วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“ทักษิณ” เดินทางถึงศาล ฟังคำตัดสิน คดี 112 "พินทองทา" เดินทางมาให้กำลังใจ ขณะที่ทนายวิญญัติ เชื่อต่อสู้มาถูกทางแล้ว เจ้าตัวยืนยันคลิปถูกตัดต่อ

 


“ทักษิณ” เดินทางถึงศาล ฟังคำตัดสิน คดี 112 "พินทองทา" เดินทางมาให้กำลังใจ ขณะที่ทนายวิญญัติ เชื่อต่อสู้มาถูกทางแล้ว เจ้าตัวยืนยันคลิปถูกตัดต่อ


วันนี้ (22 สิงหาคม 2568) ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากการคำให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อเดือน พ.ค.2558 ในเวลา 10.00 น.


โดยเวลา 09.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางถึงศาลอาญา รัชดา โบกมือ ทักทายสื่อมวลชน โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยมี นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาว เดินทางมาในวันนี้ด้วย


ทั้งนี้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้


ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดี ม.112 ของนายทักษิณ โดยยืนยันว่า นายทักษิณจะเข้ารับฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และตามสัญญาประกันจะต้องมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และประสงค์ที่จะเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีทุกนัด และในฐานะทนายความยังกล่าวถึงความมั่นใจพยานที่นำเข้าสู่ชั้นศาลการไต่สวน แต่ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในผลของคดีว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้ศาลมีคำพิพากษาออกมาก่อน


ทนายวิญญัติ กล่าวต่อว่า "หลังจากรับทำคดีนี้และเห็นพยานหลักฐานตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน มีความชัดเจน และในการสืบพยานโจทก์สามนัด ก็ยิ่งชัดเจนว่าเรามาถูกทางแล้ว เพราะการต่อสู้คดีอาญาต้องดูพยานหลักฐานของโจทก์ และผู้กล่าวหาเป็นหลัก รวมถึงดูเจตนาของจำเลยด้วย และพยานหลักฐานที่เราได้นำขึ้นพิสูจน์ต่อศาลตั้งแต่ต้น ซึ่งนายทักษิณก็ยืนยันแล้วว่าไม่ได้เจตนา ความจงรักภักดีของท่านมีอย่างชัดเจน และประจักษ์ชัด เหตุดังกล่าวนี้ท่านก็บอกแล้วว่า ไม่ได้มาจากคำพูดของท่านอย่างถูกต้อง และท่านเชื่อว่าเป็นการตัดต่อ ซึ่งเราก็พยายามพิสูจน์ แต่เมื่อจำเลยปฏิเสธ โจทก์ก็ต้องพิสูจน์ว่าไม่ใช่การตัดต่ออย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำได้หรือไม่ได้"


นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้ฝ่ายโจทก์สืบพยาน 10 ปาก และฝ่ายจำเลยสืบพยาน 3 ปาก โดยหลักฐานที่ฝ่ายจำเลยนำขึ้นพิสูจน์นั้น จะเป็นเรื่องของตัวบุคคลเป็นหลัก รวมถึงข้อเท็จจริงในอดีต ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สร้างขึ้น เชื่อว่าเมื่อศาลเห็นก็จะสามารถหยิบไปประกอบคำวินิจฉัยได้ แต่การจะนำมาพูดและจะดีหรือไม่ดีตรงหรือไม่ตรง ต้องขออนุญาตยังไม่พูด ต้องรอฟังคำพิพากษาก่อน


นายวิญญัติ เปิดเผยว่า จากที่ได้คุยกันมาทักษิณยืนยันที่จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และย้ำไม่ว่าผลพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมน้อมรับ แต่ถ้าหากออกมาเป็นทางบวก ก็จะออกมาเปิดเผยรายละเอียดการต่อสู้ทางคดีให้รับทราบ


นายวิญญัติ กล่าวทิ้งท้ายว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เทียบกับกรณีของนายทักษิณที่ถูกนำคลิปมา เมื่อเสนอข่าวสารไปแล้วผิดถูกตอนแรกยังไม่มีใครพิสูจน์ความจริง ดังนั้นการขยายให้เกิดความเข้าใจผิดหรือการบิดเบือนเป็นเรื่องที่สังคมควรจะระมัดระวัง ไม่ได้พูดถึงเพียงสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ทุกคนควรที่จะระมัดระวังเพราะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และพวกท่านก็อาจจะถูกดำเนินคดีด้วย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทักษิณชินวัตร #มาตรา112