วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2566

‘พิธา’ นำทีม ‘ก้าวไกล’ ปูพรมทั่ว อ.แกลง ช่วย ‘โย พงศธร’ หาเสียงเลือกตั้งซ่อมระยองเขต 3 ชี้ ไม่ใช่แค่เลือกตั้งซ่อม แต่เป็นก้าวแรกสู่ชัยชนะเบ็ดเสร็จของก้าวไกลในการเลือกตั้งหน้า ด้าน ‘พริษฐ์’ ขอแรงชาวระยองเป็นตัวแทนคนทั้งประเทศร่วมพิพากษาการเมืองไทย

 


พิธา’ นำทีม ‘ก้าวไกล’ ปูพรมทั่ว อ.แกลง ช่วย ‘โย พงศธร’ หาเสียงเลือกตั้งซ่อมระยองเขต 3 ชี้ ไม่ใช่แค่เลือกตั้งซ่อม แต่เป็นก้าวแรกสู่ชัยชนะเบ็ดเสร็จของก้าวไกลในการเลือกตั้งหน้า ด้าน ‘พริษฐ์’ ขอแรงชาวระยองเป็นตัวแทนคนทั้งประเทศร่วมพิพากษาการเมืองไทย

 

วันที่ 2 กันยายน 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีมแกนนำและ สส. พรรคก้าวไกล ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและจากหลายเขตทั่วประเทศ ร่วมกิจกรรมหาเสียงช่วย พงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.ระยอง เขต 3 (เบอร์ 1) สำหรับการเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10 กันยายนนี้

 

โดยขบวนหาเสียงในวันนี้ได้กระจายกันออกเป็นสามสายไปทั่วทั้ง อ.แกลง จ.ระยอง ท่ามกลางการต้อนรับจากประชาชนชาวระยองอย่างอบอุ่นทั้งตามบ้านเรือน ร้านค้าและผู้ใช้รถใช้ถนนที่ต่างแสดงออกตอบรับพรรคก้าวไกลเป็นอย่างดี ก่อนที่ขบวนทั้งสามจะมาร่วมบรรจบกันเปิดเวทีปราศรัยที่แหลมแม่พิมพ์ ในช่วงเย็น

 

หนึ่งในผู้ปราศรัย คือ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ โดยระบุว่าวันนี้ตนมาเพื่อพูดถึง 3ข กับชาวระยอง ข.แรก คือตนขอขอบคุณชาวระยอง ย้อนไปสี่ปีก่อนหน้านั้นในปี 2562 พรรคก้าวไกลยังไม่มีผู้แทนระยอง แต่พอมาถึงปี 2566 พรรคก้าวไกลได้มาขอคะแนนจากพี่น้องประชาชน ขอให้มีผู้แทนอย่างน้อยสักคน แต่ผลตอบรับของพี่น้องคือการให้ผู้แทนเรามายกจังหวัดระยอง

 

ข.ที่สอง คือขอโทษ ตนเข้าใจว่าชาวระยองและประชาชนทั่วประเทศเลือกก้าวไกลมาด้วยความคาดหวังว่าเราจะเป็นรัฐบาล เราได้รับความไว้ใจเป็นอันดับหนึ่ง และเราเชื่อว่ามีพรรคที่น่าจะมีอุดมการณ์เดียวกับเรามากพอมีเสียงพอให้จัดตั้งรัฐบาล ขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ แต่สองเดือนที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นว่าแม้เราจะเป็นพรรคอันดับหนึ่ง แต่อิทธิฤทธิ์ของรัฐธรรมนูญ 2560 ก็ได้แผลงฤทธิ์ สะท้อนความไม่ปกติของการเมืองไทย ทำให้พรรคก้าวไกล ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวังให้ประชาชนได้

 

ข.ที่สาม ขอโอกาส แม้วันนี้เราจะเป็นฝ่ายค้าน แต่วันนี้ต้องขอโอกาสจากชาวระยองอีกครั้ง โดยยืนยันว่าแม้พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน ก็สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ รัฐบาลนี้อ้างว่าเป็นรัฐบาลพิเศษ แต่พรรคก้าวไกลรับประกันว่าฝ่ายค้านแบบพรรคก้าวไกลพิเศษกว่า เพราะเราจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ที่จะไม่เพียงตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล แต่จะใช้กลไกทุกกลไกของสภาในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงในฝั่งนิติบัญญัติ การทำงานร่วมกับประชาชนนอกสภา เพื่อรับประกันว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราจะเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา

 

พริษฐ์ยังกล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 10 กันยายนนี้ ชาวระยองมีโจทย์ที่พิเศษ ชาวเขต 3 ระยองคือคนกลุ่มแรกที่จะได้เลือกตั้งอีกครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม หลายคนสนับสนุนการทำงานของพรรคก้าวไกลอยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริบทของการเมืองไทยและการเลือกตั้งซ่อม อาจเกิดคำถามขึ้นว่ากาก้าวไกลแล้วจะได้อะไร ในเมื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็ไม่ได้ แต่ตนยืนยันว่าเสียงของทุกคนมีความหมายอย่างแน่นอน เพราะทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนจะมอบให้กับพรรคก้าวไกล จะนำมาสู่ประโยชน์สามเด้งให้ชาวระยองและคนไทยทั้งประเทศ

 

เด้งแรก คือการได้คนก้าวไกลครบทุกเขตในระยอง ที่จะทำให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ เด้งที่สอง คือการมีอีกหนึ่งมือก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฏร ที่จะยกให้การผลักดันนโยบายที่พรรคก้าวไกลต้องการขับเคลื่อน ผ่านกฎหมายหลายฉบับที่เรายื่นเสนอไป ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกเกณฑ์ทหารแบบบังคับ การกระจายอำนาจ การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ฯลฯ

 

และที่สำคัญที่สุด เด้งที่สาม ชาวระยองเขต 3 กำลังจะได้เข้าไปพิพากษาว่าประชาชนรู้สึกอย่างไรกับสถานการณ์การเมืองไทยที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หากชาวระยองออกไปใช้สิทธิเลือกพรรคก้าวไกลอย่างท่วมท้น นั่นจะเป็นการส่งเสียงพิพากษาพวกเขาแทนคนไทยทั้งประเทศ

 

ในส่วนของพิธา ได้ขึ้นปราศรัยเป็นลำดับสุดท้ายหลังการสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยของแกนนำและ สส.พรรคก้าวไกลหลายคน โดยพิธาระบุว่าวันนี้ตนมาตามหาชัยชนะให้พงศธร วันนี้เป็นสัปดาห์ที่สี่แล้วที่ตนมาช่วยหาเสียง เหลือเวลาอีกเพียง 7 วัน ประชาชนจะได้มีโอกาสใช้อำนาจที่กลับมาสู่มือของประชาชนอีกครั้ง

 

วันนี้จึงขอมาพูดถึงสามเหตุผลว่าทำไมต้องเลือกพงศธรและพรรคก้าวไกล เหตุผลแรก ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนชาวระยองให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกลกว่า 2.3 แสนคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ และในระดับเขตกว่า 1.8 แสนคะแนน แต่ก็ประมาทไม่ได้ ถ้าชาวระยองอยากให้พรรคก้าวไกลกลับมาอีกครั้ง ต้องช่วยกันเลือกพรรคก้าวไกลอีกครั้งให้ถล่มทลาย

 

ประการที่สอง คือความสำคัญในระดับจังหวัด ระยองทั้ง 5 เขต พรรคก้าวไกลชนะมาทั้งหมด เพราะเรามีนโยบายสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนชาวระยอง คือ 4 ส. ที่ประกอบด้วย 1) สาธารณสุข ที่เราเล็งเห็นปัญหาความขาดแคลนบุคลากรแพทย์และพยาบาล ที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยประเทศไทยถึงสิบเท่า 2) สวัสดิการ 3) สิ่งแวดล้อม และ 4) เศรษฐกิจ ที่ชาวระยองเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์

 

จากอดีตถึงปัจจุบัน ระยองเต็มไปด้วยคนที่มีศักยภาพในความสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นสุนทรภู่, อำพล ลำพูน หรือ กล้า เรโทรสเปกต์ ระยองมีเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้คนระยอง ก่อนหน้านี้คนมาเที่ยวปีหนึ่ง 7 ล้านกว่าคน แต่ตอนนี้เหลือ 2 ล้านกว่าคนต่อปี นี่คือโจทย์ของพรรคก้าวไกลว่าเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ ดึงศักยภาพที่มีอยู่นี้มาเพิ่มรายได้ให้คนระยองได้อย่างไร การมี ส.ส. ทั้ง 5 เขต จะทำให้พรรคก้าวไกลทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ คล่องแคล่ว ผ่านกฎหมายสำคัญที่จะนำไปสู่การบรรลุนโยบาย 4 ส. ที่ว่ามาข้างต้น

 

เหตุผลประการที่สาม เป็นเหตุผลด้านตัวบุคคล พงศธรเป็นปูชนียบุคคลของพรรคก้าวไกล มีอุดมการณ์เด่นชัด เป็นนักกิจกรรมเพื่อสังคมมาตั้งแต่เป็นนักศึกษา ทำงานเครือข่ายพื้นที่มาตั้งแต่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้ชำนาญการประจำตัว สส.เบญจา แสงจันทร์ เงินเดือนไม่ถึง 15,000 เลยไม่ต้องเสียภาษี และแม้จะถูกโจมตีด้วยเรื่องดังกล่าว พงศธรก็ยังเป็นคนเข้มแข็ง อดทน จิตใจนิ่ง สมกับคำว่ามารไม่มีบารมีไม่มา

 

พิธายังกล่าวต่อไป ว่าถ้าทุกคนเห็นด้วย ตนขอแค่ไม่กี่อย่างจากชาวระยอง เขต 3 ทุกคน ให้ช่วยกันบอกเพื่อนบ้าน บอกเพื่อนที่ทำงาน บอกลูกหลานที่ออกไปทำงานนอกพื้นที่ ให้กลับมาเลือกตั้งกันเยอะๆ บอกสามเหตุผลนี้ไปกับพวกเขา

 

อย่าไปมองว่านี่เป็นแค่การเลือกตั้งซ่อม แต่นี่คือการเลือกตั้งครั้งแรกที่จะพาพรรคก้าวไกลเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เวลาของพวกเรากำลังจะมาถึง 151 เสียงไม่พอ ครั้งหน้าขอ 251 เลยได้ไหม ขอแรงหัวคะแนนธรรมชาติ ช่วยกันบอกให้ทุกคนออกมาเลือกตั้งให้ถล่มทลายให้มากที่สุด เพื่อบอกกับพวกเขาว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” พิธากล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล