‘เครือข่ายนักศึกษาฯ’ แถลงจัดรำลึก 47 ปี 6 ตุลา ‘กว่าจะเป็นประชาธิปไตย เทียบเชิญประมุข 3 ฝ่าย
บริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ ร่วมงาน
เพื่อแสดงจุดยืนในการให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชาติและประชาชน
วันนี้
(25 กันยายน 2566) เวลา 10.00 น.
ที่ห้องจารุพงษ์ ทองสินธุ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายสุเทพ
สุริยะมงคล คณะกรรมการจัดการงาน 47 ปี 6 ตุลา 2519 พร้อมด้วย เครือข่ายนักศึกษาฯ
ได้แถลงข่าวจัดงานรำลึกครบรอบ 47 ปี 6 ตุลาฯ
2519 6 ตุลาฯ ‘กว่าจะเป็นประชาธิปไตย’ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์
นายสุเทพ
เริ่มต้นว่า ตนเองเป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อปี 2517 เหตุการณ์ 6 ตุลาคม
19 นั้น ตนรับรู้และเข้าใจ และเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างมาก
แม้เวลาจะผ่านไป 47 ปี
แต่ทุกเรื่องราวยังตราตรึงในหัวใจอยู่ตลอดเวลา เรื่องบางเรื่องเราอาจจะลืมได้
แต่เรื่องนี้ผ่านมา 47 ปี อยากจะลืมแต่ลืมไม่ลง
และในครั้งนี้ครบรอบ 47 ปีเราได้รับความอนุเคราะห์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่าพระจันทร์ ให้ใช้สถานที่ในการจัดงาน
ซึ่งสถานที่นี้เป็นสถานที่จริงที่ใช้ในการเข่นฆ่านักศึกษาประชาชนจำนวนมาก
ด้านนายนัสรี
พุ่มเกื้อ ประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ตนในฐานะ
เครือข่ายนักศึกษาจัดงาน 47
ปี 6 ตุลา‘กว่าจะเป็นประชาธิปไตย’
กิจกรรมนี้เป็นการรวมตัวกันของนักศึกษาในหลาย ๆ
สถาบันที่มีเจตนารมณ์ในการธำรงไว้ซึ่งประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน บนเส้นทางอันได้มาซึ่งประชาธิปไตยในปัจจุบัน
การจัดงานในวันศุกร์ที่
6 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้ภายใต้ชื่องานว่า 47 ปี 6 ตุลาฯ ‘กว่าจะเป็นประชาธิปไตย’
ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
โดยเราได้เล็งเห็นประวัติศาสตร์ของประชาชน
จึงร่วมกันจัดกิจกรรมขึ้น เพื่อนำเสนอการต่อสู้ของประชาชนให้กับผู้ที่สนใจเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
และขบวนการต่อสู้ของประชาธิปไตย ซึ่งเราได้มีการรวบรวมข้อมูลและหลักฐานใหม่ ๆ
มาเปิดเผยในกิจกรรมของงาน ด้วยความมุ่งหวังว่าประชาชนไทยรุ่นปัจจุบันและอนาคต
จะมีความเข้าใจที่ชัดเจนต่อเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2619 ที่เกิดขึ้น ตลอดจนเป็นบทเรียนและบอกต่ออนุชนคนรุ่นหลังได้ว่า เหตุการณ์ 6
ตุลา เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชาติที่พึงจดจำ
หาใช่ประวัติศาสตร์ของรัฐไทยที่พยายามกลืนไปกับความทรงจำของประชาชน
สำหรับกิจกรรมในงานจะแบ่งเป็น
3 ช่วงด้วยกัน คือ ช่วงเช้า จะเป็นการรำลึกวีรชนที่เสียชีวิต
จะมีพิธีสงฆ์และพิธีวางพวงมาลาอาลัยต่อวีรชน
ช่วงสาย
จะมีปาฐกถาพิเศษรำลึกเหตุการณ์ประจำปี โดยในปีนี้จะเป็นในหัวข้อ
"แด่ทุกต้นกล้าความฝัน
ตื่นจากฝันร้ายของอำนาจนิยมและทุนผูกขาดสู่รัฐสวัสดิการ" โดยรศ.ดร.ษัษฐรัมย์
ธรรมบุษดี
จากนั้นจะเป็นการมอบรางวัล
"จารุพงษ์ ทองสินธุ์ เพื่อประชาธิปไตย" และรางวัล
"สิทธิมนุษยชนคนธรรมดา"
จบใจเวลาต่อมาจะเป็นการแสดงความไว้อาลัยและกิจกรรมรำลึกประวัติศาสตร์ต่อวีรชน
ในคอนเซ็ปต์ 3
ประสานขึ้นมาอีกครั้ง โดยตัวแทนจากภาคประชาชน 3 ส่วนได้แก่นักศึกษา ชาวนาและกรรมกรผู้ใช้แรงงาน และตัวแทนจากภาคการเมือง
ส่วนกิจกรรมช่วงบ่าย
จะเป็นการเล่าขานสารคดี 6
ตุลา และภาพยนตร์สั้น เรื่องราวเหตุการณ์ 6 ตุลา
19 ซึ่งจะได้มีการนำภาพยนตร์ ที่กำกับโดย 'ภาษิต พร้อมนำพล' เรื่อง 'พิราบ'
มาจัดฉายและจะได้มีการถอดบทเรียนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ในคอนเซ็ปต์ 'กว่าจะเป็นประชาธิปไตย' ตามชื่องานในปีนี้
ซึ่งปีนี้จะมีวิทยากรสุดพิเศษและกิจกรรมเซอร์ไพรส์
ที่อยากจะให้ทุกคนติดตาม รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ เช่นการประชันวาที การเสวนา
และบูธนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งได้มีการเชิญพิพิธภัณฑ์สามัญชน มาร่วมจัดแสดงในหอประชุมศรีบูรพา
ด้วย ตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไป
หลังจากนั้นช่วง
เวลา 16.00
น จะมีกิจกรรม Walking Tour โดยพี่ ๆ
เดือนตุลา หนึ่งในอดีต 18 ผู้ต้องหา นักแสดงจำลองเหตุการณ์
อุ้มฆ่าแขวนคอพนักงานการไฟฟ้า ที่จังหวัดนครปฐม 2 ราย
ที่ติดประกาศต่อต้านการกลับมาของจอมพลถนอม กิตติขจร
ทรราชผู้สั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 อันเป็นชนวนเหตุสำคัญในการปลุกระดมเพื่อเข่นฆ่าประชาชนในสถานศึกษาวันที่ 6
ตุลาคม 2519 ในเวลาต่อมา
อีกทั้งยังมีนักวิชาการทางประวัติศาสตร์ท่านอื่น ๆ
อีกที่จะมาร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรม Walking Tour
ส่วนกิจกรรมช่วงเย็นจะเป็นการแสดง
ในชุด"บ้านเมืองของเรายังคงลงถังแดง" โดย TU Drama รวมถึงบทเพลงปฏิวัติ และพิธีจุดเทียนรำลึกวีรชนสานต่ออุดมการณ์คนเดือนตุลา
โดยกิจกรรมนี้จะเป็นการตักเตือนแก่อดีตนักกิจกรรมทั้งหลายที่ถืออำนาจการปกครองอยู่
หรือมีส่วนทำให้เกิดระบบที่บิดเบี้ยว
ได้สำเหนียกถึงอุดมการณ์ของพวกเขาเหล่านั้นในอดีตว่าพวกเขาได้แสดงไว้อย่างไร
และความประพฤติที่เขาปฏิบัติอยู่เป็นปฏิปักษ์ต่ออุดมการณ์ของเขาหรือไม่อย่างไร
ขณะที่นายธีรวัฒน์
นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่าในนามเครือข่ายนักศึกษาจัดงาน 47 ปี 6
ตุลาคม ซึ่งปีนี้เป็นการครบรอบ 47 ปีแห่งอาชญากรรมรัฐ
47 ปีแห่งความมืดมน
การไร้ซึ่งการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมของรัฐ
และการไร้ซึ่งการขอโทษอย่างเป็นทางการของรัฐไทย
ดังนั้นเครือข่ายนักศึกษาจัดงาน
47 ปี 6 ตุลา จึงขอประกาศเชิญประมุขทั้ง 3 ฝ่าย อันได้แก่นายกรัฐมนตรีประมุขฝ่ายบริหาร
ประธานรัฐสภาประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ และประธานศาลฎีกาประมุขฝ่ายตุลาการ
มาร่วมแสดงความเคารพต่อวีรชนและแสดงจุดยืนของท่าน
ในการให้ความสำคัญต่อเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชาติประวัติศาสตร์ของประชาชน
และเราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะมาเข้าร่วมกิจกรรมนี้ต่อไป
ทั้งนี้เราขอขอบคุณที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ได้ทำหนังสือเรียนเชิญประมุขทั้ง
3 ฝ่ายมาเข้าร่วมกิจกรรมรำลึกเป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปีตามคำร้องขอของเครือข่ายนักศึกษา
ธีรวัฒน์
ยังกล่าวอีกว่า
จนถึงปัจจุบันนี้ยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่หลงเชื่อข่าวลวงที่รัฐไทยสร้างขึ้นตั้งแต่ในช่วงเหตุการณ์ก็ดี
ภายหลังเหตุการณ์ก็ดี
เครือข่ายนักศึกษาฯจึงอยากขอเชิญชวนให้ประชาชนทุกท่านเปิดใจรับฟังข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ของชาติ
อันอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานและประจักษ์พยานต่างๆ ที่ยังคงเป็นร่องรอย
ที่ยังคงเป็นบาดแผลในหัวใจของใครอีกหลายต่อหลายคน
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ควรถูกจดจำอยู่ในฐานะของผู้ที่พ่ายแพ้และบุคคลเหล่านี้ควรถูกกล่าวขานในฐานะวีรชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
สุดท้ายนี้กว่าเราจะสามารถจัดกิจกรรมรำลึกครั้งแรกได้
ก็ผ่านเหตุการณ์นี้มากว่า 20
ปีจากความพยายามปิดกั้น กวาดล้างและทำให้เลือนลางหายไป
ทางเครือข่ายนักศึกษาฯ จึงขอเชิญชวนทุกท่านคอยเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เหตุการณ์ที่จะสร้างอุปสรรคต่าง ๆ ไม่ให้เราได้จัดงานได้อย่างสะดวก
ดังที่ทุกท่านเห็นมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เช่นการไม่อนุญาตให้จัดงานด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา การปิดลานประติมากรรม
หรือการไถปรับปรุงสนามบอลในช่วงพอเหมาะพอเจาะกับการจัดกิจกรรมของพวกเรา
ไม่ว่าจะเป็นในธรรมศาสตร์เองก็ดี หรือในต่างจังหวัดก็ดี
และขอเชิญชวนองค์กรผู้แทนตลอดจนองค์กรกิจกรรมของนักศึกษาทั่วประเทศร่วมจัดกิจกรรมรำลึกประวัติศาสตร์ของประชาชน
ประวัติศาสตร์ของชาติ ณ วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้ไปพร้อมกันทั่วประเทศ
สำหรับความสำคัญของการเชิญประมุข
3 ฝ่ายมาร่วมงานในครั้งนี้ เครือข่ายนักศึกษาฯ ระบุว่าประการแรก เหตุการณ์ 6
ตุลา 2519 คือ การกระทำความรุนแรงโดยรัฐ
เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ เจ้าหน้าที่และบุคคลต่าง ๆ
ผู้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมาในนามของรัฐ
สำคัญที่สุดจึงจำเป็นต้องมีการแสดงออกจากรัฐในการยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ส่วนประการที่สอง เป็นเรื่องของการแสดง Public Apology (การขอโทษต่อสาธารณะ)
ว่าครั้งหนึ่งรัฐเคยกระทำผิดพลาด ก่ออาชญากรรมต่อประชาชน การประมุขทั้ง 3 ฝ่ายมาร่วมงาน
เป็นการแสดงออกว่าได้มีการขอโทษต่อความผิดในเหตุการณ์ต่อสาธารณชน
เช่นเดียวกับกรณีที่ครอบครัวอดีตประธานาธิบดีและเผด็จการเกาหลีใต้
ออกมาขอโทษญาติผู้ถูกสังหารจากเหตุการณ์ประท้วงที่กวางจู เมื่อปี 2523 และการมาร่วมงานรำลึกในทุก ๆ ปี
ด้านนายสุเทพ
กล่าวในช่วงท้ายว่า สังคมมีความแตกแยกทางความคิด
ปัญหาสำคัญคือว่าเราควรจะให้ที่ยืนสำหรับคนที่มีความคิดต่างจากเรา ในเหตุการณ์ 6 ตุลา
คนคิดต่างถูกทำลายอย่างร้ายแรง อย่างป่าเถื่อน อย่างที่คนทั่วไปไม่เคยเจอ
สิ่งที่เราจัดในวันครบรอบ 47 ปีก็เพื่อ ให้ผู้ที่มีความคิดต่างได้มีที่ยืน
ได้มีการพูดคุยกันอย่างสันติ
เราทุกคนคงไม่ปรารถนาให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นอีกนี่คือบทเรียน เมื่อ 47 ปีที่แล้ว แต่หลัง 47 ปีผ่านมา ก็ยังมีพฤษภาคม 35
พฤษภาคม 53 เหตุการณ์ความรุนแรงก็ยังคงเกิดขึ้น
เราควรจะพูดคุยกัน และมีที่ยืนให้กับคนเห็นต่าง ไม่ใช่มาเข่นฆ่ากันเช่นนี้
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #6ตุลา #47ปี6ตุลา