เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน
ยื่นกมธ.การแรงงาน จี้กระทรวงแรงงาน เร่งเก็บเงินสมทบเข้า #กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง สร้างหลักประกันเงินช่วยเหลือกรณีออกจากงาน-เสียชีวิตให้กับผู้ใช้แรงงาน
วันที่
21 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น. ณ
ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง
ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน และคณะ รับยื่นหนังสือจาก น.ส.ธนพร วิจันทร์
ตัวแทนเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และคณะ เรื่อง
การเลื่อนการจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ตามที่กระทรวงแรงงาน
โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ได้เสนอการดำเนินการจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน
2567 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการดำเนินการ
"จัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง" ตามหลักการแห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน
พ.ศ. 2541 หมวด 13 มาตรา 126 ที่กำหนดไว้
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน หรือตาย
ต่อมารัฐบาลได้ดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการจัดเก็บเข้ากองทุน
โดยกำหนดเริ่มจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
เรื่อง การเลื่อนการจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ออกไปอย่างน้อย 1 ปี โดยอ้างเหตุผลว่าไม่สามารถประเมินผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีสหรัฐฯ ได้
ซึ่งหากรีบดำเนินการในช่วงนี้อาจทำให้โรงงานหลายแห่งต้องปิดกิจการลงได้
โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบ
และจะทำประชาพิจารณ์ใหม่อีกครั้ง เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน
ในฐานะตัวแทนของลูกจ้าง รู้สึกกังวลต่อเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาลูกจ้างได้มีการผลักดันเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานดำเนินการจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมายาวนานกว่า
26 ปี
ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะทำให้ลูกจ้างมีเงินออมไว้ใช้เมื่อต้องออกจากงานหรือตาย
จึงขอให้ประธานคณะ กมธ.
พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
มาชี้แจงข้อมูลเพื่อจะเป็นประโยชน์ และเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิแรงงาน เกิดความเป็นธรรม
และเกิดความมั่นคงของคนทำงานต่อไป
นายสฤษฏ์พงษ์
เกี่ยวข้อง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า คณะ กมธ. จะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด
และจะเชิญตัวแทนของกระทรวงแรงงาน และตัวแทนเครือข่ายแรงงาน
ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้างมาให้ข้อมูล ทั้งนี้ แรงงานไทยต้องมีสวัสดิการ
มีเงินออม มีเงินสะสม เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการต่อสู้ในเรื่องของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
และขอขอบคุณทุกท่านที่มายื่นหนังสือในครั้งนี้ คณะ กมธ. จะดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ด้านนายเซีย
จำปาทอง รองประธานคณะ กมธ. คนที่สาม กล่าวว่า
การเลื่อนการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง
ตามที่เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชนได้มายื่นหนังสือในวันนี้
พี่น้องแรงงานเกิดความกังวล เพราะเงินกองทุนเป็นเงินที่แรงงานมีความหวัง
รอคอยมานานกว่า 26
ปี ในการจัดตั้งกองทุน
ซึ่งกองทุนนี้จะเป็นเงินออมของลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างทำงานอยู่แล้ว
แต่ต้องออกจากงาน เงินส่วนนี้จะช่วยบรรเทาเยียวยาให้กับลูกจ้างในช่วงตกงาน
หรือลูกจ้างเสียชีวิต รวมทั้งเงินก้อนนี้จะจ่ายให้กับทายาทของลูกจ้าง ทั้งนี้
เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประกาศว่าจะเลื่อนออกไปอย่างน้อย 1 ปี ส่งผลให้ลูกจ้างเกิดความกังวล เพราะสถานการณ์การเลิกจ้างในปัจจุบัน
เมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม
ขอให้เงินกองทุนนี้ไว้เป็นใช้จ่ายในอนาคต และจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะ
กมธ.
พร้อมทั้งเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อไป
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #กรรมาธิการการแรงงาน