วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

“ลิซ่า” เผยวันนี้นำร่องใช้ฐานข้อมูลแพลตฟอร์มกลาง ช่วยประชาชนติดค้างจากน้ำท่วมหาดใหญ่ได้เกือบร้อยคน ย้ำความสำคัญศูนย์ข้อมูลกลาง ทำงานแม่นยำไม่ต้องงม ช่วยประชาชนได้ตรงจุด หวังภาครัฐเร่งทำเสียที

 


“ลิซ่า” เผยวันนี้นำร่องใช้ฐานข้อมูลแพลตฟอร์มกลาง ช่วยประชาชนติดค้างจากน้ำท่วมหาดใหญ่ได้เกือบร้อยคน ย้ำความสำคัญศูนย์ข้อมูลกลาง ทำงานแม่นยำไม่ต้องงม ช่วยประชาชนได้ตรงจุด หวังภาครัฐเร่งทำเสียที


วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคประชาชน เปิดเผยถึงภารกิจการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาในวันที่ 2 ว่าหลังจากเมื่อวานนี้ตนได้เสนอให้รัฐบาลเร่งจัดทำศูนย์กลางข้อมูล เพื่อให้ทราบจำนวนประชาชนที่ยังตกค้างและสถานที่ที่หน่วยงานอาสาสมัครต่างๆ ต้องเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำตรงจุด 


วันนี้ตนและทีมได้นำแพลตฟอร์ม jitasa.care มาเป็นตัวช่วยสำคัญในการเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในซอยกาญจนวนิช 17 ซึ่งเป็นซอยที่มีอาคารที่พักอาศัยอยู่จำนวนมาก ทำให้สามารถช่วยประชาชนออกมาได้ประมาณ 100 คน เป็นผู้ป่วยติดเตียง 8 คน เด็กเล็ก 2 คน ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว 3 คน ทำให้การทำงานวันนี้ของทีมพรรคประชาชนและอาสามูลนิธิเต็กก่านครศรีธรรมราชทำงานได้ง่ายและตรงจุดมากขึ้น


“นี่คือความสำคัญของการมีฐานข้อมูลตามที่ดิฉันเสนอว่าเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องทำแต่รัฐบาลไม่ได้ทำ ถ้าทำงานตามฐานข้อมูล ก็เหมือนเรามีแผนที่อยู่ในมือ ไม่ได้งมทำ จะสามารถทำงานได้เป็นชิ้นเป็นอัน ช่วยเหลือประชาชนวันนี้ในจำนวนที่มากพอสมควร”


ภคมนกล่าวต่อว่า การมีฐานข้อมูลกลางยังทำให้เราร่วมมือกับภาคส่วนอื่นได้ง่ายขึ้น วันนี้มีนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ประสานเรื่องข้อมูลกลุ่มเปราะบางในพื้นที่มาให้ตน พวกเขาบอกว่าที่ผ่านมาประสานหน่วยงานราชการไปแล้ว 4 วันแต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ โดยวันพรุ่งนี้ (26 พ.ย.) คาดว่าจะได้นำข้อมูลที่รวบรวมเอาไว้จากนักศึกษากลุ่มนี้ มาให้เราเพื่อจะทำงานตามฐานข้อมูลเหล่านั้นและเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง สามารถพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาแบบไม่สะเปะสะปะ 


“ถ้าคนที่มีทรัพยากรจำกัดยังทำเรื่องนี้ได้ รัฐบาลก็ต้องทำได้และควรทำตั้งแต่แรก ดังนั้นดิฉันคาดหวังอย่างยิ่ง รัฐบาลช่วยนำข้อมูลเหล่านี้ไปทำให้เป็นระบบ ใช้อำนาจและงบประมาณจากภาษีประชาชนที่ท่านมีอยู่ในมือ เร่งสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด”


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #น้ำท่วมใต้ #น้ำท่วม68
























‘พรรคเพื่อไทย’ ระดมเรือ 100 ลำ เจ็ตสกี 10 ลำ อาหารวันละ 1,000 กล่อง ช่วยอพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่เร่งด่วน

 


‘พรรคเพื่อไทย’ ระดมเรือ 100 ลำ เจ็ตสกี 10 ลำ อาหารวันละ 1,000 กล่อง ช่วยอพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่เร่งด่วน


วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14.50 น. ที่สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค และทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรค ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบอุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยได้แต่งตั้งให้นายก่อแก้ว และ ทพญ.ศรีญาดา เป็นหัวหน้าการประสานงานเพื่อบริหารจัดการความช่วยเหลือ พร้อมประสานกับประมงจังหวัดสงขลา จัดหาเรือหางยาว 100 ลำ เจ็ตสกี 10 ลำ สำหรับลำเลียงอาหารกล่อง น้ำดื่ม รวมถึงดำเนินการลำเลียงกลุ่มผู้เปราะบางและผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด


นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กล่าวว่า ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เราเห็นความลำบากของประชาชนที่ต้องเผชิญน้ำท่วมหนัก หลายพื้นที่ยังถูกตัดขาด ศูนย์อพยพบางแห่งไม่พร้อมตามที่ควร ทั้งเรื่องอาหาร น้ำดื่ม การดูแลผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยติดเตียง ขณะที่การสั่งการจากส่วนกลางก็ล่าช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์จริง


พรรคเพื่อไทยได้ประสานงานกับสมาคมชาวประมงจังหวัดสงขลาและสมาชิกพรรคในหลายจังหวัด เพื่อระดมจัดเตรียมเรือหางยาว 100 ลำ และเจ็ตสกี 10 ลำ สำหรับภารกิจลำเลียงเสบียง สิ่งของจำเป็น และช่วยเหลืออพยพประชาชนไปยังศูนย์อพยพของรัฐให้ปลอดภัยที่สุด


นอกจากนี้ พรรคได้เตรียมอาหารสดวันละ 1,000 กล่อง และกำลังรวบรวมอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค และอุปกรณ์ยังชีพอื่น ๆ เพื่อมอบให้พี่น้องในพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้มากที่สุด


ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้มอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคใต้ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ นายทะเบียนพรรค ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์ประสานงานส่วนหน้าเพื่อบริหารจัดการความช่วยเหลือแก่พี่น้องประชาชน พร้อมมอบหมายให้ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ส.ส.กทม. และนายไตรฤกษ์ มือสันทัด ผู้เสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ชาวประมงจังหวัดชุมพร ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา


โดยนายจุลพันธ์กล่าวเพิ่มเติมว่า หากย้อนกลับไปในช่วงอุทกภัยภาคเหนือสมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นางสาวธีรรัตน์ก็สามารถประสานการช่วยเหลือและคลี่คลายสถานการณ์ได้ภายในหนึ่งเดือนจนทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งก็เหมือนกับที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่ทางพรรเพื่อไทย โดยนายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี ได้ประสาน 4 มูลนิธิ จัดหาเรือ-เรือเจ็ตสกี-รถบรรทุกใหญ่ เพื่อขนสิ่งของบรรเทาทุกข์และลงไปพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นของคนเพื่อไทยที่ช่วยบรรเทาทุกข์ให้พี่น้องประชาชน


“ส่วนเรื่องการลงพื้นที่ ทางพรรคจะประเมินความเหมาะสม เนื่องจากสถานการณ์มีความละเอียดอ่อน และเราต้องการให้ทรัพยากรในพื้นที่ถูกใช้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนเป็นหลัก พรรคเพื่อไทยจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้เชื่อมั่นว่าเราจะไม่ทอดทิ้งกันแม้เพียงครอบครัวเดียว เราจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อให้พี่น้องปลอดภัยและกลับสู่ชีวิตปกติให้เร็วที่สุด” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าว


ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง กล่าวว่า ไม่คาดคิดว่าพี่น้องชาวใต้จะประสบอุทกภัยอย่างหนักหนาสาหัส ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่จัดการได้ยาก เนื่องจากฝนยังตกต่อเนื่อง แม้แต่การขนถุงยังชีพเข้าพื้นที่ก็ยังเป็นอุปสรรค พรรคกำลังเร่งหาช่องทางลำเลียงถุงยังชีพเข้าไปให้ได้โดยเร็วที่สุด


“นอกจากอาหารสดที่จัดเตรียมไว้วันละ 1,000 กล่อง เรากำลังจัดหากำลังคนเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าพี่น้องมีอาหารกินและน้ำดื่มเพียงพอ นอกจากนี้ยังพยายามหาเรือเสริมเพื่อช่วยราชการในการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่มายังศูนย์อพยพให้เร็วที่สุด” นายก่อแก้วกล่าว


สำหรับพื้นที่จังหวัดตรัง ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเช่นกัน ตัวแทนพรรคเพื่อไทยได้เปิดโรงแรมโรสอินน์เป็นที่พักชั่วคราว พร้อมจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้บริการ หากประชาชนไม่เข้าพักก็สามารถมาขอรับอาหารปรุงสุกได้ตลอดเวลา และหากมีความคืบหน้าในการช่วยเหลือจะรายงานให้สื่อมวลชนทราบต่อไป


ด้านทันตแพทย์หญิงศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตั้งแต่ปี 2554 แม้สถานการณ์ครั้งนี้จะต่างออกไป แต่สามารถนำบทเรียนมาปรับใช้ได้ โดยการส่งเรือ 100 ลำลงพื้นที่ครั้งนี้ เพราะเชื่อว่ายังมีผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ตามตึกอาคารและไม่สามารถออกมาได้ ขณะเดียวกันยังต้องลำเลียงอาหารและน้ำดื่มเข้าไปช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง


ส่วนศูนย์พักพิงในปัจจุบันยังมีจำนวนน้อยเกินไป พรรคเพื่อไทยจะลงพื้นที่สำรวจจุดรอบเมืองสงขลาที่สามารถจัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงเพิ่มเติมได้ และเมื่อได้ข้อมูลแล้วจะรีบนำเสนอให้รัฐบาลทราบเพื่อดำเนินการต่อไป


“ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และจิตอาสาทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบาก และขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย” นายทะเบียนพรรคกล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคเพื่อไทย

ครม. เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ 10-11 ธ.ค. ลุยแก้ รธน. ให้เสร็จทันสิ้นปี


ครม. เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ 10-11 ธ.ค. ลุยแก้ รธน. ให้เสร็จทันสิ้นปี


วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกสมัยประชุมวิสามัญ รัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธ.ค. เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3


เนื่องจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญกำหนดว่า หลังการพิจารณาในวาระสองแล้ว ต้องเว้นระยะเวลา 15 วัน จึงจะสามารถพิจารณาในวาระสามได้ แต่หากต้องรอพิจารณาช่วงเปิดสมัยประชุมสามัญในวันที่ 12 ธ.ค. ก็จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทันช่วงก่อนปีใหม่ตามกรอบเวลา จึงมีการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญ เพื่อให้รัฐสภาสามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จทันตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประชุมสภา #แก้ไขรัฐธรรมนูญ

ครม.ประกาศสงขลาภัยพิบัติฉุกเฉิน ให้ผบ.ทสส.เป็นผู้อำนวยการสถานการณ์

 


ครม.ประกาศสงขลาภัยพิบัติฉุกเฉิน ให้ผบ.ทสส.เป็นผู้อำนวยการสถานการณ์


วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ว่า วันนี้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา และได้มอบให้ พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) เป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ คือการบูรณาการความช่วยเหลือทั้งหมด ในการสั่งการอนุมัติคุ้มครองผู้ปฏิบัติการทุกอย่างมีความเบ็ดเสร็จอยู่ในนั้น


ส่วนสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ บางจุดความช่วยเหลือเข้าไม่ถึง ประชาชนจะร้องขอความช่วยเหลืออย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ในพื้นที่มีทุกหน่วยงานระดมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว และเรากำลังกระจายคนเข้าไปรับพี่น้องประชาชนในทุกที่ ตอนนี้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำลังเดินทางเข้าไป และ 2 ท่านอยู่ในพื้นที่แล้ว โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพิ่งเดินทางไปเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา


ผู้สื่อข่าวถามว่า กรมอุตุนิยมวิทยา มีอะไรต้องแจ้งเตือนประชาชนเรื่องปริมาณน้ำหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องไปบริหารสถานการณ์เรื่องการระบายน้ำ ทำหลายอย่างควบคู่กันไปกัน และเรื่องของอาหาร วัสดุในการดำรงชีพทุกอย่าง ตอนนี้มีความพร้อมอยู่ ส่วนกองทัพได้มีการจัดเตรียมยานพาหนะต่าง ๆ เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เรือ รถ ระดมการลงไปช่วยเหลือพี่น้องในที่เกิดเหตุ

เมื่อถามว่าความล่าช้าก่อนหน้านี้เป็นเพราะอะไร นายอนุทิน ยืนยันว่าไม่ได้ล่าช้า ในการปฏิบัติมันไม่ได้ล่าช้า และไม่ได้ติดขัด ทำงานกันอย่างเต็มที่ ในช่วงที่มีการเกิดเหตุใหม่ ทุกคนต้องกระจายกำลัง กระจายทรัพยากรคน ลงไปช่วยเหลือชีวิตเรื่องความปลอดภัย ให้กับพี่น้องประชาชนเป็นลำดับแรกก่อน ตอนนี้เมื่อเราทราบปัญหาหลาย ๆ เรื่องแล้ว เราถึงมาเร่งจัดตั้งกองบัญชาการทั้งส่วนหน้า ส่วนสนับสนุน และใช้ พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน ในการกำกับดูแล


ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลตั้งศูนย์กองอำนวยการค่อนข้างช้า ทั้งนักวิชาการ คนในพื้นที่ นายอนุทิน ถามกลับว่า ใคร ก็แล้วแต่เขา รัฐบาลไม่ได้ช้า คนทำงานไม่ได้ช้า รัฐบาลช่วยเหลือเต็มที่ ตอนนี้ทุกอย่างที่มีอยู่ระดมทุกอย่างเต็มที่ ทั้งงบประมาณ ทรัพยากร และการสนับสนุนจากทุกองค์กรที่รัฐบาลกำกับดูแลอยู่ รวมถึงความร่วมมือที่เราได้มาจากองค์กรต่าง ๆ และภาคเอกชนก็สนับสนุนอย่างเต็มที่


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อนุทินชาญวีรกูล #น้ำท่วมสงขลา

รองโฆษก ปชน. ชี้รัฐบาลล้มเหลวจัดการภัยพิบัติ มีระบบแต่ไม่ใช้ เขียนแผนไว้แต่ไม่ทำ ชงข้อเสนอเร่งด่วนพื้นที่สงขลา-จังหวัดภาคใต้ที่เสี่ยงท่วมหนักในอนาคตอันใกล้

 


รองโฆษก ปชน. ชี้รัฐบาลล้มเหลวจัดการภัยพิบัติ มีระบบแต่ไม่ใช้ เขียนแผนไว้แต่ไม่ทำ ชงข้อเสนอเร่งด่วนพื้นที่สงขลา-จังหวัดภาคใต้ที่เสี่ยงท่วมหนักในอนาคตอันใกล้


วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ รองโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงความล้มเหลวในการจัดการภัยพิบัติของรัฐบาลกรณีน้ำท่วมใหญ่ จ.สงขลา โดยระบุว่า ต้องแบ่งออกเป็นความผิดพลาดที่ยังสามารถปรับแก้โดยด่วนได้ และความผิดพลาดที่ไม่สามารถกลับไปแก้ได้ในแล้วในกรณีจังหวัดสงขลา แต่ต้องใช้เป็นบทเรียนเพื่อปรับแก้ในการจัดการพื้นที่อื่นในภาคใต้ ที่มีความเสี่ยงจะเกิดปัญหาหนักขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้


สำหรับความผิดพลาดที่ยังสามารถปรับแก้โดยด่วนได้ คือกลไกการบัญชาการเหตุการณ์ กรณีจังหวัดสงขลาเป็นเรื่องที่ทุกคนตั้งคำถามกันเยอะมากว่าเหตุใดเราถึงไม่มีผู้บัญชาการ ซึ่งตนต้องอธิบายว่าในการรับมือภัยพิบัติจะต้องมีผู้บัญชาการ (ผบ.) เหตุการณ์ เรียงตามระดับภัย 1-4 ในระดับที่ 1 ผบ. คือนายก อบต. หรือเทศบาล ระดับที่ 2 ผบ. คือผู้ว่าราชการจังหวัด ระดับ 3 ผบ. คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และระดับที่ 4 ผบ. คือนายกรัฐมนตรี


แต่สถานการณ์น้ำท่วมสงขลาปัจจุบันยังถูกจัดเป็นภัยระดับ 2 ที่มีผู้ว่าฯ บัญชาการ ซึ่งต้องตั้งคำถามว่าจนถึงตอนนี้มีใครรู้จักชื่อหรือหน้าตาของผู้ว่าฯ สงขลาบ้าง เหตุการณ์วิกฤตขนาดนี้แต่สังคมกลับไม่รู้จักผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการ ตนถือว่านี่คือความล้มเหลวแรก ความล้มเหลวต่อมาคือสถานการณ์รุนแรงขนาดนี้ แต่รัฐบาลยังไม่ยกระดับเป็นภัยระดับ 3 หรือ 4 ที่จะกำหนดให้ผู้บัญชาการเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี


ข้อเสนอของตนในตอนนี้ คือต้องยกระดับเหตุการณ์น้ำท่วมจังหวัดสงขลา เป็นภัยระดับที่ 4 เพื่อให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มตัว อำนาจสั่งการเด็ดขาด และจัดทำวอร์รูมที่ใช้งานได้จริงโดยด่วนที่สุด และเราโฟกัสแค่สงขลาจังหวัดเดียวไม่ได้ วอร์รูมนี้ต้องใช้สำหรับจังหวัดที่เสี่ยงในภาคใต้ทั้งหมด


วอร์รูมที่ใช้ได้จริงในตอนนี้ คือแผนที่ที่มีฐานข้อมูลผู้ประสบภัย พื้นที่ใดต้องได้รับความช่วยเหลือในการอพยพ ลำดับความเร่งด่วนแต่ละเคส พื้นที่ใดที่ประชาชนประสงค์ที่จะไม่อพยพ ตัวเลขกลุ่มเปราะบางโดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงในแต่ละบ้าน ว่ามีบ้านไหนที่ยังตกค้างการอพยพ รวมไปถึงการติดตามตัวเลขสถิติของสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล ศูนย์อนามัย และสถานที่อพยพต่างๆ ว่าปัจจุบันมีผู้พักพิงเท่าไหร่ ความช่วยเหลือทางการแพทย์ อาหาร และเชื้อเพลิงเพียงพออยู่อีกกี่ชั่วโมงหรือกี่วัน รวมถึงสถานที่พักพิงสำรองกรณีที่มีความเสี่ยงกลายเป็นพื้นที่ประสบภัยเพิ่ม


และยังต้องมีการติดตาม (tracking) ข้อมูลของทีมที่เข้ามาช่วยเหลือทั้งหมดไว้ที่ศูนย์บัญชาการ ไม่ว่าจะเป็นทีมของรัฐส่วนกลาง ท้องถิ่น ทหาร มูลนิธิ อาสาสมัคร มอบหมายในระบบอย่างชัดเจนว่าเคสไหนทีมไหนเป็นคนเข้าไปดำเนินการ และมีผลการดำเนินการอย่างไร ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลไม่มีเวลาในการทำฐานข้อมูลใหม่ของรัฐบาลเอง แต่สามารถใช้แพลตฟอร์ฒ jitasa.care ตามที่พรรคประชาชนเราเสนอไปได้ทันที


ข้อมูลลักษณะนี้จะทำให้เราสามารถประเมินขีดความสามารถได้ว่าภายใน 1 ชั่วโมง เราสามารถอพยพหรือช่วยเหลือได้กี่เคส และจากเคสทั้งหมด จะสามารถจัดการได้ภายในกี่ชั่วโมง หากประเมินว่านานเกินไป จะได้เพิ่มทีมเพิ่มอัตรากำลังจากภาคส่วนอื่น ๆ เข้ามาช่วยเหลือได้ ในส่วนนี้หากประเมินว่าวิกฤตไม่ทันการณ์แน่นอน เราใช้ข้อมูลตรงนี้ประสานทางประเทศมาเลเซียในการส่งทีมมาช่วยเหลือตามข้อตกลงอาเซียนได้


นี่คือประเด็นแรกที่รัฐบาลต้องเข้าใจในกลไกและอำนาจในการจัดการภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ การทำงานแบบเรียกประชุมนั่งหัวโต๊ะสั่งนู่นนี่แบบสะเปะสะปะ การถ่ายภาพแจกถุงยังชีพ ผัดข้าว หรือการชี้นิ้ว ไม่สามารถจัดการภัยพิบัติได้ครับ”


ภัทรพงษ์กล่าวต่อว่า เรื่องต่อมาคือการแจ้งเตือนและการอพยพ ประเด็นนี้ชัดเจนมากในเคสจังหวัดสงขลา ทั้งๆ ที่มีข้อมูลปริมาณน้ำฝนสะสมและพยากรณ์อย่างชัดเจน การประเมินความรุนแรงล่วงหน้าที่ประเมินว่าหนักกว่าปี 2553 แต่กลับไม่มีการอพยพก่อนเกิดเหตุ


ในเรื่องการแจ้งเตือน ก่อนที่จะแจ้งเตือนได้ ต้องมีการรวบรวมข้อมูลจากทุกหน่วยงานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นในข้อมูลการแจ้งเตือน ต้องมีข้อความที่แสดงถึงระดับความรุนแรงมากกว่านี้หลายเท่า ซึ่ง รมว.มหาดไทย ต้องเป็นคนเคาะข้อความการแจ้งเตือนที่มีการระบุพื้นที่และขั้นตอนอพยพอย่างชัดเจน เราไม่สามารถใช้การแจ้งเตือนจาก template ทั่วไปได้ในกรณีวิกฤตแบบนี้ เพราะหากใช้ template ทั่วไป ผลลัพธ์ก็จะออกมาอย่างที่เราเห็นในเคสสงขลา คือประชาชนไม่รู้ว่าแล้วมันจะรุนแรงขนาดไหน ท่วมสูงเท่าไหร่ กี่วัน ด้วยข้อความที่ไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าสถานการณ์อาจไม่หนักมาก และตัดสินใจไม่อพยพก่อนเกิดเหตุ


ส่วนคำสั่งอพยพก่อนเกิดเหตุ นี่คืออีกสิ่งหนึ่งที่ไทยเราแทบไม่เคยทำเลย เปรียบเทียบกับพายุทุกลูกที่ไทยเจอในปีนี้ พายุเหล่านั้นล้วนรุนแรงมากกว่าในประเทศเพื่อนบ้านที่ติดทะเล เช่น ประเทศเวียดนาม แต่เวียดนามกลับรับมือกับความเสี่ยงได้ดีกว่า โดยการอพยพล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ลดความสูญเสียได้หลายเท่า


ข้อเสนอของตนในส่วนนี้ คือการเร่งประเมินพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเพิ่มเติมในจังหวัดอื่น ๆ เตรียมการอพยพแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่ปัญหาจะวิกฤต ทำทั้งสองส่วน ทั้งการแจ้งเตือนแบบ Cell broadcast หอเตือนภัย วิทยุกระจายเสียงชุมชน ด้วยข้อความที่ชัดเจนให้ประชาชนอพยพ และการสั่งการอพยพโดยภาครัฐ ที่มุ่งเป้าพื้นที่เสี่ยงสูงที่มีกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วยติดเตียง และสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาล ก่อน


รองโฆษกพรรคประชาชนย้ำว่า ปัญหาภัยพิบัติต้องเร่งจัดการ เพราะทุกวินาทีที่เราปล่อยผ่าน นั่นคือความเสี่ยงภัยที่เพิ่มขึ้นกับประชาชน รัฐบาลต้องทำงานจริงจัง เป็นระบบ ตามกลไกกฎหมายและแผนที่เขียนไว้ ทุกจังหวัดมีแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทุกจังหวัดมีแผนศูนย์อพยพเป็นร้อยๆที่ แต่พอถึงเวลาจริง เรากลับไม่เคยเดินหน้าตามแผนที่มี กลับใช้การสั่งการ ชี้นิ้ว แจกถุงยังชีพ ทำงานสะเปะสะปะ ปล่อยภาระหนักที่อาสาสมัคร ไม่มีวอร์รูมที่สามารถติดตามการทำงานได้ ทำให้ประเมินตัวเลขความช่วยเหลือได้ไม่ถูกต้อง ทั้งหมดนี้คือข้อเสนอระยะเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจและจัดการเพื่อประชาชน

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #น้ำท่วมใต้ #น้ำท่วม68

ConforAll ยื่นหนังสือถึงครม. จี้รัฐบาลสั่งทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ทันที ลั่น “เราพร้อมจะทำประชามติครั้งที่ 1 ในวันที่ 29 มีนา 69“


ConforAll ยื่นหนังสือถึงครม. จี้รัฐบาลสั่งทำประชามติรัฐธรรมนูญใหม่ทันที ลั่น “เราพร้อมจะทำประชามติครั้งที่ 1 ในวันที่ 29 มีนา 69“


วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ConforAll พร้อมด้วยเครือข่ายสมัชชาคนจนที่ปักหลักอยู่บริเวณสำนักงานพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ข้างทำเนียบรัฐบาล เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเรียกร้องให้ ครม. มีมติให้จัดการออกเสียงประชามติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันที เนื่องจากอำนาจคณะรัฐมนตรีสามารถมีมติในเรื่องที่เห็นสมควรได้


กลุ่ม ConforAll อ่านแถลงการณ์ โดยสรุปได้ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีชุดนี้จัดตั้งขึ้นภายใต้ข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน (MOA) ที่จะยุบสภาภายใต้กรอบเวลา 4 เดือน และจัดการเลือกตั้งใหม่ภายในวันที่ 29 มีนาคม 2569 และออกเสียงประชามติเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมการเลือกตั้ง ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่รัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยในสภา มีความไม่แน่นอนที่อาจเกิดการยุบสภาเมื่อไรก็ได้ หากมีการยุบสภาก่อนก็จะเกินกรอบเวลา 60-150 วัน ตามมาตรา 11 ของ พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 (พ.ร.บ.ประชามติฯ) ทำให้จัดประชามติไม่ทัน และเท่ากับรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ประกาศไว้ต่อหน้าประชาชนได้


ConforAll ระบุว่าการทำประชามติในคำถามที่ 1 เป็นการทำประชามติตาม มาตรา 9 (2) ของพ.ร.บ.ประชามติฯ เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่ามีเหตุสมควรก็ออกมติให้มีการออกเสียงประชามติได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอให้การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในรัฐสภาเสร็จสิ้นเสียก่อน เพื่อให้เกิดความแน่นอนและประชาชนรู้สึกมั่นใจว่าจะเกิดการจัดทำประชามติขึ้นจริงอย่างน้อย 1 คำถามภายในกรอบเวลาตาม MOA คณะรัฐมนตรีชุดนี้จึงต้องเร่งออกมติของคณะรัฐมนตรีโดยทันที เพื่อให้มีการจัดการออกเสียงประชามติพร้อมการเลือกตั้งครั้งถัดไป


หากคณะรัฐมนตรีออกมติตั้งแต่วันนี้เพื่อเดินตามข้อตกลงที่ได้ประกาศไว้ ก็จะช่วยให้ประชาชนรู้สึกมั่นใจได้ว่าประชาชนจะมีโอกาสได้ออกเสียงเพื่อไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และรัฐบาลนี้ย่อมจะได้รับคำชื่นชมในฐานะผู้ที่ “กล้า” เปิดทางออกทางการเมือง แต่หากสุดท้ายไม่เกิดการจัดทำประชามติขึ้น เพราะไม่ทันตามกรอบเวลา รัฐบาลนี้ย่อมจะถูกจดจำในฐานะ "ผู้ผิดสัญญา"


นอกจากนี้ เมื่อปี 2566 ConforAll ได้เคยรวบรวมรายชื่อของประชาชนกว่า 200,000 รายชื่อ ใช้สิทธิตามมาตรา 9 (5) ของ พ.ร.บ.ประชามติฯ เสนอคำถามต่อคณะรัฐมนตรีชุดที่นำโดยเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้ทำประชามติถามประชาชนว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ ว่ารัฐสภาต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน” แต่ยังไม่เคยได้รับการพิจารณาโดยคณะรัฐมนตรีชุดใดเลย จึงขอให้คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนำข้อเสนอของประชาชนที่เคยยื่นไว้มาพิจารณาด้วย


ด้านตัวแทนรัฐบาล ได้แก่ ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้มารับหนังสือจากกลุ่ม ConforAll โดยภราดรกล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจจะเสนอประเด็นสั่งให้มีการจัดทำประชามติในวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2568) แต่เมื่อทบทวนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะมีข้อโต้แย้งทางกฎหมายในบางประเด็น แต่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประชามติแล้วไม่ได้ห้ามเอาไว้ จึงกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่าสามารถจะดำเนินการได้หรือไม่ ในส่วนของครม. ภราดรระบุว่าว่าจะสามารถสั่งให้มีคำถามประชามติได้ แต่จำเป็นต้องถามฝ่ายกฎหมายให้ชัดเจนเสียก่อน แตรัฐบาลตั้งใจจะทำประชามติครั้งที่ 1 ในวันที่ 29 มีนาคม 2569 ที่ประกาศเอาไว้ว่าจะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 ภราดรยืนยันว่าไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดช่องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนญฉบับใหม่จะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่อย่างไร ทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้น


ภราดรยังกล่าวทิ้งท้ายว่าในการประชุม ครม. ประจำวันที่ 25 พฤษจิกายน 2568 ครม.จะพิจารณาเรื่องการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญของรัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ในวาระสอง เมื่อเปิดสมัยวิสามัญในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 เสร็จสิ้นแล้วรัฐธรรมนูญมาตรา 256 กำหนดให้ต้องรอไว้ 15 วัน เพื่อให้รัฐสภาได้ลงมติในวาระ 3 ในวันที่ 29 ธันวาคม 2568


ขณะที่สิริพงศ์กล่าวว่า ครม. มีความตั้งใจที่จะทำตาม MOA ยกเว้นกรณีการรวมเสียงได้เป็นเสียงข้างมากซึ่งเป็นการละเมิด MOA ข้อที่ 4 คือต้องไม่ทำเสียงให้เกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ (ทางการเมือง) ส่วนการสั่งให้ทำประชามตินั้น สิริพงศ์กล่าวว่าจะพิจารณาไม่เกินสัปดาห์หน้า (การประชุม ครม. ในวันที่ 2 ธันวาคม 2568) ในการกำหนดวันออกเสียงประชามติด้วย


ทั้งนี้ แสงศิริ ตรีมรรคา ในฐานะเลขาธิการกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ระบุว่า ในวันที่ 6-10 ธันวาคม 2568 กป.อพช. จะจัดกิจกรรม “เดินเพื่ออนาคต” (Walk to the Future) เพื่อรณรงค์ให้มีการจัดทำประชามติสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเริ่มเดินจากอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมระยะเวลา 5 วัน ระยะทาง 60 กิโลเมตร จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกิจกรรมและเรียกร้องประชามติครั้งนี้ไปด้วยกัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ

















“จุลพันธ์” ชี้ หาดใหญ่วิกฤต กังวลที่สุดคือระบบสาธารณูปโภคที่เป็นอัมพาต เสนอรัฐบาล 4 ข้อเร่งด่วน!

 


“จุลพันธ์” ชี้ หาดใหญ่วิกฤต กังวลที่สุดคือระบบสาธารณูปโภคที่เป็นอัมพาต เสนอรัฐบาล 4 ข้อเร่งด่วน!


วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ความว่า


สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา ตอนนี้เข้าขั้นวิกฤต (ธงแดง) และยังคงไม่หยุด สิ่งที่น่ากังวลที่สุดไม่ใช่แค่ปริมาณน้ำ แต่คือ "ระบบสาธารณูปโภคที่เป็นอัมพาต"


ผมติดตามสถานการณ์และถอดบทเรียนเปรียบเทียบกับน้ำท่วมภาคเหนือที่ผ่านมา พบว่าบริบทของหาดใหญ่คือ "Urban flood" หรือภัยพิบัติในเขตเมืองเศรษฐกิจ ความเสียหายไม่ได้มาจากดินโคลนเหมือนเชียงราย แต่มาจากการที่เมืองขาดน้ำสะอาดและระบบไฟฟ้าที่สุ่มเสี่ยง


ในนามพรรคเพื่อไทย ผมขอส่งข้อเสนอแนะเร่งด่วน 4 ข้อ ไปยังรัฐบาลและศูนย์ปฏิบัติการฯ เพื่อปรับแผนรับมือให้ทันสถานการณ์ "เดี๋ยวนี้" ครับ


1. กู้วิกฤต "น้ำสะอาด" ทันที (Water rescue) ตอนนี้โรงกรองน้ำหาดใหญ่หยุดการผลิต สิ่งที่พี่น้องต้องการด่วนที่สุดคือ "น้ำดื่ม"


ข้อเสนอ : รัฐต้องระดม "รถผลิตน้ำดื่มเคลื่อนที่" จากเหล่าทัพและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เข้าไปจอดในจุดปลอดภัย (Safe zone) กลางเมืองหาดใหญ่ ภายใน 24 ชม. เพื่อผลิตน้ำแจกจ่าย ไม่ต้องรอถนนแห้ง เพราะคนขาดน้ำไม่ได้


2. แจ้งเตือนต้องมี "Action plan" (Active warning) การรู้แค่ระดับน้ำไม่พอ แต่ต้องรู้ว่า "ต้องทำตัวอย่างไร"


ข้อเสนอ : ใช้ระบบ Cell broadcast ยิงตรงเข้ามือถือระบุพิกัดชัดเจนว่า "โซนไหนต้องออกตอนนี้" "รถอพยพจอดที่ไหน" "จุดรับน้ำอยู่ตรงไหน" เพื่อลดความสับสนและความตื่นตระหนกหน้างาน


3. "เกราะป้องกันเศรษฐกิจ" (Economic shield) หาดใหญ่คือเมืองค้าขาย ความเสียหายหยุดชะงักแค่วันเดียว กระทบห่วงโซ่ทั้งภาคใต้


4. รัฐบาลล้มเหลวในการรับมือวิกฤตครั้งนี้ ต้องตั้งผู้บัญชาการเหตุการณ์ด่วน เพื่อทำงานแบบเกาะติดและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในทุกมิติ


ข้อเสนอ : กระทรวงการคลังและแบงก์ชาติต้องเตรียมประกาศมาตรการ "พักชำระหนี้และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan)" สำหรับคนหาดใหญ่ทันที เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่ทิ้งภาคเศรษฐกิจให้ล่มสลาย


วิกฤตครั้งนี้หนักหนา แต่ถ้าเราบริหารจัดการด้วย "ข้อมูล" และ "ความเร็ว" เราจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้


พรรคเพื่อไทยขอส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวสงขลา และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกท่าน เราจะเกาะติดสถานการณ์และผลักดันความช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติครับ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #จุลพันธ์อมรวิวัฒน์ #พรรคเพื่อไทย #น้ำท่วมหาดใหญ่

“ลิซ่า” ติงรัฐบาลมีอำนาจ-งบประมาณ ต้องทำสิ่งที่ประชาชนทำไม่ได้ แนะเร่งจัดทำศูนย์กลางข้อมูลน้ำท่วมหาดใหญ่ ไม่ใช่แค่มาแจกข้าวแล้วจบ เผยพรรคประชาชนเตรียมรวบรวมข้อมูลกลุ่มเปราะบางพร้อมกระจายทุกหน่วยงานเข้าช่วยเหลือประชาชนตรงจุด

 


“ลิซ่า” ติงรัฐบาลมีอำนาจ-งบประมาณ ต้องทำสิ่งที่ประชาชนทำไม่ได้ แนะเร่งจัดทำศูนย์กลางข้อมูลน้ำท่วมหาดใหญ่ ไม่ใช่แค่มาแจกข้าวแล้วจบ เผยพรรคประชาชนเตรียมรวบรวมข้อมูลกลุ่มเปราะบางพร้อมกระจายทุกหน่วยงานเข้าช่วยเหลือประชาชนตรงจุด


วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.หาดใหญ่ ขณะนี้ ระบุว่า ในฐานะคนที่เติบโตและเรียนที่นี่ ต้องบอกว่าภาพที่เห็นเป็นสิ่งที่วิกฤตมากๆ ยิ่งกว่าปี 2543 และ 2554 พื้นที่หาดใหญ่มีการตัดไฟทั้งหมด สัญญาณอินเทอร์เน็ตมีน้อยมาก ทำให้ติดต่อสื่อสารได้ลำบาก เชื่อว่าแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือของประชาชนหลายคนก็คงหมดแล้ว สิ่งที่ตนและทีมอาสาสมัครจากนครศรีธรรมราชทำได้ตอนนี้คือการขนข้าวไปให้คนที่ติดอยู่ในบ้าน และขนคนที่ต้องการออกจากบ้านที่น้ำท่วม ถึงอย่างนั้นเราสังเกตได้ว่าคนที่เคยติดต่อให้เราเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อโทรกลับตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้ น้ำเชี่ยวและลึกมาก เรือท้องแบนไม่สามารถใช้ได้ 


กรณีที่ผู้ว่าฯ สงขลามีคำสั่งให้อพยพคนออกมา 100% ต้องขอตั้งคำถามกลับไปยังผู้ว่าฯ ว่าจะให้อพยพไปไหน เพราะน้ำเต็มไปหมด ไม่มีศูนย์พักพิงที่ปลอดภัย เดินทางง่าย เพราะระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้พื้นที่เป็นศูนย์พักพิงได้จริง 


ตอนนี้ภาคประชาสังคมเร่งช่วยเหลือกันมาก แต่สิ่งที่ขาดคือเราไม่มีศูนย์กลางข้อมูล ว่ามีใครตกค้างอยู่ตรงไหนเท่าไหร่ จุดอพยพอยู่ตรงไหน ศูนย์พักพิงอยู่ที่ไหน จะมีการอำนวยการอย่างไร แม้หน่วยงานรัฐบอกว่ามีศูนย์พักพิง มีโรงครัวกลาง แต่ประชาชนจะเดินทางไปอย่างไร ระดับน้ำสูงมาก รถของชาวบ้านไม่สามารถแล่นผ่านได้ การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก 


“ขอตั้งคำถามว่ารัฐบาลทำอะไรอยู่ ลงพื้นที่มา 2 วันติดต่อกัน ต้องเห็นปัญหาได้แล้วสิ่งที่ไม่มีคือศูนย์กลางข้อมูลในการอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน วันนี้ประชาชนต้องมานั่งทายกันเองว่าน้ำจะขึ้นตอนไหน มันไม่สมควรเลย รัฐบาลควรจัดการได้เป็นเรื่องเร่งด่วน อย่ารอถอดบทเรียนจะสายเกินไป นายกฯ อนุทินมาเห็นปัญหาด้วยตัวเองแล้ว เร่งจัดการให้เร็วที่สุด ประชาชนไม่ควรรอคอยความช่วยเหลือตามยถากรรม”


“รัฐบาลมีอำนาจและงบประมาณ แต่สิ่งที่ทำคือมาเดินแจกข้าวเหมือนที่ภาคประชาชนสังคมทำ อะไรที่ชาวบ้านทำได้อยู่แล้ว คุณไม่ต้องทำ เพราะตอนนี้มีครัวเยอะมาก ทุกคนมีน้ำใจช่วยกันทำ แต่สิ่งที่เขาทำไม่ได้คือเขาไม่สามารถทำศูนย์กลางข้อมูลได้ ไม่สามารถสั่งการหน่วยงานต่างๆ ได้ ถ้าเรารู้ข้อมูลจะสามารถจัดลำดับความสำคัญ เข้าไปช่วยเหลือได้ตรงจุด นี่คือสิ่งที่รัฐบาลควรทำ ไม่ใช่แค่มาแจกข้าว หน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ คือหน้าที่ของรัฐ แต่รัฐไม่ทำ”


ส่วนการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำของรัฐบาลนั้น ต้องรอดูผลลัพธ์การทำงานว่านำไปสู่การแก้ปัญหาของประชาชนได้จริงหรือไม่ ถ้าร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ ทำแผนออกมาแล้ว ตนยินดีมากที่จะช่วยประสานให้กับพี่น้องประชาชนบรรเทาสาธารณะภัยในพื้นที่


ภคมนทิ้งท้ายว่า ขณะนี้มีการแจ้งเตือนว่าประมาณ 1:45 - 6:00 น. ของวันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) น้ำจะสูงขึ้นและสูงที่สุด ขณะนี้พรรคประชาชน โดยหัวหน้าพรรคและทีมดิจิทัลกำลังรวบรวมข้อมูลกลุ่มเปราะบาง เพื่อเป็นแผนที่ในการทำงานเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย และกระจายข้อมูลนี้ให้กับคนอื่นๆ ได้ใช้ในการนำทางด้วยเช่นกัน เราจะเร่งทำสิ่งนี้ให้ได้เร็วที่สุด เพื่อช่วยเหลือคนให้ได้มากที่สุด


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #น้ำท่วมใต้ #พรรคประชาชน