“พริษฐ์” เสนอเปลี่ยนงบก่อสร้างอาคารศึกษาธิการ 15 จังหวัด
รวม 375 ล้านบาท เป็นการเช่า
หรือหาสถานที่ใหม่เพื่อใช้ร่วมกับส่วนราชการอื่น เพราะคุ้มค่า-ปลอดภัยกว่า
วันที่
15 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง
พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 พริษฐ์
วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายเสนอให้ปรับลดงบประมาณโครงการ
“ก่อสร้างอาคารสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด 15 จังหวัด”
ที่ใช้งบรวม 375 ล้านบาท ของกระทรวงศึกษาธิการ
โดยเสนอให้เปลี่ยนจากวิธีการก่อสร้างอาคารใหม่มาเป็นวิธีการ “เช่า” สถานที่ใหม่
หรือวิธีการอื่น
พริษฐ์กล่าวว่า
ตนต้องย้ำชัดๆ กับเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาธิการทุกท่าน ว่าตนและ กมธ.
เราทุกคนเห็นตรงกันว่าสถานที่ทำงานปัจจุบันของศึกษาธิการจังหวัดใน 15 จังหวัด
นี้ มีปัญหาจริงและเรามีความจำเป็นต้องหาสถานที่ทำงานใหม่ที่ปลอดภัย
และสะดวกสำหรับเจ้าหน้าที่ แต่สิ่งที่เราเห็นต่างกันใน กมธ. คือ
“ทางออกที่ดีที่สุด” ของปัญหานี้ควรเป็นการสร้างอาคารใหม่ 15 อาคาร หรือการหาสถานที่ใหม่ด้วยวิธีการอื่น
ตนมี
2 เหตุผลว่าทำไมเราไม่ควรใช้วิธีสร้างอาคารใหม่ 15 อาคาร
เหตุผลแรก เรื่องความคุ้มค่าของงบประมาณ
หากศึกษาธิการจังหวัดเป็นหน่วยงานที่จะทำงานต่อในรูปแบบเดิมไปอีก 100 ปี การลงทุนสร้างอาคารใหม่ ก็อาจเป็นทางเลือกที่พอรับฟังได้
แต่ข้อเท็จจริงคือใน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษา
ฉบับใหม่ที่ถูกเสนอเข้ามาโดยพรรคการเมืองและคาดว่าจะถูกพิจารณาในเร็วๆนี้
แทบทุกฉบับล้วนมีข้อเสนอให้ทบทวนเรื่องโครงสร้างของศึกษาธิการจังหวัด
ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ถูกเพิ่มเข้ามาในสมัย
คสช.
และวันนี้ถูกมองโดยหลายฝ่ายว่าอาจมีความซ้อนทับหรือไม่บูรณาร่วมกันเท่าที่ควรกับโครงสร้างของเขตพื้นที่การศึกษาภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.)
ดังนั้น
ในวันนี้ที่เรายังไม่รู้ว่า ศธ. จังหวัด
กับเขตพื้นที่การศึกษาจะยังแยกกันทำงานแบบนี้ต่อไปหรือไม่
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าภายใต้ พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับใหม่
เราจึงไม่ควรเร่งสร้างอาคารสำนักงานใหม่ขึ้นมาอีก 15 อาคาร
แต่ควรพิจารณาทางเลือกอื่นที่คุ้มค่ากว่า อย่างน้อยจนกว่าจะมีข้อสรุปผ่าน พ.ร.บ.
การศึกษาฉบับใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ทางเลือกที่
1 คือการดูความเป็นไปได้ในการไปใช้พื้นที่ร่วมกับ
“สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา” หรือ ส่วนราชการอื่นในกระทรวงอื่น ในชั้น อนุ กมธ.
หน่วยงานชี้แจงตนว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใน 15 จังหวัด
ไม่มีพื้นที่เหลือแล้วจริงๆ แต่ตนก็อดสงสัยไม่ได้
ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ในเมื่อผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงท่านอื่น
พูดขึ้นมาตอนหนึ่งในชั้น อนุ กมธ. ว่าศึกษาธิการจังหวัด กับ เขตพื้นที่การศึกษา
อาจทำงานในที่เดียวกันได้ยากเพราะเป็นเหมือน “น้ำคนละสี”
ได้ยินแบบนี้
ตนก็ได้แต่หวังว่ากระทรวงไม่ได้กำลังจะขอเงินภาษีประชาชน มาแก้ “ปัญหาภายใน”
ของกระทรวงเองที่ 2
หน่วยงานภายใต้สังกัดเดียวกันกลับไม่สามารถทำงานในสถานที่เดียวกันได้
แต่หากเราไม่มีพื้นที่เหลือในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
หรือส่วนราชการอื่นจริงๆ ใน 15 จังหวัด ทางเลือกที่ 2 ที่ยังคุ้มค่ากว่าการก่อสร้าง คือการหาสถานที่ใหม่ในการเช่า ในเมื่อ 15
อาคาร มีการตั้งงบประมาณไว้เฉลี่ยที่อาคารละ 25 ล้านบาท หากค่าเช่าสถานที่ใหม่อยู่ที่ 50,000 บาทต่อเดือน
เงิน 25 ล้านบาท จะทำให้เราเช่าสถานที่ได้มากกว่า 40 ปี หากค่าเช่าสถานที่ใหม่ เพิ่มมาเป็น 100,000 บาทต่อเดือน
เงิน 25 ล้านบาท ก็ยังทำให้เราเช่าสถานที่ได้มากกว่า 20
ปี
เหตุผลที่สองคือ
“ความปลอดภัย”
หากสถานที่ทำงานปัจจุบันมีความทรุดโทรมจนไม่ปลอดภัยแล้วที่จะทำงานต่อ
การเลือกแก้ปัญหาด้วยการก่อสร้างอาคารใหม่ยิ่งดูเป็นวิธีที่ประหลาดและไม่เท่าทันต่อสถานการณ์
เพราะหากเราเลือกของบมาใช้ก่อสร้างอาคารใหม่ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสร้างเสร็จ
แต่หากเราเลือกของบมาหาสถานที่ใหม่เพื่อ “เช่า” เราหาที่ได้เมื่อไหร่
ก็น่าจะย้ายเข้าได้แทบจะทันที
ดังนั้น
หากเราให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย การใช้วิธีเปลี่ยนงบก่อสร้างในงบ 69 มาเป็นงบเช่าสถานที่ใหม่ได้
ก็จะดีที่สุด แต่แม้ในกรณีที่เราไม่สามารถเปลี่ยนงบ 69 มาเป็นงบเช่าได้จริงๆ
เพราะระเบียบใด การใช้งบ 70 มาเช่าสถานที่ใหม่
ก็น่าจะยังทำให้เจ้าหน้าที่ย้ายเข้าสถานที่ใหม่ได้เร็วกว่าการใช้งบ 69 สร้างอาคารใหม่อยู่ดี
ที่สรุปแบบนี้
เป็นเพราะในบรรดา 8
จังหวัดที่ได้งบก่อสร้างสำนักงาน ศธ.จังหวัด ในงบ 68 จากการสำรวจเบื้องต้น จะเห็นว่ามีแค่ 1-2 จังหวัดเท่านั้นที่สร้างเสร็จแล้ว
โดยสำนักงบประมาณชี้แจงว่าส่วนใหญ่จะยังย้ายเข้าไม่ได้ก่อนปี 2569 นั่นหมายความว่าหากการก่อสร้าง 15 อาคารในงบ 69
ใช้เวลาเท่าๆกัน แม้เราอนุมัติงบก่อสร้างให้วันนี้
อาคารเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะยังสร้างไม่เสร็จและยังไม่พร้อมย้ายเข้า
จนกว่าจะถึงปี 2570 ในทางกลับกัน แม้เราต้องรอถึง พ.ร.บ. งบ 2570
ในการตั้งงบค่าเช่าสถานที่ใหม่
แต่หากหน่วยงานทำงานเร็วและเตรียมการล่วงหน้า
หน่วยงานอาจจะสามารถดำเนินการหาสถานที่ใหม่เพื่อเช่าและย้ายเข้าได้ตั้งแต่ไตรมาส 4
ปี 2569 ด้วยซ้ำ
ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่อง
“ความคุ้มค่าของงบประมาณ” หรือ “ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่”
การหาสถานที่เช่าใหม่น่าจะตอบโจทย์กว่าการก่อสร้างอาคารใหม่ ในการแก้ปัญหาให้กับ
ศธ.จังหวัดใน 15
จังหวัดนี้
พริษฐ์ทิ้งท้ายด้วยการชวนผู้แทนราษฎรทุกคน
ถามใจตนเองดูว่าหากท่านทำธุรกิจและท่านต้องหาสถานที่ทำงานในต่างจังหวัดให้กับพนักงานของท่าน
50 คน โดยที่ท่านไม่รู้ว่าธุรกิจท่านจะอยู่ได้เกิน 3 ปีหรือไม่
ท่านจะตัดสินใจอย่างไรระหว่างหาที่เช่ากับสร้างอาคารใหม่
และหากท่านทำธุรกิจและพนักงานท่าน 50 คน
กำลังทำงานในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย
ท่านจะตัดสินใจอย่างไรระหว่างเร่งหาที่เช่าใหม่ที่ปลอดภัย
เพื่อรีบย้ายเข้ากับลงทุนสร้างอาคารใหม่และรอย้ายเข้าเมื่ออาคารสร้างเสร็จ
และหวังว่าทุกท่านจะเห็นด้วยกับตน และ กมธ. เสียงข้างน้อย ในประเด็นนี้
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #อภิปรายงบประมาณ #งบ69 #กระทรวงศึกษาธิการ