วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ลุ้นฟังคำพิพากษา ม.112 บอย-แอมป์-ฉัตรรพี แถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมัน 14 พ.ย. 64 หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การชุมนุมที่มธ.รังสิต 10 สิงหาคม 2563 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง #บอย เผย พร้อมรับทุกสถานการณ์ ฝากอย่าลืมเพื่อนในเรือนจำ อย่าลืมคนที่จากไปแล้ว อย่าลืมเรื่องราวการต่อสู้ที่ผ่านมา


ลุ้นฟังคำพิพากษา ม.112 บอย-แอมป์-ฉัตรรพี แถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมัน 14 พ.ย. 64 หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การชุมนุมที่มธ.รังสิต 10 สิงหาคม 2563 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง #บอย เผย พร้อมรับทุกสถานการณ์ ฝากอย่าลืมเพื่อนในเรือนจำ อย่าลืมคนที่จากไปแล้ว อย่าลืมเรื่องราวการต่อสู้ที่ผ่านมา


วันที่ 21 พ.ย. 2568 เวลา 09.30 น. ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาคดีของ ธัชพงศ์ แกดำ หรือ “บอย”, ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา หรือ “แอมป์” และ ฉัตรรพี อาจสมบูรณ์ ที่ถูกฟ้องในข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ “ยุยงปลุกปั่นฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จากเหตุการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2564


โดยการชุมนุมดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การชุมนุมเพื่อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เป็นการล้มล้างการปกครอง


iLaw ชวนย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การชุมนุม “ธรรมศาสตร์ไม่ทน” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอ้นมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 49 ซึ่งหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยดังกล่าว นักกิจกรรมหลายกลุ่มก็ได้นัดชุมนุมเพื่อแสดงจุดยืนตอบโต้คำวินิจฉัยดังกล่าวในรูปแบบของการชุมนุม #ต่อต้านระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์


เดิมการชุมนุมถูกนัดหมายไว้ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อจะเดินขบวนไปยังสนามหลวง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตั้งแนวตู้คอนเทนเนอร์ ปิดการจราจรไว้ ผู้ชุมนุมจึงย้ายสถานที่ไปเริ่มที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย โดยใช้เส้นทางผ่านถนนอังรีดูนังต์และถนนพระราม 4


ต่อมาอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มศูนย์รวมปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทั้งสามคนต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ก่อนที่นักกิจกรรมทั้งสามจะถูกออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในเวลาต่อมา ซึ่งความผิดที่ทั้งสามถูกกล่าวหาในคดีนี้คือความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116


ตามคำฟ้องระบุว่า ขณะที่พวกของจำเลยทั้งสามคนได้เข้าไปยื่นจดหมายให้กับสถานเอกอัครราชทูตจำเลยทั้งสามก็ได้กล่าวแถลงการณ์เป็นภาษาไทยให้ผู้ร่วมชุมนุมฟัง เนื้อหาของแถลงการณ์ในทำนองว่าฝ่ายกษัตริย์นิยมได้ทำให้ประชาชนกลายเป็นเพียงผู้อยู่อาศัยภายในประเทศ จึงจำเป็นต้องต่อสู้เรียกร้องระบอบประชาธิปไตยโดยต้องต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์


การปราศรัยในลักษณะดังกล่าวแม้ว่าจะไม่ได้กล่าวถึงพระมหากษัตริย์หรือเอ่ยพระนามของพระมหากษัตริย์ แต่เมื่อได้รับฟังแล้วก็สื่อให้เข้าใจได้ว่าพระมหากษัตริย์เข้ามามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ โดยอาศัยอำนาจของฝ่ายที่นิยมในพระมหากษัตริย์ที่ถวายอำนาจให้ เป็นการชักชวนให้ประชาชนออกมาต่อต้าน ชี้นำให้ประชาชนเข้าใจว่าถูกลิดรอนอำนาจโดยพระมหากษัตริย์


ในนัดนี้แอมป์ได้ถูกเบิกตัวออกมาฟังคำพิพากษาคดีนี้ โดยเขาอยู่ระหว่างการรับโทษในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 มาแล้ว 365 วัน


ด้านบอย ธัชพงศ์ ได้กล่าวก่อนขึ้นไปฟังคำพิพากษาว่า ตนพร้อมเจอพร้อมรับทุกสถานการณ์ เราต้องศรัทธาซึ่งกันและกันคนละไม้คนละมือ อย่าลืมคนที่อยู่ในเรือนจำ อย่าลืมคนที่จากไปแล้ว อย่าลืมบุ้ง เราต้องเอาชนะคำสบประมาทให้ได้ว่า 'เดี๋ยวก็ลืม' เราจะไม่เหมือนคนรุ่นก่อน สู้ไปด้วยกัน เราต้องไม่ลืมเรื่องราวระหว่างทาง


ข้อมูล : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และ iLaw


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #มาตรา112 #มาตรา116