วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“พงศธร” อัดงบ EEC สรุปภาพรวม 8 ปีที่ผ่านมามองไม่เห็นอุตสาหกรรมเป้าหมายผุดขึ้นเลย มีแต่โรงงานจีนศูนย์เหรียญมาสร้างมลพิษ ถามจะเป็น Eastern Economic Corridor หรือ Eastern Economic for China กันแน่

 


“พงศธร” อัดงบ EEC สรุปภาพรวม 8 ปีที่ผ่านมามองไม่เห็นอุตสาหกรรมเป้าหมายผุดขึ้นเลย มีแต่โรงงานจีนศูนย์เหรียญมาสร้างมลพิษ ถามจะเป็น Eastern Economic Corridor หรือ Eastern Economic for China กันแน่


วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วาระที่ 2 และ 3 พงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง พรรคประชาชน ได้อภิปรายขอปรับลดบประมาณในมาตรา 37 แผนบูรณาการ ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC


พงศธรระบุว่างบประมาณที่จัดสรรมานั้นไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย ไม่มีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า กรรมาธิการเสียงข้างมากปรับลดน้อยเกินไป โดย 8 ปีที่ผ่านมาแผนบูรณาการ EEC ตั้งแต่ปี 2561-2568 อนุมัติงบประมาณไปทั้งหมด 9.7 หมื่นล้านบาท ใช้จ่ายแล้วถึงเดือนเมษายน 2568 ทั้งสิ้นราว 8.8 หมื่นล้านบาท ในเอกสารรายงานระบุว่าสามารถชักจูงนักลงทุนตั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า BYD GWM เป็นผลงานเด่น แต่คำถามคือตลอดห่วงโซ่อุปทานใช้ต้นทุนจากในประเทศ (local content) มากน้อยแค่ไหน เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศที่เกี่ยวข้องแค่ไหน และยังมีอ้างถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลโดย CTRLS Data Center จากอินอินเดียเป็นผลงานเด่น 


คำถามคือผลงานเด่นของ EEC ในรอบ 7-8 ปีที่ผ่านมาทำได้เพียงเท่านี้เองหรือ อุตสาหกรรมการบินอยู่ที่ไหน ช่วยรายงานความคืบหน้าด้วยว่าแอร์บัสมาลงทุนคืบหน้าถึงไหนแล้ว อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ หนึ่งใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายอยู่ที่ไหน มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตเองเอาไปใช้ในสถานการณ์ที่ผ่านมาบ้างหรือไม่ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและพืชผลทางการเกษตร มีเทคโนโลยีที่จะมาช่วยลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตให้ชาวสวนไปใช้เรื่องอะไรบ้าง ราคาพืชผลการเกษตรกับประมงที่ผ่านมามีโครงการใน EEC ตรงไหนที่ไปช่วยเพิ่มมูลค่าบ้าง ทุเรียนอ่อน และทุเรียนต้องตรวจสอบแคดเมียม มีเทคโนโลยีหรือมีโครงการมาช่วยเกษตรกรหรือไม่


พงศธรกล่าวต่อไปว่า EEC วาดฝันจะดึงอุตสาหกรรมเอสเคิร์ฟ/นิวเอสเคิร์ฟ จะนำเทคโนโลยีทันสมัยและอุตสาหกรรม 4.0 เข้ามา แต่ที่ได้จริงมาคืออุตสาหกรรม 0.4 ที่ต่างชาติไม่เอาแล้วเพราะสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น โรงเหล็กที่ใช้เทคโนโลยีเก่า โรงงานรีไซเคิลขยะอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าขยะ โรงหลอมยาง โรงหลอมโลหะ เกิดปัญหามลพิษและการลักลอบทิ้ง ปล่อย และฝังกลบกากอุตสาหกรรม ในพื้นที่ EEC มีตัวเลขส่วนเกินของกากอุตสาหกรรมอันตรายและไม่อันตรายรวมกว่า 3.26 ล้านตันต่อปี แต่งบประมาณจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมมีน้อยมาก ปี 2569 ตั้งงบประมาณเพียงแค่ 69.75 ล้านบาทเอาไปแก้ปัญหาที่วินโพรเสสที่เดียว แล้วอีก 3.26 ล้านตันจะจัดการอย่างไร


การจัดสรรงบประมาณ EEC ไม่เคยให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลโรงงานให้มีความรับผิดชอบ ไม่จัดงบประมาณดูแลสิ่งแวดล้อม ดูแลสุขภาพประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเพียงพอ ไม่ใส่ใจดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการพัฒนา เช่น โครงการถมทะเลมาบตาพุดเฟส 3 ที่กระทบกับวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน พื้นที่ EEC เต็มไปด้วยโรงงานจีนศูนย์เหรียญ ที่ใช้แรงงานจีนผิดกฎหมาย ใช้วัตถุดิบจากจีน แรงงานกินใช้ในร้านขายของขายอาหารของคนจีน เคยตรวจสอบหรือไม่ว่ามีโรงงานแบบนี้กี่แห่ง เงื่อนไขส่งเสริมการลงทุนระบุว่าต้องมีการใช้ local content แต่เหตุใดจึงไม่ไปกำกับดูแลกันเลย


พงศธรกล่าวต่อไปว่าในปี 2567 มีการกำหนดเป้าหมายจีดีพีจากพื้นที่ EEC ไว้ที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งก็ได้ตามเป้า แต่การขยายตัวของจีดีพีอยู่ที่ 3.3% จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 4% ในขณะที่การจ้างงานอุตสาหกรรมเป้าหมายเพิ่มขึ้นเพียง 18,296 คนจากเป้า 30,000 คน จีดีพีไม่ได้ตามเป้าเพราะมีอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญที่ไม่ใช้ local content หรือไม่ แรงงานไม่ได้ตามเป้าเพราะมีการใช้แรงงานผิดกฎหมายใช่หรือไม่ ตกลง EEC ย่อมาจาก Eastern Economic Corridor หรือย่อมาจาก Eastern Economic for China กันแน่ ในเมื่อมีแต่โรงงานจีนต้นทุนต่ำ แล้วแบบนี้นักลงทุนคุณภาพที่ไหนจะมาลงทุน เพราะแข่งราคาไม่ได้


โดยภาพรวม EEC วาดฝันโฆษณาไว้แบบหนึ่ง แต่ได้จริงไม่ตรงปก ไม่ได้ทำให้ชาวตะวันออกอยู่ดีกินดีขึ้น หากดูจีดีพีต่อหัวประชากรที่ระยองปี 2561 กับ 2567 ตัวเลขแทบจะเท่ากันอยู่ที่ 1 ล้านบาทเศษ อีกตัวเลขที่สะท้อนรายได้ที่แท้จริงของครัวเรือน คือรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ซึ่งในปี 2560 ระยองอยู่ที่ 139,280 บาทต่อคนต่อปี ในปี 2566 เพิ่มเป็นเพียง 196,848 บาทต่อคนต่อปี ตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อแค่เล็กน้อยเท่านั้น แล้วจะกล้าพูดได้หรือว่างบประมาณที่ลงไปให้กับ EEC นั้นได้ผล


พงศธรกล่าวต่อไปว่างบประมาณแผนบูรณาการ EEC ปีนี้ทำคำขอมา 8,341.11 ล้านบาท อนุมัติไป 8,208.65 ล้านบาท ปรับลดไป 132.45 ล้านบาทหรือ 1.6% ในฐานะผู้แทนในเขต EEC ต้องขอตั้งคำถามว่ากรรมาธิการเสียงข้างมากได้พิจารณารายละเอียดต่างๆ ตามที่ตนได้ตั้งข้อสังเกตมานี้แล้วหรือไม่ ให้งบไปหลายพันล้านบาทแต่ไม่ได้เพิ่มรายได้ให้ชาวตะวันออกอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด มีอยู่บ้างที่ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องทำเป็นพื้นที่พิเศษอะไร


ปีหน้าตนจึงขอให้ทบทวนการจัดงบประมาณกันใหม่ ปีนี้ตนขอสนับสนุนกรรมาธิการเสียงข้างน้อยและผู้แปรญัตติให้ปรับลดให้มากที่สุด เอางบไปประเมินผลสัมฤทธิ์อย่างตรงไปตรงมา ไปศึกษาแก้ไข พ.ร.บ.EEC ไปกำกับดูแลให้ได้ตามเป้า ไปดูแลผลกระทบ เอาบทเรียนมาปรับปรุงให้ดี ดำเนินการอย่างมียุทธศาสตร์ มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าได้ผลก่อนที่จะขยายไปจังหวัดปราจีนบุรี และก่อนที่จะไปทำ SEC ที่ภาคใต้ต่อไป


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #งบ69 #EEC