การตามหาความจริง
ความยุติธรรม ไม่สัมฤทธิ์ผลจนกว่าประชาชนจะมีอำนาจจริง
หลายคนมองว่า
10 ปีผ่านมา ความจริงและความยุติธรรมสำหรับประชาชนที่เรียกร้องตลอด 10
ปี ไม่เห็นจะได้อะไรเลย
บ้างก็ท้อแท้
บ้างก็โทษขบวนการและแกนนำ
บ้างก็โทษพรรคการเมือง
ก็สามารถทำได้
ด้วยความเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งฝั่งผู้มีอำนาจและฝั่งประชาชน
แต่หลักการสำคัญ
เมื่อมีความขัดแย้งใหญ่ในสังคม
และมีการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามประชาชนจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ความพยายามที่จะแก้ความขัดแย้งต้องขึ้นกับระบอบการเมืองการปกครองว่าประชาชนมีอำนาจจริงหรือไม่
ถ้าไม่มีอำนาจจริงจากการปกครองในระบอบที่มีเสรีภาพ เสมอภาค
ก็ไม่อาจไปสู่ความยุติธรรมและทำความจริงให้ปรากฏได้
ดังนั้น
ความพยายามทำความจริงให้ปรากฏและเกิดความยุติธรรม
ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในระบอบการปกครองเผด็จการ อำมาตยาธิปไตยที่ใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตย
นี่ไม่ใช่เรื่องท้อแท้และคิดว่าการจัดงานรำลึกคล้ายงานเช็งเม้ง
ที่ผู้คนจะมากันน้อยและโรยราเป็นลำดับ
ตรงข้าม
การจัดงานรำลึก ความพยายามทำความจริงให้ปรากฏว่าประชาชนถูกปราบปราม จับกุมคุมขัง
โหดร้ายอย่างไร เป็นภารกิจของนักต่อสู้ประชาชนที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน จะมาก จะน้อย
แต่เป็นสำนึกจิตวิญญาณร่วมกันที่ต้องการชำระประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนที่สืบเนื่องยาวนาน
เพื่อให้ชัยชนะในอนาคตที่ยั่งยืน ไม่ใช่มีเลือกตั้งสลับรัฐประหาร
แล้วเขียนรัฐธรรมนูญที่ตอบสนองอำนาจผู้ปกครอง อำนาจนิยม จารีตนิยม
ดังนั้น
การทวงถามความจริง ความยุติธรรม และการรำลึกผู้สูญเสีย คือส่วนของกระบวนการต่อสู้
ไม่ใช่เลิกราไปเฉย ๆ เพราะนี่คือการฟ้องร้องต่อสังคมไทย สังคมโลก ที่ผ่านไปกี่ปี
เช่นเดียวกับเหตุการณ์ 6
ตุลา 19, พฤษภา 35, พฤษภา
52, 53 ที่เกิดโศกนาฏกรรมในประเทศไทย และไร้คนรับผิดชอบ ไม่มีใครถูกลงโทษ
เราก็จะจัดงานรำลึกต่อไปด้วยวิธีไหนก็ตาม
และตามหาความยุติธรรม ทำความจริงให้ปรากฏไปจนกว่าประชาชนจะได้รับ
ซึ่งก็หมายความว่า
นั่นคือเวลาที่การเมืองการปกครองมีประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจแท้จริง
นักต่อสู้ประชาชนผ่านมากี่รุ่น ตายกันกี่รอบ ก็จะมีคนใหม่เพิ่มเติมเข้ามาต่อไป
เพราะกงล้อพัฒนาการของสังคมต้องเดินไปข้างหน้า
10
เมษา – 19 พฤษภา เราจะตามหาความจริง
ความยุติธรรม กันต่อไป
ธิดา
ถาวรเศรษฐ
13 พ.ค. 63
#นปช #คนเสื้อแดง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์