‘ศุภโชติ’ เผย รมว.พลังงาน ตอบรับเพิ่มการแข่งขันในภาคพลังงาน
ปรับโครงสร้างราคาก๊าซตามข้อเสนอก้าวไกล แต่ยังไม่เคาะจะดำเนินการเมื่อไร
ขอประชาชนติดตาม-ตรวจสอบ รัฐบาลทำตามผลหารือหรือไม่
วันที่
27 กันยายน 2566 ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงการหารือเกี่ยวกับนโยบายพลังงานของรัฐบาลกับ พีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามคำเชิญของรัฐมนตรี
ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ (26 กันยายน) ว่า หลังจาก
รมว.พลังงาน มีหนังสือเชิญตนเข้าไปหารือ รวมถึงรับฟังข้อเสนอและข้อกังวลเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาค่าไฟและค่าเชื้อเพลิงอื่น
ๆ ตน พร้อมด้วย วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และ เดชรัต สุขกําเนิด
ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน
เสนอปัญหาและวิธีการแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับระยะสั้น
นอกเหนือจากการยืดหนี้ที่ทางรัฐบาลใช้เป็นมาตรการเร่งด่วนในการลดค่าไฟหรือการใช้เงินอุดหนุนเพื่อลดราคาน้ำมัน
พวกเราได้เสนอมาตรการต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาที่โครงสร้าง
เพื่อหลีกเลี่ยงการที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตหรือรัฐจะต้องแบกรับต่อไปเรื่อย ๆ
ซึ่งทางรัฐมนตรีเห็นชอบกับข้อเสนอนี้ในการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติต้นทุนหลักของการผลิตกระแสไฟฟ้า
โดยการถัวเฉลี่ยต้นทุนของแหล่งก๊าซราคาถูกที่ปัจจุบันให้กับกลุ่มธุรกิจ
ใช้รวมกับแหล่งก๊าซที่ราคาแพง เพื่อให้ต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าลดลง อย่างไรก็ตาม
ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาว่าจะดำเนินการเมื่อใด
การแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพื่อลดค่าความพร้อมจ่ายจากปัญหาโรงไฟฟ้าเกินความจำเป็น
รวมไปถึงการทำแผนพลังงาน (Power
Development Plant: PDP) อย่างโปร่งใสก็เป็นอีกหนึ่งข้อเสนอที่ได้รับการตอบรับจากทางรัฐมนตรี
ว่าจะนำไปพิจารณาในการลดค่าไฟอย่างเป็นธรรมให้แก่พี่น้องประชาชน
นอกจากนี้
ยังเสนอให้มีการทบทวนและยืดการเซ็นสัญญาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ออกไปก่อน
หลีกเลี่ยงการเพิ่มต้นทุนค่าไฟให้กับพี่น้องประชาชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการเซ็นสัญญาไฟฟ้าระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและเขื่อนปากแบงจากประเทศลาว
ที่ได้ก่อให้เกิดข้อกังวลรวมไปถึงคำถามจากภาคประชาชนและนักวิชาการมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความจำเป็นของเขื่อนนี้ที่มีการเซ็นสัญญาผูกขาดระยะยาวเกือบ 30 ปี
ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศโดยรอบ ปัญหาเรื่องเขตแดน
รวมไปถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับชาวบ้านในพื้นที่โดยรอบ เรื่องนี้รัฐมนตรีก็ตอบรับว่าจะมีการศึกษาและพิจารณาถึงการเซ็นสัญญาอีกรอบหนึ่ง
ศุภโชติ
กล่าวว่า ในระยะยาว เพื่อเตรียมตัวสำหรับวิกฤตทางด้านพลังงานที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
พวกเราได้หารือกับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มการแข่งขันในภาคพลังงาน ลดการผูกขาด
การให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการเขียนแผนพลังงานของประเทศ
รวมไปถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมจากภาคพลังงาน ทั้งหมดนี้ได้รับการตอบรับจากทางรัฐบาล
ว่าการร่างแผนพลังงานจะสอดคล้องกับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
และจะไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินในแผนฉบับใหม่ที่กำลังจะเผยแพร่สู่สาธารณะในอีกไม่นาน
รวมไปถึงแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ตลาดพลังงานที่จะเพิ่มการแข่งขันของประเทศ
“ผมเชื่อว่า การที่ปัญหาของพี่น้องประชาชนถูกรับฟังโดยผู้มีอำนาจรัฐ
และภาครัฐพร้อมรับไปพิจารณาแก้ไข เป็นแนวทางการทำงานของรัฐบาลที่ประชาชนอยากเห็น
แต่การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูด หลังจากนี้ผมจึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการตรวจสอบและติดตามรัฐบาล
ว่าได้ดำเนินการ ตามที่ตอบรับจากการประชุมนี้หรือไม่
ผมหวังว่ารัฐบาลจะยึดประชาชนเป็นที่ตั้งไว้เสมอ ไม่ว่าดำเนินนโยบายใดก็ตาม
เพราะหากไม่เดินทางตามแนวทางนี้ ประชาชนย่อมมีสิทธิตั้งข้อสงสัยได้ว่า สุดท้ายแล้ว
รัฐบาลทำงานเพื่อรับใช้ใคร” ศุภโชติระบุ
ศุภโชติ
ทิ้งท้ายว่า สำหรับตนและพรรคก้าวไกล ยืนยันจะทำงานอย่างสร้างสรรค์ เกาะติดปัญหา
ตรวจสอบสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเสนอแนะสิ่งที่ควรเป็น
โดยยึดประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ตามแนวทางฝ่ายค้านเชิงรุก
เพื่อสะสมประสบการณ์และผลงาน สู่การเป็นรัฐบาลในอนาคต