ต่อจากสถานะเมื่อครู่นี้ที่พูดถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการสื่อสารเรื่องวัคซีน มาถึงจุดนี้ถ้าผมเป็นรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาคนไม่อยากมาฉีดวัคซีนอย่างไรบ้าง
0) เตรียมสั่งวัคซีนมาให้ครบชนิดและสามารถฉีดประชากรแต่ละกลุ่มได้อย่างปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น อย่างน้อยต้องมีวัคซีนของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาเพียงพอที่จะฉีดผู้หญิงอายุ 18 ถึง 60 ปีทุกคน เป็นต้น และเตรียมการรักษาผลข้างเคียงอย่างดีที่สุด จนชัวร์ว่าประชาชนจะปลอดภัยมากที่สุด
1) เมื่อเตรียมตามข้อ 0 แล้วแถลงไปเลยว่าไทยมีวัคซีนที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่หาได้ให้กับประชากรทุกคนและเตรียมการรับมือกับผลข้างเคียงของวัคซีนไว้แล้ว
2) เวลานี้การระบาดกระจุกตัวอยู่ใน กทม.และปริมณฑลเป็นหลัก น่าจะประกาศเลยว่า กทม.และปริมณฑลใครฉีดก็ได้ คนก็อยากฉีดมากกว่าเพราะเห็นภยันตรายอยู่ใกล้ตัวมากกว่า และคนที่มาฉีดรอบแรกน่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยกลัววัคซีนอยู่แล้ว ถ้าคนเหล่านี้ฉีดแล้วสบายดีจะเป็นเครื่องโฆษณาความปลอดภัยให้กับคนอื่นที่ยังกังวลกับวัคซีนที่ดีที่สุด นอกจากนั้นคนเหล่านี้ยังมีญาติในต่างจังหวัดยังขยายความเข้าใจไปในต่างจังหวัดอีกด้วย
3) แทนที่จะให้คนในรัฐบาลหรือแพทย์ระดับสูงแถลงว่าควรฉีดวัคซีน ผมคิดว่าคนที่โน้มน้าวใจคนอื่นให้มาฉีดวัคซีนได้ดีกว่าคือประชาชนด้วยกันเองครับ คนเป็นหมอทุกคนคงทราบกฎข้อนี้ดีว่า “คนไข้มีแนวโน้มจะเชื่อป้าข้างบ้านมากกว่าหมอเสมอ” เพราะคนเราจะเชื่อคนที่คล้ายคลึงกับเรามากกว่าสิ่งที่แตกต่างหรืออยู่ห่างจากเรามากเกินไป อีกอย่างคนในรัฐบาลกับแพทย์ใหญ่ๆช่วงนี้เสียความน่าเชื่อถือไปพอควรพูดไปคนอาจไม่เชื่อ ถ้าทำเป็นรายการทีวีก็ประมาณว่าไปเตนท์ที่คนมารอฉีดหรือรอสังเกตอาการหลังฉีดแล้วก็มาสัมภาษณ์ว่าไม่กลัววัคซีนเพราะอะไร
ที่มา : fb.สลักธรรม โตจิราการ
12 พ.ค. 64
#COVID19 #โควิด19
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์