“พริษฐ์”
เชื่อเป็นฝ่ายค้านก็เปลี่ยนประเทศได้ ขอ “ก้าวไกล” ภูมิใจแบกความหวัง 14
ล้านเสียงไปทำงาน หวังทลายมายาคติ คืนความเชื่อมั่นระบบรัฐสภา
วันที่
24 กันยายน 2566 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ในกิจกรรม “ก้าวต่อไป
ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล
กล่าวปราศรัย ระบุว่า ภารกิจของพรรคก้าวไกลคือตามในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าเราทำได้
เพราะภายในเวลาไม่กี่ปี พรรคก้าวไกลได้เติบโตขึ้นเป็นสถาบันการเมือง และมี สส.
แบบแบ่งเขตครบทุกภูมิภาค ท่ามกลางความเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะมี สส. ไม่เกิน 100 คน
จนกระทั่งในวันนี้พรรคก้าวไกลได้เติบโตเป็นพรรคการเมืองที่มี สส.มากที่สุดในประเทศ
"ท่ามกลางคำสบประมาทว่าเป็นฝ่ายค้านแล้วจะทำอะไรได้
ผมหวังว่า 4 ปีข้างหน้านี้จะเป็น 4 ปีที่เราร่วมกันพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า
เป็นฝ่ายค้านก็เปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้"
พริษฐ์
ชี้ให้เห็น 5 มายาคติทางการเมือง ที่พรรคก้าวไกลต้องการเข้าไปทำลาย
1)
“ฝ่ายค้านจะเสนอกฎหมายไปทำไม เพราะยังไงก็ไม่มีวันผ่าน” ที่พรรคก้าวไกลได้ผลักดันร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศ
ที่ได้ยื่นผ่านกลไกของสภาไปแล้ว 27 ร่าง เราไม่ได้เสนอกฎหมายเอามันหรือเอาเท่
แต่เพื่ออนาคต แต่หวังจะเอาชนะสมรภูมิทางกฎหมาย และสมรภูมิทางความคิด
2)
“คณะกรรมาธิการในสภาฯ มีไว้เพื่อผลาญงบประมาณ” แต่กรรมาธิการพรรคก้าวไกลเข้าไปขับเคลื่อนจะต้องมีความโปร่งใส
ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สามารถตรวจสอบได้ และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
3)
“สภาฯ คือโรงละครที่เสียเวลา” พรรคก้าวไกลได้ยกร่างข้อบังคับ “สภาก้าวหน้า” ที่ยกระดับให้สภามีความโปร่งใส
เปิดเผยข้อมูล ถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการ เพิ่มช่องทางสื่อสารทางดิจิทัล เพิ่มกลไกการตรวจสอบอำนาจฝ่ายบริหาร
ลดการใช้ดุลยพินิจของประธานสภาฯ และเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน
4)
“ฝ่ายค้านจะต้องค้านทุกเรื่อง” พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านเชิงสร้างสรรค์ที่ผลักดันเรื่องที่เป็นประโยชน์
จะเป็นฝ่ายค้านที่นำหน้าทุกปัญหา ไม่ใช่เงาตามติดรัฐบาล แต่เป็นแสงส่องทาง
ยื่นข้อเสนอแนะให้รัฐบาลไปพิจารณา และเสนอร่างกฎหมายไปประกบร่างของคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ในส่วนที่เห็นว่ายังไม่สมบูรณ์หรือบกพร่อง
5)
“สส.เขตทำงานพื้นที่ สส.บัญชีฯ ทำงานเชิงประเด็น” ใน 4 ปีข้างหน้า
พรรคก้าวไกลจะเพิ่มบทบาท สส.ทุกคนให้เป็น champion ในเชิงประเด็น
แบ่งออกเป็น 15 ประเด็น เพื่อผลักดันและขยายเครือข่ายในประเด็นนั้นๆ
พริษฐ์
ทิ้งท้ายว่า อยากให้พรรคก้าวไกลภูมิใจในการเป็นฝ่ายค้าน ที่แบกความหวังของประชาชน
40 ล้านคนทั่วประเทศ และเชื่อว่าหากใช้ทุกวินาทีใน 4 ปีข้างหน้าในสภาอย่างคุ้มค่า
เราจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ ในการทลายมายาคติการเมืองเดิม
และฟื้นฟูความศรัทธาในระบบรัฐสภา
"ครั้งหน้าที่ประชาชนเดินเข้าคูหาเลือกตั้ง จะมีความคิดว่า ถ้าก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านยังเปลี่ยนแปลงประเทศได้มากขนาดนี้ ถ้าเราเลือกพวกเขาไปเป็นรัฐบาล จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้มากขนาดไหน" พริษฐ์ กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ก้าวต่อไปไกลทั้งแผ่นดิน