จำคุก “ทนายอานนท์” 4 ปี หมิ่นเบื้องสูง
ไม่รอลงอาญา ปรับ 2 หมื่น
วันที่ 26 กันยายน 2566 เมื่อเวลา 09.00
น. ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน
หมายเลขดำอ. 2495/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์
นำภา อายุ 39 ปี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่น สถาบันเบื้องสูง ร่วมกันมั่วสุมชุมนุม
ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง พ.ร.ก.การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
พ.ร.บ.จราจรทางบก ฯ
กรณีเมื่อวันที่ 14 ต.ค.63 เวลากลางวัน
จำเลยกับพวกได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรวมกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง กลุ่มราษฎร
2563ที่บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ทำให้กระถางต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ฯ
ได้รับความเสียหาย โดยจำเลยใช้เครื่องขยายเสียงประกาศเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อเรียกร้อง
3 ข้อ ได้แก่ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ลาออก,
แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยบางช่วงบางตอนของการปราศรัย จำเลยได้กล่าว แสดงความอาฆาตมาดร้ายดูหมิ่นสถาบันฯ เหตุเกิดที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม.
จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
โดยวันนี้นายอานนท์
จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมด้วยภรรยาและลูกชาย
ขณะที่มีทีมทนายความและตัวแทนสถานทูตเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และสหประชาชาติ
พร้อมมวลชนมาให้กำลังใจประมาณ 100 คน
ต่อมา ศาลอาญาพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว
เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.สำราญราษฎร์ และสน.ชนะสงคราม เบิกความสอดคล้องในทำนองเดียวกันว่า
วันเกิดเหตุจำเลยกับพวกได้ร่วมกันจัดชุมนุมทางการเมือง
โดยจำเลยแถลงข่าวและใช้สื่อโซเชียลชักชวนให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมประมาณ 1,000 คน
โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อให้พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูประบบสถาบันกษัตริย์ โดยบางช่วงบางตอน
จำเลยปราศรัยว่าหากวันนี้มีการสลายการชุมนุมก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะเป็นคำสั่งจากเบื้องบนเท่านั้น
ซึ่งเป็นการดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันกษัตริย์ให้ได้รับความเสื่อมเสีย
ประชาชนเข้าใจผิดถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
ทั้งที่จำเลยเป็นนักกฎหมายและทนายความย่อมทราบดีถึงขอบเขตการชุมนุมที่จะไม่กระทบสิทธิเสรีภาพและสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น
อีกทั้งการชุมนุมของจำเลย เป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ.2548 ฯ
ที่จำเลยอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมได้รับความเดือดร้อนนั้นไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
หักล้างพยานโจทก์ได้
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ให้ลงโทษทุกกรรมฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำคุก 4
ปี และฐานกระทำพ.ร.ก.การ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฯ ปรับ
20,000 บาท ส่วนข้อหาอื่นให้ยก
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส
ทนายความนายอานนท์ กล่าวว่า ศาลจำคุกนายอานนท์ 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา
และปรับตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 2 หมื่นบาท
ซึ่งญาติและนายอานนท์แจ้งว่าประสงค์จะยื่นประกันตัวและเตรียมหลักทรัพย์ไว้อัตราสูงสุดจำนวน
2 แสนบาท แต่เรากังวลว่าคดีที่มีอัตราโทษสูง 3-4 ปี
ศาลชั้นตนอาจจะส่งให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งประกัน
ทำให้อาจจะใช้ระยะเวลาพิจารณานานหลายวัน
จึงอยากจะขอให้ศาลคำนึงถึงสิทธิประกันตัวของจำเลยที่ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด
น.ส.ณัฐาศิริ เบิร์กแมน
นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า
วันนี้เนื่องจากทางสมาคมได้ติดตามคดีเกี่ยวกับการประกันตัวจำเลยในคดี 112
และคดีอื่น ๆ และพบว่าจำเลยที่ทีความประสงค์จะขอการประกันตัวเพื่อออกไปสู้คดี
ส่วนมากในการขอประกันตัวทางศาลชั้นต้นมีสิทธิ์ที่จะออกคำสั่งอนุญาตได้
แต่ศาลไม่สั่ง และมีการส่งไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาทำให้จำเลยจะต้องเข้าไปติดอยู่ในเรือนจำ
ซึ่งเป็นการทำให้เขาเสียสิทธิ์เสรีภาพในระหว่างนี้ ทั้งที่ประธานศาลฎีกาได้มีข้อกำหนดของประธานศาลฎีการะบุว่า
ในคดีต่าง ๆ
ถึงแม้ว่าศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาว่าให้จำเลยมีความผิดแล้วแต่ว่าถ้าโทษจำคุกนั้นต่ำกว่า
5 ปี ศาลสามารถให้ประกันตัวได้ในระหว่างจะอุทธรณ์หรือฎีกาต่อไป
จึงขอให้ผู้พิพากษาทั่วประเทศนำข้อกำหนดนี้ไปใช้
แต่ทางเราเห็นว่า ข้อกำหนดดังกล่าวไม่มีการนำมาใช้กับคดี 112
ทางสมาคมจึงได้มายื่นหนังสือถึงอธิบดีศาลอาญาในวันนี้
และยื่นหนังสือถึงผู้พิพากษาศาลที่พิจารณาคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของนายอานนท์ในวันนี้ด้วย
“ขอให้มีการพิจารณาทันทีโดยไม่ต้องส่งไปที่ศาลอุทธรณ์เพื่อจะได้ไม่ละเมิดสิทธิของทุกคนที่ต้องการประสงค์ต่อสู้คดี”
นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อานนท์นำภา #มาตรา112