วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2566

“พิธา” อ้อน "รักพิธาอย่างไร ขอให้รักชัยธวัชอย่างนั้น" ยัน กก.บห.ชุดใหม่ ไม่ใช่ขัดตาทัพ แต่เป็นผู้นำตัวจริง ชี้นำเลือกตั้งครั้งแรกได้มา 151 เสียง ครั้งหน้าต้องไม่ต่ำ 300

 


“พิธา” อ้อน "รักพิธาอย่างไร ขอให้รักชัยธวัชอย่างนั้น" ยัน กก.บห.ชุดใหม่ ไม่ใช่ขัดตาทัพ แต่เป็นผู้นำตัวจริง ชี้นำเลือกตั้งครั้งแรกได้มา 151 เสียง ครั้งหน้าต้องไม่ต่ำ 300


วันที่ 24 กันยายน 2566 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ในกิจกรรม “ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ขึ้นบรรยายในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ก้าวไกลก่อนถึงวันเข้าทำเนียบ” โดยปราศรัยเป็นคนสุดท้าย


พิธา กล่าวต่อสมาชิกพรรคก้าวไกลว่า ถึงแม้เราจะลาจากกัน แต่จากกันไม่ตลอดไป เพราะจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม 3 ปีกับ 185 วัน เป็นการเดินทางของพวกเราที่ตัวเองจะไม่มีวันลืม เต็มใจกับสิ่งที่ได้ทำร่วมกันมาทุกๆวันที่เราทำร่วมกัน คือการจุดไฟกลางสายลม ทำได้ยาก แต่เรากำลังร่วมกันสำเร็จแล้ว ไม่ว่าท่านจะหวังสมหวังหรือผิดหวัง แต่ในเมื่อไฟที่จุดติดกลางสายลมแล้ว อย่าให้มันดับโดยเด็ดขาด กลับมาเมื่อไหร่ จุดไฟเหมือนเดิมแน่นอน


"พี่น้องอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด อย่าไปฟังนักวิชาการ อย่าไปฟังกูรูการเมืองที่บอกว่าถึงแม้ผู้นำชุดใหม่จะเป็นผู้นำชั่วคราว แต่เขาไม่ใช่ชุดผู้นำขัดตาทัพแต่อย่างใด เขาคือผู้นำตัวจริงเสียงจริงของพรรคก้าวไกล"


"พรรคก้าวไกลไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล พวกเราคือผู้คนและการเดินทาง ถึงแม้บุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่อยู่ ต้องลาออก ต้องโดนตัดสิทธิ์ ย้ายพรรค แต่แกนกลางนั้นยังอยู่ นั่นคืออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เราคือสายธารแห่งความหวัง เราคือสายธารของความเป็นไปได้ เราคือสายธารของความศรัทธา เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่เข้าใจผิดว่าหัวหน้าพรรคคนเมื่อกี้ เป็นแค่หัวหน้าพรรคขัดตาทัพ เขาเข้าใจผิด เพราะเขาผู้นั้นคือตัวจริงเสียงจริงของฝ่ายประชาธิปไตย ท่านรักพิธาอย่างไร ต้องรักชัยธวัชอย่างนั้น" พิธา กล่าว


พิธา ย้ำว่า เราเป็นสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆ แม้จะมีอุปสรรค เราก็สามารถที่จะไหลไปเรื่อยๆ สายน้ำที่อยู่ใกล้ดิน หมายถึงใกล้ชิดประชาชน น้ำไหลจากบนลงล่างเสมอ หมายถึงความถ่อมตัว ไม่มีหรอก ฝนตกขึ้นฟ้า ฝนต้องตกลงดิน แต่เมื่อสายธาร สายน้ำถูกบีบกระทบ โดนดันมากๆ สายน้ำก็พร้อมที่จะพังทลายเหมือนผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา


"เมื่อวานได้ไปเจอนักข่าวต่างประเทศเขาถามผมว่าแล้วพรรคก้าวไกลจะเอาอย่างไรต่อ ชนะแล้วบริหารไม่ได้ ผมตอบว่าผมนำเลือกตั้งครั้งแรก ได้มา 151 จาก 50 เป็น 150 เดี๋ยวเลือกตั้งครั้งต่อไป เทียบบัญญัติไตรยางค์ก็รู้แล้วว่าจาก 150 จะกลายเป็นเท่าไหร่" พิธา กล่าว


พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านที่ไม่ได้จ้องจะค้านรัฐบาลอย่างเดียว จะเป็นฝ่ายค้านที่อยู่ข้างประชาชน จะเป็นฝ่ายค้านที่จะสั่งสมชัยชนะไปเรื่อยๆ จนเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดของคนไทย ด้วยกลยุทธ์ แข่ง ขยับ และ ขยาย


1) เราพร้อมจะ 'แข่ง' ทุกสนามเลือกตั้ง 4  ปี 4 สนามใหญ่ เกิดก้าวไกลทั่วประเทศแน่นอน ปีที่หนึ่ง อบจ. ปีที่สองเทศบาล ปีที่สาม ผู้ว่าฯ กทม. ปีที่สี่ เลือกตั้งใหญ่แล้วเจอกัน


2) แข่งเสร็จแล้วไม่พอ เราต้อง 'ขยับ' ด้วย ตอนนี้เรามี สส. เขต บัญชีรายชื่อ มีท้องถิ่น มีส้มจี๊ด มีมูลนิธิ เวลาเราขยับมันไม่ขยับคนเดียว ไม่ใช่แค่ประธานไม่ใช่แค่หัวหน้าขยับ เวลาขยับกันทีขยับกันเป็นองคาพยพ ไม่สะเทือนให้มันรู้ไป


3) สุดท้ายเราต้อง 'ขยาย' เชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะขยายสมาชิกที่ตอนนี้มีอยู่ 80,000 กว่าคน เพิ่มขึ้นเดือนละ 10,000 คน  สักวันหนึ่ง อีกไม่นาน พรรคก้าวไกลจะขยายฐานสมาชิก และเป็นพรรคที่มีสมาชิกเยอะเป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แล้วอีกไม่นานความฝันที่เรามีร่วมกันจะกลายเป็นความจริงของพวกเราที่พวกเราภูมิใจร่วมกัน


"อย่าลืมสิ่งที่พวกเราได้ทำร่วมกันมา เราชนะในกติกาที่เขาเขียน เราชนะในช่วงที่ไม่มีใครคิดว่าเราจะชนะได้ เราชนะในการเลือกตั้งที่มีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ขอให้พากันออกไปจนกว่าจะถึงเส้นชัยของพวกเรา  จะก้าวอย่างไร ต้องก้าวด้วยกัน เพื่อที่จะก้าวต่อไปก้าวไกลทั้งแผ่นดิน" พิธา กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #ก้าวต่อไปไกลทั้งแผ่นดิน