วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

'นายกรัฐมนตรี' รุดติดตามสถานการณ์น้ำ ห่วงสร้างผลกระทบกับประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจ ย้ำกรมชลประทานติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เร่งแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที

 


'นายกรัฐมนตรี' รุดติดตามสถานการณ์น้ำ ห่วงสร้างผลกระทบกับประชาชนและพื้นที่เศรษฐกิจ ย้ำกรมชลประทานติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เร่งแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที


วันที่ 27 กันยายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางไปยังกรมชลประทาน (สามเสน) เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ ภายหลังฝนตกหนักติดกันหลายวัน โดยนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยถึงสถานการณ์น้ำในจังหวัดอุบลราชธานี หลังจากที่มีการพูดคุยกับ สส.ภายในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าน้ำจะใช้ระยะเวลาในการลดลงสู่ระดับปกติราวหนึ่งเดือน และได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ซึ่งจากนี้อีกราว 10 วัน จะลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง


จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และข้าราชการในกรมชลประทาน โดยได้ขอบคุณข้าราชการทุกท่านที่เตรียมการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ เพราะเรื่องภัยธรรมชาติไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนตัวภารกิจเยอะ แต่พยายามที่จะมาที่นี่เพราะเป็นห่วงมากเรื่องน้ำท่วมและน้ำแล้ง


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะนี้ฝนตกต้องติดตามน้ำทั้งหน้าเขื่อนได้หลังเขื่อน ซึ่งเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกับ สส.ภาคอีสาน ซึ่งมีความเป็นห่วงมากในพื้นที่จังหวัดอุบลฝากให้ติดตาม จะต้องแก้ไขปัญหาให้เร็วเพราะจะเกิดความเสียหายฝากให้เฝ้าระวังในพื้นที่ทุกจุด


ส่วนพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมเป็นต้นไปต้องเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน ทุกคนทำงานหนัก เพราะน้ำท่วมน้ำแล้งมีผลเสียหายหนักมากกับเศรษฐกิจ แต่ยังไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากปริมาณฝน ไม่ว่าจะฝนตกน้อยหรือฝนตกมากขึ้นอยู่กับสถานการณ์ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ในประเทศอย่างใกล้ชิด และหากประชาชนเดือดร้อนจากน้ำท่วมก็ขอให้ดูแลอย่างใกล้ชิด ขอให้เตรียมแผนระยะกลางและระยะยาวให้ดี และตนเองก็จะพยายามเฝ้าติดตามและลงพื้นที่ต่อเนื่อง เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน


ทั้งนี้มีรายงานปริมาณน้ำฝนและปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ทั่วประเทศ ยังมีปริมาณน้อยกว่าปี 2565 สำหรับปริมาณน้ำใช้การได้ทั้งประเทศในปี 2566 ขณะนี้มีอยู่ที่ราว 2,500 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าปี 2565 ถึง 5,000 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอ่างเก็บน้ำและคืนหลักทั่วประเทศ ยังสามารถรับน้ำได้อีกมากถึง 2,600 ล้านลูกบาศก์เมตร


โดยปริมาณน้ำใช้การได้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีปริมาณน้ำที่ต่ำกว่าเกณฑ์ 30% ของความจุอ่าง 6 แห่ง ประกอบไปด้วยอ่างเก็บน้ำปราณบุรี, อ่างเก็บน้ำกระเสียว อ่างเก็บน้ำทับเสลา อ่างเก็บน้ำป่าสักชลสิทธิ์และอ่างเก็บน้ำภูมิพล ขณะที่ภาคอุตสาหกรรม ยังไม่ได้รับผลกระทบเรื่องน้ำในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รัฐบาลเศรษฐา1 

#เศรษฐาทวีสิน #สถานการณ์น้ำ