียบรัฐบาล เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เพื่อเรียกร้องให้ ครม.
มีมติให้จัดการออกเสียงประชามติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันที
เนื่องจากอำนาจคณะรัฐมนตรีสามารถมีมติในเรื่องที่เห็นสมควรได้
กลุ่ม
ConforAll
อ่านแถลงการณ์ โดยสรุปได้ว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีชุดนี้จัดตั้งขึ้นภายใต้ข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน
(MOA) ที่จะยุบสภาภายใต้กรอบเวลา 4 เดือน
และจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในวันที่ 29 มีนาคม 2569 และออกเสียงประชามติเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมการเลือกตั้ง
ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยในสภา
มีความไม่แน่นอนที่อาจเกิดการยุบสภาเมื่อไรก็ได้
หากมีการยุบสภาก่อนก็จะเกินกรอบเวลา 60-150 วัน ตามมาตรา 11
ของ พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 (พ.ร.บ.ประชามติฯ) ทำให้จัดประชามติไม่ทัน
และเท่ากับรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ประกาศไว้ต่อหน้าประชาชนได้
ConforAll
ระบุว่าการทำประชามติในคำถามที่ 1 เป็นการทำประชามติตาม
มาตรา 9 (2) ของพ.ร.บ.ประชามติฯ
เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตุสมควรก็ออกมติให้มีการออกเสียงประชามติได้เลย
ไม่จำเป็นต้องรอให้การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐสภาเสร็จสิ้นเสียก่อน
เพื่อให้เกิดความแน่นอนและประชาชนรู้สึกมั่นใจว่าจะเกิดการจัดทำประชามติขึ้นจริงอย่างน้อย
1 คำถามภายในกรอบเวลาตาม MOA คณะรัฐมนตรีชุดนี้จึงต้องเร่งออกมติของคณะรัฐมนตรีโดยทันที
เพื่อให้มีการจัดการออกเสียงประชามติพร้อมการเลือกตั้งครั้งถัดไป
หากคณะรัฐมนตรีออกมติตั้งแต่วันนี้เพื่อเดินตามข้อตกลงที่ได้ประกาศไว้
ก็จะช่วยให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจได้ว่าประชาชนจะมีโอกาสได้ออกเสียงเพื่อไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
และรัฐบาลนี้ย่อมจะได้รับคำชื่นชมในฐานะผู้ที่ “กล้า” เปิดทางออกทางการเมือง
แต่หากสุดท้ายไม่เกิดการจัดทำประชามติขึ้น เพราะไม่ทันตามกรอบเวลา
รัฐบาลนี้ย่อมจะถูกจดจำในฐานะ "ผู้ผิดสัญญา"
นอกจากนี้
เมื่อปี 2566
ConforAll ได้เคยรวบรวมรายชื่อของประชาชนกว่า 200,000 รายชื่อ ใช้สิทธิตามมาตรา 9 (5) ของ พ.ร.บ.ประชามติฯ
เสนอคำถามต่อคณะรัฐมนตรีชุดที่นำโดยเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้ทำประชามติถามประชาชนว่า
“ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่ารัฐสภาต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)
ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน”
แต่ยังไม่เคยได้รับการพิจารณาโดยคณะรัฐมนตรีชุดใดเลย
จึงขอให้คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนำข้อเสนอของประชาชนที่เคยยื่นไว้มาพิจารณาด้วย
ด้านตัวแทนรัฐบาล
ได้แก่ ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสิริพงศ์
อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้มารับหนังสือจากกลุ่ม ConforAll โดยภราดรกล่าวว่า
รัฐบาลมีความตั้งใจจะเสนอประเด็นสั่งให้มีการจัดทำประชามติในวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2568) แต่เมื่อทบทวนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
ก็อาจจะมีข้อโต้แย้งทางกฎหมายในบางประเด็น
แต่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประชามติแล้วไม่ได้ห้ามเอาไว้
จึงกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่าสามารถจะดำเนินการได้หรือไม่ ในส่วนของครม.
ภราดรระบุว่าว่าจะสามารถสั่งให้มีคำถามประชามติได้ แต่จำเป็นต้องถามฝ่ายกฎหมายให้ชัดเจนเสียก่อน
แตรัฐบาลตั้งใจจะทำประชามติครั้งที่ 1 ในวันที่ 29 มีนาคม 2569 ที่ประกาศเอาไว้ว่าจะยุบสภาในวันที่ 31
มกราคม 2569 ภราดรยืนยันว่าไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา
256 เพื่อเปิดช่องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนญฉบับใหม่จะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่อย่างไร
ทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้น
ภราดรยังกล่าวทิ้งท้ายว่าในการประชุม
ครม. ประจำวันที่ 25
พฤษจิกายน 2568 ครม.จะพิจารณาเรื่องการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญของรัฐสภา
ในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
2560 ในวาระสอง เมื่อเปิดสมัยวิสามัญในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 เสร็จสิ้นแล้วรัฐธรรมนูญมาตรา 256
กำหนดให้ต้องรอไว้ 15 วัน
เพื่อให้รัฐสภาได้ลงมติในวาระ 3 ในวันที่ 29 ธันวาคม 2568
ขณะที่สิริพงศ์กล่าวว่า
ครม. มีความตั้งใจที่จะทำตาม MOA ยกเว้นกรณีการรวมเสียงได้เป็นเสียงข้างมากซึ่งเป็นการละเมิด
MOA ข้อที่ 4 คือต้องไม่ทำเสียงให้เกินกึ่งหนึ่ง
ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ (ทางการเมือง) ส่วนการสั่งให้ทำประชามตินั้น
สิริพงศ์กล่าวว่าจะพิจารณาไม่เกินสัปดาห์หน้า (การประชุม ครม. ในวันที่ 2 ธันวาคม 2568) ในการกำหนดวันออกเสียงประชามติด้วย
ทั้งนี้
แสงศิริ ตรีมรรคา ในฐานะเลขาธิการกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.)
ระบุว่า ในวันที่ 6-10
ธันวาคม 2568 กป.อพช. จะจัดกิจกรรม
“เดินเพื่ออนาคต” (Walk to the Future) เพื่อรณรงค์ให้มีการจัดทำประชามติสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยเริ่มเดินจากอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
รวมระยะเวลา 5 วัน ระยะทาง 60 กิโลเมตร
จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกิจกรรมและเรียกร้องประชามติครั้งนี้ไปด้วยกัน
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ
















