วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ผช.รมว.กต ชี้ “ยกเลิก MOU 43” เข้าทางกัมพูชา ไทยเสียเปรียบทันที เตือนสติคนไทยอย่าหลงกลกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม

 


ผช.รมว.กต ชี้ “ยกเลิก MOU 43” เข้าทางกัมพูชา ไทยเสียเปรียบทันที เตือนสติคนไทยอย่าหลงกลกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม


ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคงมีความเปราะบาง และมีเสียงเรียกร้องจากพรรคการเมืองบางกลุ่มให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544  นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตและผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษเพื่อชี้แจงถึงผลได้ผลเสียและตอบทุกข้อสงสัยอย่างตรงไปตรงมา โดยยืนยันว่าการยกเลิก MOU ในขณะนี้ จะทำให้ไทยเสียเปรียบและเข้าทางกัมพูชา


[MOU 43/44 : เป็นเพียง "กรอบเจรจา" ไม่ใช่ "สัญญาเสียดินแดน”]


นายรัศม์เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจพื้นฐานว่า MOU ทั้งสองฉบับ ไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายของการเจรจา แต่เป็นเพียง "กรอบการเจรจา" (Framework for Negotiation) ที่สองประเทศตกลงร่วมกันเพื่อกำหนดกติกาในการพูดคุย โดยท้ายที่สุด ผลลัพธ์ของการเจรจาจะต้องนำเข้าสู่การเห็นชอบของรัฐสภาก่อนจึงจะมีผลทางกฎหมายแท้จริง รัฐบาลหรือใครจะไปตกลงเองตามลำพังไม่ได้


"MOU 43 เป็นการกำหนดกติกาว่าเราจะคุยกันเรื่องอะไรบ้าง มีวาระอะไรบ้าง โดยมีสาระสำคัญคือ 1) การแก้ปัญหาต้องเป็นการเจรจาทวิภาคีโดยสันติ 2) มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นกลไกหลักในการคุย และ 3) ระบุเอกสารอ้างอิงที่จะใช้ร่วมกัน" นายรัศม์กล่าว


นายรัศม์ อธิบายว่า ในอดีตเคยมีการประชุม JBC กันมาก่อนที่จะมี MOU แต่การเจรจาเป็นไปอย่างไม่มีทิศทาง จึงได้สร้าง MOU 43 ขึ้นมาเพื่อให้การพูดคุยมีแบบแผนที่ชัดเจนขึ้น


[ยกเลิก MOU ทำไม? ท้ายสุดก็ต้องตั้งกรอบใหม่]


สำหรับข้อเสนอให้ยกเลิก MOU นายรัศม์ชี้ว่า การยกเลิกนั้นสามารถทำได้ แต่ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศจะต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประกาศยกเลิกแล้วจะมีผลทันที


"สมมติว่าเรายกเลิกไป วันหนึ่งเมื่อจะกลับมาเจรจากันใหม่ สุดท้ายก็ต้องมานั่งตกลงกันเพื่อสร้างกรอบการเจรจาขึ้นมาอีกอยู่ดี ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับการทำ MOU ฉบับใหม่"


ประเด็นสำคัญที่สุดที่นายรัศม์เน้นย้ำคือ “ปัจจุบันกัมพูชาเป็นฝ่ายที่กำลังละเมิดข้อตกลงใน MOU 43 อยู่แล้ว” ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ที่ตกลงกันว่าห้ามเปลี่ยนแปลง หรือความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเจรจาทวิภาคีตามกรอบ JBC เพื่อนำเรื่องไปสู่เวทีอื่น เช่น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ยิ่งยกเลิกก็ยิ่งเข้าทางเขา


“พูดให้เข้าใจง่ายๆ MOU43 คือเงื่อนไขสำคัญที่ยังดึงให้กัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจากับไทย”


นายรัศม์ กล่าวว่า แม้จะชื่อว่า MOU แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศมีสถานะเทียบเท่าสนธิสัญญาที่มีพันธกรณีผูกมัด ทุกวันนี้กัมพูชาพยายามจะหนีจากพันธกรณีนี้ ดังนั้น หากเราเป็นฝ่ายยกเลิก MOU ตอนนี้ ก็จะเข้าทางเขาเลย เพราะเท่ากับเราปลดปล่อยเขาออกจากพันธกรณีที่ต้องคุยกับเราในโต๊ะเจรจา การที่เรายังยืนยันใน MOU นี้ ก็เพื่อจะชี้ให้โลกเห็นว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายที่ไม่ทำตามข้อตกลง


[พรรคการเมืองไทยที่ชงให้ยกเลิก MOU43 รับงานใครหรือเปล่า?]


ช่วงท้ายการสัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวถามว่า “เมื่อข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ แปลว่าพรรคการเมืองที่เสนอให้ยกเลิกข้อตกลงนี้ รับงานใครมาหรือไม่?”


นายรัศม์ กล่าวว่า แปลกใจที่เห็นบางพรรคออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ ทั้งที่พรรคดังกล่าวที่เคยอยู่ร่วมในรัฐบาลก่อนหน้าร่วมสิบปีที่แล้ว ก็ไม่เคยคัดค้านอะไรแสดงว่าย่อมเห็นด้วย แต่วันนี้มาเปลี่ยนท่าทีแบบไร้หลักการ ก็ทำให้น่าสงสัยในเจตนาและความบริสุทธิ์ใจ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #MOU43 #ไทยกัมพูชา