“นายกรัฐมนตรี
– รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย” รับประทานอาหารร่วมกันเที่ยงนี้ เตรียมพร้อมการทำงาน
เดินหน้าแก้ปัญหาประเทศ ย้ำ “ดิจิทัลวอเล็ต 1 หมื่นบาท” จ่ายครั้งเดียว
ไม่มีแบ่งจ่ายแน่นอน
วันที่
4 กันยายน 2566 ที่สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ในช่วงเที่ยงจะมีการรับประทานอาหารและพูดคุยกับรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทย
เพื่อพูดคุยในเรื่องนโยบายและวิธีการการทำงาน รวมไปถึงความคาดหวังต่างๆ
แต่ไม่ได้มีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ เป็นการพูดคุยเพื่อได้รู้จักกันมากขึ้นและเข้าใจสไตล์การทำงานร่วมกันมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณของประเทศ
นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ยังไม่เคยพูดคุยกันไปไกลขนาดนั้น
เรื่องงบประมาณไม่เคยบอกว่ามีปัญหา เพียงแต่อาจจะช้าไปบ้าง
เราอาสาเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ขัดจำกัดต่างๆ เราก็ต้องทำไปให้ได้
ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องพูดคุยกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยวันนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า
จะมีผลกระทบกับนโยบายดิจิทัลวอเล็ต 10,000 บาทหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า
ไม่มีผลกระทบอย่างแน่นอน โดยยืนยันว่าจะจ่ายครั้งเดียว 10,000 บาท กระแสข่าวที่ว่าจะทยอยจ่ายครั้งละ
2,000 - 3,000 บาทนั้นไม่ใช่อย่างแน่นอน
สำหรับการพูดคุยกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพเมื่อวันที่
3 กันยายนที่ผ่านมานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันในบรรยากาศที่ดี
โดยเป็นการรับฟังความคิดเห็นกัน โดยเฉพาะเรื่องการลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชน
รวมถึงการดำเนินการของกองทัพที่ได้ทำไปในช่วงที่ผ่านมา ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ
ขอให้รอให้มีการแถลงร่วมกันหลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าบริหารราชการอย่างเป็นทางการแล้วน่าจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดกันถึงเรื่องงบประมาณของกองทัพหรือไม่
นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันถึงเรื่องนี้
เพียงแค่ไปฟังความคิดเห็นว่าทางกองทัพทำอะไรกันอยู่บ้าง
รวมไปถึงการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ
ตนยังใหม่จึงอาจจะไม่ทราบว่าขอบเขตการทำงานของทหารมีอะไรบ้าง
ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์จากทุกท่านอธิบายอย่างละเอียด อาทิ พลเอกทรงวิทย์
หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งจะเดินทางไปร่วมการประชุมสหประชาชาติ
ในช่วงวันที่ 18 กันยายน เพราะต้องมีการหารือเรื่องความมั่นคงกับทางสหรัฐอเมริกาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า
การประชาสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชนมองว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี
กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาติดขัดอะไร เพียงแต่ที่ผ่านมา ทางกองทัพทำอะไรดี ๆ
ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนหลายเรื่อง
รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตไม่มีการชี้แจงกันอย่างตรงไปตรงมาและทำให้แพร่หลายไปหลาย
ๆ สื่อ ซึ่งน่าเสียดาย หากปรับเรื่องการสื่อสารให้ดีขึ้น
พี่น้องประชาชนก็จะได้ทราบเรื่องดี ๆ ที่ทางกองทัพทำ
“ยืนยันว่าเป็นเพียงการไปรับฟังคิดเห็นเฉย
ๆ และรับทราบว่ากองทัพทำอะไรอยู่แล้วบ้าง เป็นการทำความรู้จักกัน
เพราะไม่เคยเจอกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ แต่ท่านติดตามการทำงานของเราตลอด
ทั้งเรื่อง IUU
และการประมง ทางผู้บัญชาการเหล่าทัพก็มีข้อมูลมานำเสนอ
เมื่อแถลงนโยบายรัฐบาลแล้วก็จะมีการเข้าไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ
แล้วก็จะมีขั้นตอนการทำงานร่วมกันออกมาอย่างชัดเจนอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงการเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 3
กันยายนที่ผ่านมาว่าเป็นเพียงการเข้าไปดูพื้นที่ต่าง ๆ ห้องทำงาน ห้องประชุมต่าง ๆ
ห้องประชุม ครม. รวมไปถึงการไปดูห้องทำงานของสื่อมวลชนด้วย
ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การจะไปรื้อหรืออะไร เพียงแค่ไปดูเพื่อปรับปรุงให้ฝ่ายบริหารเข้าถึงฝ่ายสื่อมวลชนให้ดีขึ้น
อาจจะมีการปรับปรุงบ้าง แต่โดยรวมความเป็นอยู่ต้องดีขึ้น
“ผมไม่เคยใช้คำว่าจัดระเบียบเป็นเพียงแค่ไปดูว่าความเป็นอยู่ของพี่น้องสื่อมวลชนเป็นอย่างไรบ้าง
แล้วก็ยืนยันถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรทุกอย่างต้องดีขึ้น ไม่ใช่การไปจัดระเบียบหรืออะไร
ผมไม่เคยใช้ ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน ขอให้สบายใจได้
เพราะเห็นว่ามีที่ทำงานของพี่น้องสื่อมวลชน มีอยู่ 2-3 ที่ ก็จะทำให้ดีขึ้น
ก็อยากทำให้สบายขึ้น รวมถึงการทำงานร่วมกัน
การเข้าถึงประชาชนได้ก็ต้องอาศัยสื่อมวลชน เพราะฉะนั้นการที่ฝ่ายบริหาร
ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีและเลขาฯ ที่ปรึกษาฯ
ก็อยากให้มีสถานที่ที่ลงมาพบปะกับพี่น้องสื่อมวลชน
ซึ่งจะเป็นการลดช่องว่างระหว่างฝ่ายบริหารกับประชาชนผ่านสื่อมวลชนด้วย”
นายกรัฐมนตรี กล่าว
.
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปรับปรุงห้องทำงานนายกรัฐมนตรีเยอะหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวานมีเวลาในการดูห้องไม่มาก อาจจะต้องเข้าไปทำงานก่อน
เพราะลักษณะการทำงานของนายกรัฐมนตรีแต่ละคนแตกต่างกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการทาบทาม
พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. มาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี
ยืนยันว่า ไม่ทราบและไม่เคยพูดคุยกันเรื่องนี้เลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการจับผิดและโจมตีเรื่องท่าทีและการแสดงออก
นายกฯ ตอบว่า “อย่าใช้คำว่าจับผิดเลยครับ หากภาพที่ออกไปแล้วบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
ก็ขอโทษด้วย แต่ไม่ได้เป็นการไม่พอใจอะไร เพียงแต่พี่น้องผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างมีหลายประเด็น
จึงต้องรีบจด ไม่ใช่นั้นจะไม่สามารถตอบคำถามเขาได้ เพียงแต่เขียนไปแล้วหมึกหมด
ก็บอกว่าหมึกหมด ผมไม่ได้ขว้าง เพียงแค่ปล่อยลงบนโต๊ะเฉย ๆ
ก็เข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะ การทำอะไรต่อไปนี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะภาพที่ออกไป
แม้จะไม่ได้เป็นการสะท้อนความรู้สึกเราเอง แต่คนที่ดูอยู่ก็อาจจะเข้าใจผิดได้
ก็กราบขอโทษ และจะพยายามระมัดระวังตัวมากขึ้น”
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เศรษฐา #เพื่อไทย