#11ปีเมษาพฤษภา53
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย (17 ธ.ค.
55) กรณี
นายชาติชาย ชาเหลา
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือนายชาติชาย ชาเหลา ถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2553 เวลา 23.37 นาฬิกา เหตุและพฤติการณ์แห่งการตาย สืบเนื่องมาจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) เป็นเหตุให้สมองฉีกขาด ร่วมกับกะโหลกศีรษะแตกอย่างมาก ซึ่งวิถีกระสุนปืนมาจากแนวด่านตรวจแข็งแรงของเจ้าพนักงาน ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บริเวณถนนพระราม 4 โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(17 ก.ย. 55) กรณี นายพัน คำกอง
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายชื่อ นายพัน คำกอง ตายที่หน้าสำนักงานขายคอนโดมิเนียมชื่อ ไอดีโอ คอนโด ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง เหตุและพฤติการณ์ที่ตายเกิดจากการถูกลูกกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) จากอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงครามที่เจ้าพนักงานทหารร่วมกันยิงไปที่รถยนต์ตู้ หมายเลขทะเบียน ฮค 8561 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายสมร ไหมทอง เป็นผู้ขับ แล้วลูกกระสุนปืนไปถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ในขณะเจ้าพนักงานทหารกำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบปิดล้อมพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย (20 พ.ค. 55) กรณี ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ (อีซา)
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือเด็กชายคุณากร ศรีสุวรรณ ตายระหว่างถูกนำส่งโรงพยาบาลพญาไท 1 ถนนศรีอยุธยา แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือถูกลูกกระสุนปืนซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย (26 พ.ย. 55) กรณี นายชาญณรงค์ พลศรีลา
ศาลมีคำสั่งว่า
ผู้ตายคือ นายชาญณรงค์ พลศรีลา ตายที่โรงพยาบาลพญาไท 1 แขวงถนนพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553
เวลาประมาณ 14 นาฬิกา
เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือ
ถูกทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
ในการดำเนินการตามมาตรการปิดล้อมและสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อขอคืนพื้นที่และผิวจราจรบริเวณถนนราชปรารภ
ยิงด้วยอาวุธปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 มิลลิเมตร หัวกระสุนปืนลูกโดดถูกที่บริเวณหน้าท้องและแขนขวา เป็นเหตุให้ลำไส้เล็กฉีกขาดหลายตำแหน่ง
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(29 พ.ค. 56) กรณี นายฟาบิโอ โปเลงกี (FABIO POLENGHI)
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือนายฟาบิโอ โปเลงกี (FABIO POLENGHI) ถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลตำรวจ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เวลา 11.30 นาฬิกา เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายสืบเนื่องมาจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืน เป็นเหตุให้เกิดบาดแผลกระสุนปืนทะลุหัวใจ ปอด ตับ เสียโลหิตปริมาณมาก โดยมีวิถีกระสุนปืนยิงมาจากด้านเจ้าพนักงานที่กำลังเคลื่อนเข้ามาควบคุมพื้นที่จากทางแยกศาลาแดงมุ่งหน้าไปแยกราชดำริ โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย (30 เม.ย. 56) กรณี พลทหาร ณรงค์ฤทธิ์ สาละ
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ ตายที่บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาออก แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 เม.ย.53 เวลาประมาณ 15.00 น. เหตุและพฤติการณ์การตายคือ ถูกระสุนปืนความเร็วสูง ซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยกระสุนถูกที่ศีรษะด้านซ้ายหางคิ้วผ่านทะลุกะโหลกศีรษะทำลายเนื้อสมองเป็นเหตุให้เสียชีวิต
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(6 ส.ค. 56) กรณี 6 ศพ
วัดปทุมวนาราม
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายที่ 1 คือนายสุวัน ศรีรักษา ผู้ตายที่ 2 คือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ ผู้ตายที่ 3 คือนายมงคล เข็มทอง ผู้ตายที่ 4 คือนายรพ สุขสถิต ผู้ตายที่ 5 คือนางสาวกมนเกด อัคฮาด ผู้ตายที่ 6 คือนายอัครเดช ขันแก้ว ถึงแก่ความตายในวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวัน เหตุและพฤติการณ์ที่ตาย สืบเนื่องมาจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .223 หรือ 5.56 มิลลิเมตร ซึ่งวิถีกระสุนปืนยิงมาจากเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนารามราชวรวิหารและบริเวณถนนพระรามที่ 1 ซึ่งเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เป็นเหตุให้ผู้ตายที่ 1 มีบาทแผลกระสุนปืนทะลุปอดและหัวใจ เสียโลหิตปริมาณมาก ผู้ตายที่ 2 มีบาทแผลกระสุนปืนทำลายปอด ผู้ตายที่ 3 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด หัวใจ ตับ ผู้ตายที่ 4 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ตับ ผู้ตายที่ 5 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง ผู้ตายที่ 6 มีบาดแผลกระสุนปืนทะลุเข้าในช่องปาก โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(30 ก.ย. 56) กรณี นายจรูญ ฉายแม้น และ นายสยาม วัฒนนุกูล
ศาลมีคำสั่งว่า นายจรูญ ฉายแม้น ผู้ตายที่ 1 ถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลกลาง เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 เวลาประมาณ 22.00 น. สาเหตุการตายเนื่องจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูงที่ทรวงอก ทำลายปอดและตับ ส่วนนายสยาม วัฒนนุกูล ผู้ตายที่ 2 ถึงแก่ความตายขณะนำส่งโรงพยาบาลกลาง เมื่อวันที่ 10-11 เม.ย.53 สาเหตุการตายเนื่องจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนที่ด้านหลังทะลุทรวงอก ทำลายหลอดเลือดแดงใหญ่ช่องอก และเสียโลหิตมาก ซึ่งวิถีกระสุนปืนยิงมาจากฝ่ายเจ้าพนักงานที่ถอยร่นจากแนวป้องกันบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาไปที่บริเวณซอยข้างวัดบวรนิเวศใกล้แยกสะพานวันชาติ โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(27 ธ.ค. 56) กรณี นายถวิล คำมูล
ศาลมีคำสั่งว่า มีคำสั่งว่า ผู้ตาย ชื่อ นายถวิล คำมูล ถูกกระสุนปืนลูกโดดความเร็วสูงยิงเข้าที่ศีรษะส่งผลให้เนื้อสมองฉีกขาด ทำให้เสียชีวิต โดยวิถีการยิง ถูกยิงมาจากแนวของเจ้าหน้าที่ ช่วง แยกศาลาแดง แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(25 มี.ค. 57) กรณี นายนรินทร์ ศรีชมภู
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตาย ถึงแก่ความตายที่ รพ.ตำรวจ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เวลากลางวัน เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายสืบเนื่องมาจากถูกยิงบริเวณศีรษะ กระสุนปืนทำลายสมองด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง วิถีกระสุนปืนมาจากทางด้านเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ในการเข้าควบคุมพื้นที่จากแยกศาลาแดงมุ่งไปทางแยกราชดำริ ตามคำสั่งของ ศอฉ. โดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(16 ม.ค. 56) กรณี นายบุญมี เริ่มสุข
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือนายบุญมี เริ่มสุข ถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลตำรวจ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2553 เหตุและพฤติการณ์แห่งการตาย สืบเนื่องจากติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมกับประวัติถูกยิงที่บริเวณช่องท้อง ด้วยกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) ขณะอยู่บริเวณ ถ.พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(27 ธ.ค. 56) กรณี นายสมชาย พระสุพรรณ
ศาลมีคำสั่งว่าผู้ตาย คือ นายสมชาย พระสุพรรณ ถึงแก่ความตายที่ รพ.เลิดสิน แขวงสีลม เขตบางรัก กทม. เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2553 เวลา 09.30 น. เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายเนื่องจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดที่บริเวณศีรษะ กระสุนปืนทำลายสมองรุนแรง ขณะอยู่ที่ปากซอยปลูกจิต ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการชุมนุมทางการเมือง โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(27 ธ.ค. 56) กรณี นายมานะ แสนประเสริฐศรี
(อาสาป่อเต็กตึ้ง) และนายพรสวรรค์ นาคะไชย
ศาลมีคำสั่งว่า นายมานะ แสนประเสริฐศรี ถึงแก่ความตายบริเวณใกล้ปากซอยงามดูพลี ถนนพระราม 4 เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 เวลาประมาณ 16.00 น. เหตุและพฤติการแห่งการตาย สืบเนื่องจากบาดแผลกระสุนทำลายสมอง ส่วนนายพรสวรรค์ นาคะไชย ถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลเลิดสิน เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 เวลา 19.45 น. เหตุและพฤติการณ์แห่งการตาย สืบเนื่องจากบาดแผลกระสุนปืนเข้าช่องท้อง ตับฉีกขาด เสียเลือดมาก โดยผู้ตายทั้งสองถึงแก่ความตาย เพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนชนิดร้ายแรงและมีความเร็วสูง ขณะอยู่บริเวณใกล้ปากซอยงามดูพลี ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(17 มี.ค. 57) กรณี นายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล
และนายประจวบ ประจวบสุข
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายที่ 1 คือ นายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล และผู้ตายที่ 2 คือ นายประจวบ ประจวบสุข ถึงแก่ความตายที่รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ เพราะเหตุถูกยิงด้วยปืนขนาด .223 (5.56 ม.ม.) โดยผู้ตายที่ 1 ถูกยิงเข้าที่ด้านหลัง ใต้สะบักซ้าย ส่วนผู้ตายที่ 2 ถูกยิงเข้าที่หน้าอกด้านซ้าย เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2553 บริเวณใต้ทางด่วนพระราม 4 ถนนพระราม 4 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม. โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิง
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(17 มี.ค. 57) กรณี ชายไทยไม่ทราบชื่อ
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือชายไทยไม่ทราบชื่อนามสกุล ถึงแก่ความตายที่ถนนราชดำริ หน้าอาคาร สก. รพ.จุฬาฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 เวลาประมาณ 10.00 น. เหตุและพฤติการณ์การตาย สืบเนื่องมาจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกโดดความเร็วสูงที่ศีรษะทะลุเข้ากะโหลกศีรษะทำลายเนื้อสมอง ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทหารเคลื่อนกำลังพลเข้ามาควบคุมพื้นที่จากแยกศาลาแดงมุ่งหน้าถนนราชดำริ โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำ
คำสั่งศาลไต่สวนการตาย
(29 พ.ย. 56) กรณี นายปิยะพงษ์ กิติวงศ์, นายประจวบ ศิลาพันธ์ และนายสมศักดิ์ ศิลารัตน์
ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายทั้งสาม ถึงแก่ความตายภายในสวนสาธารณะลุมพินี เมื่อวันที่14 พ.ค. 53 โดยนายปิยะพงษ์ กิติวงศ์และนายประจวบ ศิลาพันธ์ ผู้ตายที่ 1-2 เสียชีวิตภายในสวนสาธารณะลุมพินี เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายของนายปิยะพงษ์ ผู้ตายที่ 1 สืบเนื่องจากบาดแผลกระสุนปืนขนาด .223 หรือ 5.56 มิลลิเมตร ทำลายเส้นเลือดแดงใหญ่บริเวณคอ ส่วนนายประจวบ ผู้ตายที่ 2 เสียชีวิตเนื่องจากบาดแผลกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดทะลุหัวใจและตับทำให้เสียเลือดมาก โดยวิถีกระสุนมาจากฝั่งถนนวิทยุหรือถนนพระราม 4 แต่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ สำหรับนายสมศักดิ์ ศิลารัตน์ ผู้ตายที่ 3 เสียชีวิตจากกระสุนปืนขนาด .223 หรือ 5.56 มิลลิเมตร ทำลายสมองโดยมีวิถีกระสุนมาจากด้านหน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 แต่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
#นปช #คนเสื้อแดง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์