ผู้ช่วย
รมต.กต. ย้ำพาทูตลงพื้นที่ชายแดนพิสูจน์ผลกระทบจากการโจมตีด้วยอาวุธหนักของกัมพูชาต่อเป้าหมายพลเรือน
ผิดกฎหมาย-อนุสัญญา ตปท. ร้ายแรง เตรียมเชิญทูต ตปท.ประจำไทยชี้แจงย้ำอีกครั้ง 4
ส.ค.นี้ พร้อมประชุมทูตไทยใน ตปท.ด้วย
วันที่
1 สิงหาคม 2568 นายรัศม์ ชาลีจันทร์
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการร่วมนำคณะทูต
และผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร รวมถึงคณะสื่อมวลชนต่างประเทศ
ลงพื้นที่สังเกตการณ์พื้นที่พลเรือนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
ซึ่งมีการโจมตีเป้าหมายพลเรือนผู้บริสุทธิ์ โดยจรวด BM-21
ของกองกำลังกัมพูชา โดยเริ่มจากร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน
ที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่ถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีอย่างหนักเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ส่งผลให้พลเรือนที่ไม่มีอาวุธใด ๆ
เสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 ราย
ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบด้วย
รวมถึงยังมีเหตุปะทะตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง
บางแห่งโดนอาวุธโจมตีเกิดความเสียหาย เช่นโรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา และหลายแห่งมีจรวด อาวุธสงครามตกใกล้โรงพยาบาล
และอยู่ในระยะรัศมีการโจมตี จึงจำเป็นต้องปิด หรือลดบริการ
และอพยพผู้ป่วยเพื่อความปลอดภัย ทั้งที่โรงพยาบาลเป็นสถานที่ปลอดภัย
ซึ่งการกระทำของกัมพูชา ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และอนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง
และเชื่อว่าข้อเท็จจริงที่คณะทูตตลอดจนสื่อมวลชนจำนวนมากที่มาร่วมในวันนี้จะถูกนำไปเผยแพร่ให้ประชาคมโลกเข้าใจในวงกว้างต่อไป
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ
ยังเปิดเผยอีกว่า ในวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคมนี้
กระทรวงการต่างประเทศ จะเชิญคณะทูตานุทูตต่างประเทศ
และสื่อมวลชนต่างประเทศประจำประเทศไทย เพื่อชี้แจงย้ำถึงสถานการณ์
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมถึงภายในสัปดาห์หน้า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะประชุมเอกอัครราชทูตไทย กงสุลใหญ่ไทย
และผู้แทนประเทศไทยในต่างประเทศ เพื่อชี้แจงสถานการณ์
และติดตามสถานการณ์ในต่างประเทศ
เพื่อกำหนดแนวทางการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลกอีกช่องทางหนึ่ง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ไทยกัมพูชา