“ณรงเดช” ชี้ดีลภาษีทรัมป์กระทบชาวไร่ข้าวโพด แนะรัฐบาล 7 มาตรการรองรับ ไม่นำเข้าข้าวโพดสหรัฐในปีเพาะปลูก 68/69 - กำหนดกรอบเวลาให้เกษตรกรปรับตัว
วันที่
5 สิงหาคม 2568 ณรงเดช อุฬารกุล สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคประชาชน
แสดงความเห็นกรณีรัฐบาลโดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ในฐานะผู้นำการเจรจาการค้าไทยสหรัฐ กล่าวต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ระบุภายใต้ข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา
ไทยจะนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐอเมริกาประมาณ 30% หรือประมาณ 3
ล้านตัน ซึ่งเกือบทั้งหมดจะเป็นข้าวโพดตัดต่อพันธุกรรม หรือข้าวโพด GMOs
ว่าการตกลงของรัฐบาลไทยในครั้งนี้
จะสร้างผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด โดยพรรคประชาชนมีข้อเสนอต่อไปนี้
(1)
การนำเข้าข้าวโพด 30% หรือประมาณ 3 ล้านตัน จะกระทบต่อราคาข้าวโพดและรายได้ของเกษตรกรในประเทศอย่างแน่นอน
หากไม่มีมาตรการรองรับที่แข็งแกร่งพอ
และยังอาจกระทบทางอ้อมต่อราคาพืชอาหารสัตว์อื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ การนำเข้าข้าวโพด GMOs
ยังต้องมีมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพและการตรวจสอบย้อนกลับที่โปร่งใสและชัดเจน
(2)
รัฐบาลต้องเปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด
และผู้ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานข้าวโพดอย่างเปิดเผยโดยด่วนที่สุด
เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและผู้ที่เกี่ยวข้องมาก่อนเลย
(3)
หลังจากการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว
รัฐบาลควรมีการตั้งคณะกรรมการไตรภาคีระหว่างเกษตรกร (ผู้ปลูกข้าวโพด) ผู้ประกอบการ
(ข้าวโพดและอาหารสัตว์) และรัฐ หรือ ภาคี Farm-Feed-Food Fair Coalition เพื่อผนึกกำลังกันและสร้างความเป็นธรรมในการเจรจาและหาข้อยุติต่างๆ
ทั้งกลไกภายในประเทศ และการเจรจากับสหรัฐอเมริกาต่อไป
(4)
การนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐอเมริกาจำเป็นจะต้องมีการเตรียมมาตรการรองรับที่ดีพอ
รัฐบาลต้องกำหนดกรอบเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับตัวของเกษตรกรในประเทศ
โดยไม่ควรนำเข้าในช่วงปีการเพาะปลูก 2568/69 โดยเด็ดขาด
และหากจะมีการนำเข้าต่อไป
ก็ควรกำหนดช่วงห้ามนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วงที่เกษตรกรในประเทศเก็บเกี่ยวเพื่อป้องกันผลกระทบต่อเกษตรกร
และในช่วงแรกควรให้มีการนำเข้าผ่านองค์การคลังสินค้าเท่านั้น
เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อการรับซื้อข้าวโพดในประเทศ
(5)
รัฐบาลควรจัดเตรียมมาตรการและงบประมาณในการสนับสนุนการเพิ่มผลิตภาพการผลิตข้าวโพด
และลดต้นทุนการปลูกข้าวโพดในทันที
โดยใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเตรียมไว้มาให้การสนับสนุนแบบมีเป้าหมาย
(หรือ Strategic subsidies) เพื่อเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรสามารถปรับตัว
รับมือ และแข่งขันได้ดีขึ้นในอนาคต
(6)
รัฐบาลควรจัดทำระบบรายงานสาธารณะ หรือ Public Dashboard ที่เปิดเผยทั้งราคาข้าวโพด หมู ไก่ ผลผลิตทางการเกษตร
ปริมาณสต็อกวัตถุดิบอาหารสัตว์ และต้นทุนปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย อาหารสัตว์
แบบรายสัปดาห์ เพื่อให้ทั้งระบบโปร่งใส ช่วยเฝ้าระวัง และเตือนภัยได้อย่างทันการณ์
นอกจากนี้ รัฐบาลควรประเมินผลกระทบต่อเกษตรกรจากการนำเข้าและมาตรการต่างๆ
ในแต่ละปีอย่างต่อเนื่อง
เพื่อปรับปรุงกลไกให้มีความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพให้มากที่สุด
(7)
รัฐบาลควรพิจารณารูปแบบกลไกแบ่งปันผลประโยชน์ตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างเป็นธรรม
กรณีที่สินค้าปลายน้ำมีต้นทุนถูกลง ราคาสูงขึ้นมาก
ก็ควรแบ่งกำไรส่วนหนึ่งกลับไปช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ซึ่งเป็นผู้ผลิตต้นน้ำด้วย
ณรงเดชกล่าวด้วยว่า
นอกจากผู้ปลูกข้าวโพดแล้ว แม้แต่ชาวนาก็จะได้รับผลกระทบ
เพราะข้าวโพดนำเข้าจะกดราคารำข้าวและปลายข้าวที่เอาไปทำอาหารสัตว์ ที่ผ่านมา
รมว.คลัง เพียงพูดกว้างๆ แต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดแต่ละภาคเศรษฐกิจ
จึงเห็นว่าควรเปิดเผยส่วนนี้โดยเร็ว เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาคเศรษฐกิจนั้นเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
#UDDnews #ยูดีดีนิวส #พรรคประชาชน #ภาษีทรัมป์ #เกษตรกร #ไร่ข้าวโพด