นพ.
เหวง โตจิราการ : รำลึก 11
ปี เมษา-พฤษภา ปี 53
ขอแสดงความคารวะต่อวีรชนประชาชนที่พลีชีพเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี
53 ด้วยความเคารพรักอย่างสูงสุด
11
ปีแล้ว ที่ฆาตกรและผู้สังฆ่ายังลอยนวล
เป็นภาระหน้าที่ของพวกเราที่ยังคงมีชีวิตอยู่ที่จะต้องไปดำเนินการเพื่อนำตัวฆาตกรและผู้สั่งฆ่ามาลงโทษตามกฎหมายให้ได้
ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด และไม่ว่าจะต้องใช้เวลายาวนานมากน้อยเพียงใด
จนถึงปัจจุบัน
เป็นเวลา 11
ปีแล้ว ที่ศัตรูของประชาชน ไม่สามารถจับกุมชายชุดดำแม้เพียงคนเดียว
อย่าว่าแต่เป็นกองกำลังติดอาวุธเลย
ดังนั้นเรื่องกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำจึงเป็นเรื่องโกหกใส่ร้ายป้ายสีที่รัฐบาลอภิสิทธิ์และศอฉ.
สร้างขึ้นเพื่อเป็นเหตุผลในการเข่นฆ่าประชาชนที่มาเรียกร้องให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างสันติ
ด้วยทหารใช้อาวุธสงครามได้อย่างเหี้ยมโหด
นี่จึงเป็นเรื่องที่สังคมไทยทั้งหมดต้องร่วมกันในการนำเอา
ศอฉ.และรัฐบาลอภิสิทธิ์มาดำเนินการทางกฎหมายในเรื่อง
“การฆ่าประชาชนสองมือเปล่าเมื่อเดือนเมษา-พฤษภา ปี 53”
เพราะหากสังคมไทยทั้งหมดนิ่งเฉย
การฆ่าประชาชนสองมือเปล่าด้วยทหารที่ใช้อาวุธสงครามยังจะต้องเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน
เพราะเป็นตัวอย่างให้เห็นตำตาว่า
ผู้มีอำนาจสามารถใช้ทหารทั้งกองทัพเพื่อฆ่าประชาชนที่เห็นต่างสองมือเปล่าด้วยทหารที่ใช้อาวุธสงครามได้อย่างเมามันและลอยนวลไม่ต้องได้รับโทษทางกฎหมายใด
ๆ ทั้งสิ้น
กรณีเซ็นทรัลเวิลด์และเซนคำพิพากษาถึงที่สุดได้ยืนยันแล้วว่า
คนเสื้อแดงไม่ได้เผา ในความจริง ภายหลัง 13.00 น.แกนนำสลายชุมนุมได้ไป,มอบตัวและถูกนำไปค่ายนเรศวรประจวบแล้ว พื้นที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์และบริเวณรอบนอกทั้งหมดไปจนสะพานหัวช้าง
สี่แยกชิดลมล้วนแล้วแต่ถูกยึดครองโดยทหารสมัยนั้นทั้งสิ้นเป็นจำนวนหลายหมื่นและมีภาพชายชุดคล้ายทหารพร้อมอาวุธลาดตระเวณหรือบางครั้งก็งัดประตูห้างร้านภายในห้างเซนและเซ็นทรัลเวิลด์ชัดเจน
เรื่องการเผาศาลากลางจังหวัดตามที่ต่าง
ๆ นั้น
ผมเคารพทุกคำพิพากษาศาลทุกกรณี
แต่ผมยังเชื่อว่า
การเผาเมื่อปี 53
เกิดขึ้นจากฝ่ายรัฐ ในสมัยศอฉ.และรัฐบาลอภิสิทธิ์
เพราะจากภาพวิดีโอและจากการได้มีโอกาสพูดคุยกับประชาชนในบางจังหวัดต่าง
ๆ พบว่าไฟลุกไหม้ขึ้นที่ชั้นสองก่อนแล้วค่อยลุกลามลงมาชั้นล่างและคนที่ถูกจับไปดำเนินคดี
ก็เป็นผู้ที่มายืนดูเหตุการณ์ไฟไหม้แต่ถูกตำรวจจับไปสอบสวนด้วยวิธีการพิเศษและให้ลงชื่อรับสารภาพ
ดังนั้นเรื่องการเผาก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องสะสางชำระความให้ความจริงปรากฏขึ้นมาในอนาคตอีกต่อไป
ตราบเท่าที่
อำนาจรัฐแท้จริงยังไม่เป็นของประชาชน
อย่าไปหวังเลยว่า
กลไกกระบวนการยุติธรรม จะเที่ยงธรรมให้ความยุติธรรมแก่ประชาชน
เพราะกลไกอำนาจรัฐเผด็จการย่อมต้องปกป้องสร้างความมั่นคงให้แก่อำนาจรัฐเผด็จการเท่านั้น
พวกเรายังต้องเดินหน้าในการ
สร้างอำนาจรัฐประชาชนขึ้นมาให้ได้
ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดทางการเมืองอย่างแท้จริงต้องแสดงตัวออกมาเพื่อทวงคืนอำนาจสูงสุดทางการเมืองของตนเองคืนมาโดยประชาชนต้องร่วมกันยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนขึ้นมาใหม่เพื่อใช้แทนที่รัฐธรรมนูญฉบับคสช.ที่เป็นของพวกเขา
ยกร่างโดยพวกเขา และทำประชามติภายใต้กรงเล็บอำนาจของพวกเขา
จากนั้นจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ยกร่างโดยประชาชนที่เป็นอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญอย่างแท้จริงไม่ใช่คสช.และประชามติจอมปลอมภายใต้กรงเล็บของคสช.
ปัจจุบัน
คนรุ่นลูกรุ่นหลาน
ได้มีความตื่นตัวทางการเมืองต่อสภาพการณ์บ้านเมืองของไทยอย่างลึกซึ้ง
พวกเขาได้ปรากฏตัวขึ้นมาและได้เคลื่อนไหวอย่างครึกโครมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว
หนุ่มสาวเยาวชนนักเรียนนักศึกษาพวกนี้แหละจะเป็นกองหน้าและสะพานเชื่อมไปประชาชนชนชั้นและชั้นชนต่าง
ๆ ทั่วประเทศ
เพื่อผนึกกำลังกันขึ้นมาต่อสู้ช่วงชิงเพื่อให้อำนาจสูงสุดของประเทศนั้นกลับคืนมาเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
และพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่ฟื้นฟูเกียรติภูมิการต่อสู้ของคนเสื้อแดงกลับคืนมาจากการเหยียบย่ำของพวกอนุรักษ์นิยมอำนาจนิยมเผด็จการทหารขวาจัด
ดังนั้นพี่น้องเสื้อแดงทั้งหลายต้องตระหนักในบทบาทกองหน้าและสะพานเชื่อมของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในปัจจุบัน
และให้การโอบอุ้มสนับสนุนลูกหลานเยาวชนคนหนุ่มสาวในปัจจุบันผนึกกำลังกันจนก่อเกิดเป็นคลื่นมหึมาถาโถมใส่อำนาจรัฐเผด็จการขวาจัดอนุรักษ์นิยมให้พังทลายไปและร่วมกับประชาชนทั้งประเทศสร้างอำนาจสูงสุดของประเทศที่เป็นของประชาชนทั้งหลายที่แท้จริงขึ้นมา
#11ปีเมษาพฤษภา53 #นปช #คนเสื้อแดง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์