วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2568

“ธนเดช” ขอบคุณทุกฝ่ายตรวจสอบทุจริตยาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจนนำสู่การจับกุม พร้อมเปิดประเด็นทุจริตเพิ่มต้องตามต่อ

 


“ธนเดช” ขอบคุณทุกฝ่ายตรวจสอบทุจริตยาองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกจนนำสู่การจับกุม พร้อมเปิดประเด็นทุจริตเพิ่มต้องตามต่อ 


ตามที่วันนี้ (26 มี.ค.2568) เวลา 08.33 น. พนักงานสอบสวนตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จับ "พ.อ.หญิง" และ "แพทย์หญิง" ถูกกล่าวหาทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ส่งต่อตลาดมืด ตั้งแต่ปี 2561-68 พบเงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท โดยตำรวจคุมตัวไปสอบปากคำที่ บก.ปปป นั้น


ต่อมา นายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กทม. พรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.ทหารฯ โพสข้อความระบุว่า 


สำเร็จ


จากกรณีที่ผมได้เปิดโปง กรณี ทุจริตยา เมื่อช่วงเดือน กพ. ที่พบว่ามีแกนนำเป็นนายทหารระดับสูง และ แพทย์ ของ รพ.ทหารศึก 


โดยร่วมกันจัดตั้ง หาผู้ป่วยทิพย์ จาก จ.ลพบุรี ปลอมอาการเจ็บป่วยต่างๆ สั่งกินอาหารหวานมัน เพื่อมาพบแพทย์ ผู้ร่วมขบวนการ และนำยาออกไปขาย โดยให้ส่วนแบ่งเป็น % และค่าหัวให้แม่ทีม 


วันนี้ได้รับทราบจากทาง ปปป. และ ปปท. ว่าได้ดำเนินการเข้าจับกุม เป็นที่เรียบร้อยเมื่อห้วงเช้าที่ผ่านมา และกำลังดำเนินการตรวจค้น สถานที่ต่างๆ และขยายผล อย่างต่อเนื่อง 


ผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องขอขอบคุณ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการ เร่งดำเนินการ ตรวจสอบ สอบสวน และนำไปสู่การบุกจับกุม 


เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นสัญญาณที่ชัดแจ้งและบ่งบอกถึงปัญหาของการทุจริตในภาครัฐ อีกหลายๆ แห่งที่ต้องเร่งตรวจสอบ 


โดยเฉพาะองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ที่ยังมีประเด็นต้องตรวจสอบอีกจำนวนมาก ในส่วนของหน่วยงานกิจการพิเศษ เช่น

- สนง.กิจการโรงงานในรักษ์

- สนง.จัดจำหน่ายฉลากกินแบ่ง และบุหรี่

- สนง.รักษาความปลอดภัย

- สนง.กิจการพลังงาน 

- สนง.กิจการโรงพิมพ์


นี่คือส่วนธุรกิจหลักภายใต้การดูแลของ อผศ (องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก)


โดยผมจะเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องทหารผ่านศึก และพี่น้องประชาชน ทุกคน 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทุจริตยา #ทหารผ่านศึก #พรรคประชาชน

นายกฯ ขอบคุณทุกคนที่ไว้วางใจ ลั่น ไม่ต้องการให้มีภาพงูเห่า ไม่มีคุยต่อรองเก้าอี้ ยอมรับคุย “ทักษิณ” ยังไม่ปรับครม. ขอทำงานตามสไตล์ “นายกฯเจนวาย” แต่ไม่ปิดทางพร้อมรับฟังพรรคร่วม เผย ไม่ติดใจ 4 เสียง ปชป. เตรียมให้ทีมงานทำเอกสารแจงเพิ่มลงโซเชียล

 


นายกฯ ขอบคุณทุกคนที่ไว้วางใจ ลั่น ไม่ต้องการให้มีภาพงูเห่า ไม่มีคุยต่อรองเก้าอี้ ยอมรับคุย “ทักษิณ” ยังไม่ปรับครม.  ขอทำงานตามสไตล์ “นายกฯเจนวาย” แต่ไม่ปิดทางพร้อมรับฟังพรรคร่วม เผย ไม่ติดใจ 4 เสียง ปชป. เตรียมให้ทีมงานทำเอกสารแจงเพิ่มลงโซเชียล


วันที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 12.50 น. ที่รัฐสภา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่ประชุมสภามีมติไว้วางใจด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกว่า ขอบคุณทุกคนที่ไว้วางใจ ซึ่งก็ดีใจ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าวิธีการเป็นอย่างไร เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้าไป พอประธานพูดจบ เสียบบัตร เลขก็ขึ้นเลย ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ ว่าเลขที่ขึ้นจอ ใช่ผลคะแนนหรือยัง ซึ่งก็เร็วมาก เพราะตอนโหวคเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นการขานทีละชื่อ


เมื่อถามว่า เสียงของรัฐบาลก็ท่วมท้นอยู่แล้วทำไมจึงต้องพึ่งเสียงของงูเห่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้พึ่งเลย ต้องมานั่งดูอีกทีว่ายังไง 


เมื่อถามว่าในใจของนายกรัฐมนตรีไม่ต้องการให้มีภาพงูเห่าใช่หรือไม่ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ไม่ต้องการ ไม่ต้องการให้มีภาพนั้น แต่ก็ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียง อยู่ดี แต่ก่อนหน้านี้ที่ได้คุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ก็คุยแค่เรื่องคะแนนโหวตของพรรคร่วม อย่างไรพรรคร่วมรัฐบาล ที่ได้ร่วมทำงานกันมา แค่คะแนนของพรรคร่วมก็พออยู่แล้ว


ส่วนกรณีที่ 4 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โหวตงดออกเสียงติดใจอะไรหรือไม่ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ไม่เลยไม่มีติดใจ อะไรทั้งนั้น ไม่เป็นไร


เมื่อถามว่าไม่ต้องการเสียงงูเห่าแต่คนที่นำคะแนนเสียงมาให้ต้องมีการตอบแทนอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรีย้อนถามกลับว่า ไม่ทราบว่างูเห่าจากไหน ใครคืองูเห่า ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่ามาจากพรรคฝ่ายค้านประมาณ 7 เสียง นายกรัฐมนตรีจึงถามกลับว่า รู้หรือยังว่าจะเสี่ยงคือใคร ผู้สื่อข่าวบอกว่า มาจากพรรคไทยสร้างไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคไทยก้าวหน้า นายกรัฐมนตรีจึงร้อง "อ๋อค่ะ" ไม่มีเพราะไม่ได้คุยอะไรกันไว้ก่อนเลย อันนี้ด้วยความสัตย์จริง ไม่ได้คุยอะไรกันไว้ก่อนเลย ไม่ทราบว่าต้องให้อะไร


เมื่อถามว่าจะมีการมาต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรีหรือไม่เพราะจะย้ายไปอยู่บางพรรคการเมือง นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า ไม่มี ไม่มีการต่อรองเกิดขึ้นทั้งนั้น อย่างที่เคยบอกไปแล้ว การปรับครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีดู ถ้าจะไปทางไหนอย่างไร ก็ไม่ได้เป็นผล


ส่วนจะโฟกัสการทำงานหลังจากนี้ต่อไปอย่างไร เพราะได้คะแนน โหวตท่วมท้นขนาดนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าก็ทำงานต่อไปอย่างเต็มที่ และอย่างที่เห็นมีการนัดเจอกับพรรคร่วมรัฐบาล ก็คุยกันชัดเจนทุกเรื่อง การทำงานเพราะเป็นสไตล์การทำงานของตนอยู่แล้ว ก็บอกกับพรรคถ้ามีอะไรก็บอกกับพรรคร่วมรัฐบาลตรง ๆ ว่าอันไหนใช่ อันไหนไม่ใช่ แบบไหนที่ต้องการ แบบไหนที่ไม่ต้องการ ก็อย่างที่บอกว่าเป็นนายกรัฐมนตรี GEN Y ก็ต้องพูดแบบนี้


ส่วนมั่นใจหรือไม่ว่าการตอบในที่ประชุมสภาได้ตอบไปอย่างครบถ้วน และไม่ต้องไปอธิบายนอกรอบแล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คิดว่าที่ตอบทั้งหมด รวมถึงที่คณะรัฐมนตรีช่วยตอบ ค่อนข้างที่จะครบทั้งหมดแล้ว แต่มีบางอย่างที่คิดว่า จะเป็นเอกสารที่ต้องตามต่อไป เพื่อเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย เผื่อคนที่ยังไม่ได้ดูการอภิปรายแล้วยังติดใจ ก็สามารถนำไปส่งต่อได้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทางทีมงานจะทำต่ออยู่แล้ว


เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะมีการปรับครม.หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่มีแผนในการปรับครม. ส่วนหากมีการไปกดดันให้ปรับครม. ผ่านนายทักษิณ ชินวัตร จะต้องฟังหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนรับฟังอยู่แล้วทุกเรื่อง เรื่องการตั้งคณะรัฐมนตรี มีการปรึกษามีการคุยกัน อย่างเช่นวันที่จะอภิปรายรอบนี้ ก็ได้คุยกับนายทักษิณ ว่าจะยังไม่ปรับครม. ซึ่งนายทักษิณก็ตอบว่า " อ๋อเหรอ OK" ซึ่งก็ยังไม่คิดจะปรับครม.ตอนนี้


ส่วนจะยังไม่ปิดทางใช่หรือไม่ หากพรรคร่วมรัฐบาลเสนอให้ปรับครม. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกอย่างรับฟังไว้ก่อน บางครั้งเราอาจจะยังคิดไม่ครบก็ได้ ถ้าฟังแล้วเปิดใจ แล้วก็ดูว่า อะไรดีที่สุด ทุก ๆ เรื่องก็ใช้เหตุผลอยู่แล้ว


เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะลำบากใจหรือไม่หากทุกคนวิ่งไปหานายทักษิณเพื่อกดดันให้เกิดการปรับครม. นายกรัฐมนตรีจึงถามกลับว่า อันนี้สื่อยังอภิปรายเรื่องครอบงำไม่จบหรือ ผู้สื่อข่าวจึงตอบกลับว่าเห็นบางคนจะใช้ช่องทางนั้น นายกรัฐมนตรี จึงตอบว่า คิดว่าทุกคนถ้าอยากได้อะไร ก็คงวิ่งทุกช่องทาง ซึ่งก็ทราบอยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ ก็ขอให้ดูเองว่าวิ่งทางไหนแล้วเป็นผลแล้วกัน


เมื่อถามยามว่านายทักษิณเคยถามเรื่องปรับครม. หรือไม่ นางสาวแพทองธารระบุว่า นายทักษิณไม่ได้ถามเรื่องปรับครม. แต่คุยกันอยู่แล้ว ว่าใครอภิปรายครั้งนี้จะปรับหรือไม่ปรับ และตนก็บอกกับนายทักษิณแล้วว่าจะยังไม่ปรับครม. ซึ่งเขาก็รับทราบ ส่วนเหตุผลที่ยังจะไม่คิดปรับครม.ในตอนนี้ เพราะรู้สึกว่าการทำงานยังไหลลื่น เพราะอย่างน้อยทุกคนก็มีเวลาในการปรับตัวเริ่มทำงานให้มันคล่องมือ เหมือนกับตน เพราะเป็นครม. แรกที่เข้ามา ก็ทำงานพร้อม ๆ กัน


ส่วนการยื่น ขอผลอาการป่วยของนายทักษิณผ่านแพทย์สภาผลจะออกมาเมื่อไหร่ และจะเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชนหรือไม่ นั้นนางสาวแพทองธารกล่าวว่า มันผิดกฎหมายหรือเปล่าต้องไปเช็คก่อนว่าจะยังไง แต่ไม่ทราบไทมไลน์ ว่าจะได้เมื่อไหร่ ถ้าเปิดเผยได้หรือไม่ได้ก็ต้องดูอีกที ถ้าเปิดเผยได้ก็เปิดเผย


เมื่อถามถึงประโยคที่จะสื่อถึงประชาชน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขอบคุณที่ติดตามการอภิปรายและการชี้แจงของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ข้อมูลทุกอย่างก็พยายามให้พี่น้องประชาชนมากที่สุด เพื่อจะได้เกิดความโปร่งใส และตอบทุกข้อสงสัยด้วยก็ทำเต็มที่ เดี๋ยวไว้ติดตามผลงานกันต่อไป มีอะไรเกี่ยวกับนโยบายเราก็เร่งเต็มที่อยู่แล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #แพทองธารชินวัตร #อภิปรายไม่ไว้วางใจ68


พาณิชย์คุมราคาสินค้า ลุยจัดโครงการลดค่าครองชีพทั่วประเทศ

 


พาณิชย์คุมราคาสินค้า ลุยจัดโครงการลดค่าครองชีพทั่วประเทศ


วันที่ 26 มีนาคม 2568  กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าดูแลค่าครองชีพ ติดตามราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนผ่านโครงการลดราคาสินค้าจำเป็น โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศเฝ้าระวังการปรับขึ้นราคาสินค้า และป้องกันการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค


โดยข้อมูลจากกรมการค้าภายใน ณ ปัจจุบัน (25 มี.ค. 68) ระบุว่า ราคาสินค้าหลายรายการยังคงทรงตัว โดยเฉพาะไข่ไก่ที่มีผลผลิตเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศ ทำให้ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 3.20 บาทต่อฟอง และไข่ไก่เบอร์ 3 ราคาปลีกปรับลดลงเล็กน้อย


สำหรับเนื้อสัตว์ยังคงมีปริมาณเพียงพอ ราคาไก่มีชีวิตหน้าฟาร์มอยู่ที่ 40-41 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ชิ้นส่วนไก่ เช่น น่องติดสะโพก ราคาอยู่ที่ 78.81 บาทต่อกิโลกรัม และเนื้ออกติดหนังอยู่ที่ 79.50 บาทต่อกิโลกรัม ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า


ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 79.70 บาทต่อกิโลกรัม คาดว่าจะทรงตัวต่อไป โดยคาดว่าปริมาณสุกรในตลาดจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง


ในส่วนของราคาผักสด ราคาส่วนใหญ่ยังทรงตัว ที่ราคาลดลง ได้แก่ ผักคะน้า กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว และมะละกอดิบ ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ได้แก่ ผักชี และกระชาย เนื่องจากผลผลิตอยู่ในช่วงปลายรุ่นของผลผลิต


นายพิชัย ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการชูใจ วัยเก๋า 60+ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 30 เมษายน 2568 มอบส่วนลดพิเศษให้ผู้สูงอายุ ซื้อสินค้าในราคาประหยัด ลดค่าครองชีพรวมกว่า 10,000 ล้านบาท และกระตุ้นเศรษฐกิจได้ถึง 30,000 ล้านบาทโครงการ Back to School 2025 เตรียมพร้อมสำหรับนักเรียน นักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการเงินหมื่นเฟส 3 สามารถใช้สิทธิ์ซื้ออุปกรณ์การเรียน เครื่องแต่งกาย และสินค้าไอทีในราคาพิเศษ และรถโมบายธงฟ้าและงานธงฟ้าทั่วประเทศ จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาถูกทุกวัน ครอบคลุม 50 จุดในกรุงเทพฯ และขยายไปยังต่างจังหวัด เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าราคาประหยัดได้สะดวกขึ้น


ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังคงคุมเข้มการตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภค หากพบการฉวยโอกาสขึ้นราคา กักตุน หรือปฏิเสธการขาย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนพบปัญหาการจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินควร สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกแห่ง


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กระทรวงพาณิชย์ #ลดค่าครองชีพ




"เท้ง ณัฐพงษ์" ยันไม่เสียของแน่ จ่อ นำข้อมูลซักฟอก ยื่นปปช.ถอดถอน "นายกฯอิ๊งค์" ลั่น ปฏิบัติการโรยเกลือ ยังมีต่ออีหลายช่องทาง แจงตั้งใจเดินไปถามนายกฯ แต่ไม่ได้รับคำตอบ เลยยิ้มถ่ายรูปร่วมเฟรมกัน


"เท้ง ณัฐพงษ์" ยันไม่เสียของแน่ จ่อ นำข้อมูลซักฟอก ยื่นปปช.ถอดถอน "นายกฯอิ๊งค์" ลั่น ปฏิบัติการโรยเกลือ ยังมีต่ออีหลายช่องทาง แจงตั้งใจเดินไปถามนายกฯ แต่ไม่ได้รับคำตอบ เลยยิ้มถ่ายรูปร่วมเฟรมกัน


วันที่ 26 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังจบการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ


โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับคะแนนเสียงไว้วางใจ 319 เสียง ไม่ไว้วางใจ 162 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง


นายณัฐพงษ์ กล่วว่า ผลลงมติ 162 เสียง พรรคฝ่ายค้านคิดว่าครบถ้วน พรรคประชาชนมี 2 ท่าน ที่ทราบสถานะ อย่างวานนี้ (25 มี.ค.) น.ส.วรรณิภา ไม้สน เข้าโรงพยาบาล ส่วนนายสิริน สงวนสิน มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เราติดตามอยู่ด้วยความเป็นห่วง ส่วนคนอื่น ๆ จะไปสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับพรรคร่วม


ส่วนการถ่ายรูปร่วมกับรัฐบาลนั้น นายณัฐพงษ์ บอกว่าเป็นกระบวนการปกติในสภา ซึ่งการที่ตนเดินไปนั้นก็อยากจะไปถามคำถาม นายกรัฐมนตรีว่า ที่ไม่ได้ชี้แจง แต่เหตุใดจึงเงียบ ซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบอะไร มีแต่แต่เพียงการถ่ายรูปร่วมกัน


สำหรับการเตรียมยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า กำลังดูในข้อกฎหมาย และยุทธการโรยเกลือ ยังมีอีกหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นด้านกรรมาธิการหรือหน่วยงานต่างๆ ซึ่งตอนนี้กำลังดำเนินการพูดคุยกันในพรรคและยืนยันว่าจะมีการดำเนินการอย่างแน่นอน โดยจะเริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้ทันที


ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการให้นายกรัฐมนตรีถูกถอดถอนโดยองค์กรอิสระ แต่วันนี้กลับมาทำเองนั้น นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนิติสงคราม หรือใช้กลไกที่สืบทอดจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อกันแกล้งทางการ แต่การดำเนินการนี้ตนยังไม่ได้แถลงข่าวเนื่องจากจะต้องดูความชัดเจนและตรงไปตรงมาในการใช้กฎหมาย แล้วต้องดูว่าทำงานของรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรมนี้มีส่วนไหนที่เราจะดำเนินการได้บ้าง ยกตัวอย่างเรื่องการที่นายกรัฐมนตรีวางแผนเพื่อหนีภาษี แม้ไม่ต้องไปเป็นการร้องเรียน แต่การตรวจสอบโดยระบบรัฐสภาก็สามารถทำให้ครอบครัวของนายกรัฐมนตรียอมจ่ายภาษีได้


นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาชน ที่วานนี้นายกรัฐมนตรีมีการพาดพิงว่าให้แสดงจุดยืนออกมาก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยระบุว่า ภายในรัฐสภาชุดนี้จะไม่มีทางกลับไปร่วมรัฐบาล กลับกัน ตนถามกลับนายกรัฐมนตรีว่ามีจุดยืนเป็นอย่างไร ย้อนแย้ง หรือตรงข้ามกับสิ่งที่เป็นจุดยืนของพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดหรือไม่ ซึ่งตอนนี้คิดว่าเร็วไปในการถามคำถามนี้ เพราะที่ผ่านมาแต่ละพรรคโดยเฉพาะพรรคที่อยู่ในสภาปัจจุบัน ก็อาจจะมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นปกติในเรื่องการเมืองที่จะย้ายไปฝั่งรัฐบาลบ้างหรือฝ่ายค้านบ้าง ตนมองว่าช่วงที่ใกล้ยุบสภา หรือเลือกตั้งใหม่ ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการแสดงจุดยืน


พร้อมกล่าวต่อว่า ตนไม่อยากเห็นการทำงานอย่างตรงไปตรงมาของฝ่ายค้านนำไปสู่การดำเนินคดีปิดปาก แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ยับยั้งการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ซึ่งเมื่อวานนี้ปฏิบัติการไอโอที่ สส.ชยพล ไม่ได้อภิปราย ตนก็รู้สึกเสียดายว่าไม่ได้สะท้อนให้ประชาชนเห็นว่าการเมืองทุกพรรึถูกจับตาโดยกองทัพ


สำหรับภาพรวมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้งสองวันนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวขอบคุณพรรคฝ่ายค้านที่ร่วมอภิปราย เรื่องข้อมูลไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ ที่รัฐบาลบอกว่าการอภิปรายมีแต่ข้อมูลเดิมนั้น จึงอยากถามกลับว่า หลายปัญหาของประเทศไม่ใช่ข้อมูลใหม่ แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาในอดีตหลายปี แต่เมื่อเป็นรัฐบาลจะมีการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนมากน้อยแค่ไหน


สำหรับคำวิจารณ์ถึงและเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่ก่อนหน้านี้ขอไว้ห้าวัน แต่เมื่อใช้จริงกับถูกมองว่าใช้เวลาไม่นานนั้น นายณัฐพงษ์ อธิบายว่า วานนี้เราใช้เวลาอย่างเต็มที่ แต่ที่เลิกเร็วเป็นเพราะนายชยพล ถูกจำกัดการอภิปราย ส่วนวันแรกตนก็บอกว่าไม่มีประโยชน์ถ้าให้การอภิปรายลากยาวถึงเวลา 05:30 น. ควรให้มีการอภิปรายอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในวันรุ่งขึ้น


ยังกล่าวต่อว่า ความสำคัญที่สุดของผู้แทนราษฎร ต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่พูดอย่างทำอย่าง ส่วนเกมการเมือง หรือสิ่งที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าถ่ายรูปร่วมกันนั้น จะเป็นอย่างไร ตนบอกว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะสิ่งสำคัญคือสิ่งที่ประชาชนมองเห็นว่าเราทำอะไรไปบ้าง และยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่มีอะไรเสียของ อยากให้รัฐบาลตั้งรับไว้ให้ดีเพราะหลังจากนี้จะมีการดำเนินการต่ออย่างแน่นอน ซึ่งข้อมูลที่เรามีก็เชื่อว่านายกรัฐมนตรียังตอบไม่ได้


ผู้สื่อข่าวถามถึงการโหวตที่มีเสียงพรรคร่วมฝ่ายค้านไปโหวตให้กับรัฐบาลนั้น นายณัฐพงษ์ เห็นว่าะเราไม่สามารถไปบังคับเสียงของสมาชิกได้ ที่ผ่านมาก็ทำงานตามกลไกของรัฐสภา และไม่ได้กลัวอะไรกับการที่จะต้องถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว เพราะสิ่งที่เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับเราคืออำนาจจากประชาชน


ผู้สื่อข่าวถามถึงการประเมินรอยร้าวและอายุการทำงานของรัฐบาล นายณัฐพงษ์ ระบุว่าไม่สามารถไปประเมินแทนนายกรัฐมนตรีได้ แต่สิ่งที่พูดแทนได้ในฐานะประชาชน คือถ้านายกรัฐมนตรี ยังดำรงตำแหน่งอยู่ อายุของประชาชนคนไทยจะสั้นลงทุกวัน ต้นทุนของประเทศนี้ก็จะลดลงทุกวัน


สำหรับการตอบคำถามประเด็นที่รัฐบาลส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กับประเทศจีน นั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่ต้องควรยึดมั่นในหลักการสากล ไม่ควรดำเนินการนโยบายต่างประเทศที่ใช้วิธีการเข้าข้างกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด และการส่งตัวผู้ลี้ภัยนี้กลับ ประเด็นสำคัญที่สุดความอิสระของคณะตรวจสอบ ไม่ให้ภายนอกมองเข้ามาว่าประเทศไทยไปร่วมกระบวนการฟอกขาวให้กับประเทศอื่น

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อภิปรายไม่ไว้วางใจ68


 

73 สหภาพและกลุ่มแรงงาน ออกแถลงการณ์ ย้ำ 4 ข้อเรียกร้อง ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างแล้วไม่จ่ายค่าชดเชย ขณะที่แรงงาน 6 ชีวิต อดอาหารประท้วงมากกว่า 10 วันแล้ว ลั่นพร้อมสละเลือดเปลี่ยนเป็นน้ำหมึกลงนามอนุมัติ

 


73 สหภาพและกลุ่มแรงงาน ออกแถลงการณ์ ย้ำ 4 ข้อเรียกร้อง ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างแล้วไม่จ่ายค่าชดเชย ขณะที่แรงงาน 6 ชีวิต อดอาหารประท้วงมากกว่า 10 วันแล้ว ลั่นพร้อมสละเลือดเปลี่ยนเป็นน้ำหมึกลงนามอนุมัติ


ตามที่ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 กลุ่มลูกจ้างยานภัณฑ์ที่โดนเลิกจ้าง อดอาหารข้างทำเนียบฯ เรียกร้องอนุมัติงบกลางเยียวยาเลิกจ้างได้ยกระดับการชุมนุม โดยมาปักหลักเรียกร้องที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล และตำรวจจัดให้ปักหลักกันบริเวณลานจอดรถของสำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพร.) ซึ่งขณะนี้มีผู้อดอาหารประท้วงแล้ว 6 คน มากกว่า 10 วัน


ล่าสุดวันนี้ (26 มีนาคม 2568) เวลา 10.00 น. ที่ฝั่งก.พ.ร. ข้างทำเนียบรัฐบาล 73 สหภาพและกลุ่มแรงงาน ออกแถลงการณ์ ถึงนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างแล้วไม่จ่ายค่าชดเชย โดยมีใจความว่า


การโรงแรม อุตสาหกรรมสิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์สันดาป นับแต่การเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ การผลิตในแต่ละอุตสาหกรรมในประเทศไทย ได้มียุคแห่งความรุ่งเรืองและความถดถอยด้วยเหตุจากปัจจัยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายฐานการผลิต การมีนวัตกรรมรูปแบบใหม่ หรือวิกฤติทางเศรษฐกิจต่าง ๆ แต่สำหรับผู้ใช้แรงงาน สิ่งที่ตามมาจากความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ มิใช่โอกาสการลงทุนหรือแสวงกำไร แต่เป็นความเสี่ยงในการถูกเลิกจ้าง การว่างงาน การขาดรายได้ การเกิดความไม่มั่นคงในชีวิต การขาดโอกาส และการตกหล่นสู่ความยากจน


ด้วยการเรียกร้องของขบวนการแรงงาน ปัจจุบันจึงมีกฎหมาย พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซึ่งบัญญัติสิทธิของผู้ใช้แรงงานไว้หลายประการเกี่ยวกับการเลิกจ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินค่าทดแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าหรือเรื่องเงินค่าชดเชยการเลิกจ้าง ทำให้ผู้ใช้แรงงานทั่วไทยมีสิทธิ์ในเงินก้อนสำหรับการตั้งตัวใหม่เมื่อถูกเลิกจ้าง ทั้งนี้ในภาพความเป็นจริงแล้ว กลับยังมีการเลิกจ้างแล้วไม่จ่ายเงินค่าชดเชยจำนวนมาก แม้ในกรณีที่พนักงานตรวจแรงงานได้ออกคำสั่งและสรุปสาระข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนในวงกว้างต่อผู้ใช้แรงงาน


ไม่ว่าจะเป็นกรณีของคนงานบริษัทบอดี้แฟชั่นฯ แอลฟ่าสปินนิ่ง เอเอ็มซีสปินนิ่ง ยานภัณฑ์ หรือกรณีอื่น ๆ ปัญหาที่ส่งต่อมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันคือการที่นายจ้างสามารถปิดกิจการหนีความรับผิดชอบในการจ่ายค่าชดเชยและหลบเลี่ยงกฎหมายในลักษณะคล้ายกันจนเป็นเยี่ยงอย่าง และได้สร้างความเสียหายต่อผู้ใช้แรงงานอย่างชัดเจน ข้อเท็จจริงจึงควรเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า หากไร้ซึ่งมาตรการเพิ่มเติมในการปกป้องสิทธิแรงงานตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน การเลิกจ้างลอยแพก็มีแต่จะแพร่ระบาดและบ่อนทำลายชีวิตคนงานต่อไปโดยไม่รู้จบ


พวกเรา สภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย ประชาชนผู้ใช้แรงงาน ผู้สร้างสรรค์เศรษฐกิจของประเทศ จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเร่งแก้ไขปัญหาของคนงานบริษัทยานภัณฑ์ บอดี้แฟชั่นฯ แอลฟ่าสปินนิ่ง เอเอ็มซีสปินนิ่ง และกำหนดมาตรการการป้องกัน มิให้เกิดอาชญากรรมในประเภทการเลิกจ้างลอยแพโดยไม่จ่ายเงินค่าชดเชยและเงินอื่น ๆ ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ในอนาคตอีก รวมถึงให้มีมาตรการการเยียวยาแรงงานผู้ได้ตกเป็นเหยื่อจากการเลิกจ้างลอยแพในปัจจุบันทั่วประเทศไทยด้วย


เพื่อดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายแรงงาน เราจึงมีข้อเสนอดังนี้


1. ให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มพนักงานทั้ง 4 บริษัท ที่กำลังชุมนุมอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาลโดยด่วนที่สุด

2. ให้รัฐบาลร่วมงานกับฝ่ายต่าง ๆ เพื่อบัญญัติกฎหมายว่าด้วยกองทุนประกันความเสี่ยงจากการเลิกจ้าง

3. ให้รัฐบาลปรับกฎระเบียบให้ตำรวจสามารถเข้าจับกุมนายจ้างที่ละเมิดกฎหมายได้อย่างทันท่วงที

4. ให้รัฐบาลปรับกฎระเบียบการยึดทรัพย์นายจ้างกรณีปิดกิจการให้พนักงานเป็นเจ้าหนี้อันดับแรกเสมอ


เราขอเน้นย้ำว่าการจ่ายเงินค่าชดเชยการเลิกจ้างพนักงานนั้นเป็นหน้าที่โดยตรงของนายจ้างแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเกิดการละเมิดกฎหมายโดยการเลี่ยงการจ่ายเงินนี้ให้กับพนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐก็จะต้องไม่ละเว้นในหน้าที่ของตนเองในการพิทักษ์กฎหมายดังนี้ และหากเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถใช้อำนาจเพื่อให้กฎหมายมีผลลัพธ์จริงที่สอดคล้องตามหลักการของกฎหมายได้ รัฐบาลก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวในหน้าที่ดังกล่าว


จึงเรียนมาเพื่อการพิจารณาและดำเนินการต่อไป โดยมีรายชื่อผู้สนับสนุนข้อเรียกร้องแนบท้ายประกอบ

ด้วยสมานฉันท์

สภาองค์การลูกจ้าง สภาศูนย์กลางแรงงานแห่งประเทศไทย

วันที่ 26 มีนาคม 2568


สหภาพแรงงานสยามริกเก้น

สหภาพแรงงานโอซาก้า

สหภาพแรงงานสยามชาร์ป

สหภาพแรงงานเอส แอนด์ ซีซี

สหภาพแรงงาน ที เอส สัมพันธ์

สหภาพแรงงานไทยตาบูชิ สัมพันธ์

สหภาพแรงงานไทยซัมมิทบ้านโพธิ์

สหภาพแรงงานไทยซัมมิทโกลด์เพลส

สหภาพแรงงานที เอส อินเตอร์ซีทส์ สัมพันธ์ สป 1143

สหภาพแรงงานไฮเทค สัมพันธ์

สหภาพแรงงานไทยซัมมิทโอโตโมทีฟ

สหภาพแรงงงานเจเทค

สหภาพแรงงานเอสที สัมพันธ์

สหภาพแรงงานเอสโก้

สหภาพแรงงานคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค

สหภาพแรงงานนิสสันมอเตอร์ประเทศไทย

สหภาพแรงงานไทยฟูโกกุ

สหภาพแรงงานสยามแซ็กเซิล

สหภาพแรงงานไทยโตคามา พลาสติก

สหภาพแรงงานผู้บังคับบัญชาเสริมสุขแห่งประเทศไทย

สหภาพแรงงานจอมธนาแห่งประเทศไทย

สหภาพแรงงานนิสเซ่นแห่งประเทศไทย

สหภาพแรงงานการขนส่งและบริการเสริมการขนส่งสินค้า

สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย

สหภาพแรงงานกิจการ-ปั่นทอแห่งประเทศไทย

สหภาพแรงงานธรรมบาลมวลชน

สหภาพแรงงานดีสวัสดิ์

สหภาพแรงงานโฟร์โมสต์

สหภาพแรงงานอินเตอร์ซีต สัมพันธ์

สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์บรรจุภัณฑ์

สหภาพแรงงานอินโดไทย

สหภาพแรงงานไทยคูราโบ

สภาพแรงงานมอลลิเก้เฮลท์แคร์

สหภาพแรงงานสหกิจวิศาล

สหภาพแรงงานเทยิ่น

สหภาพแรงงานรวมใจเพื่อนสัมพันธ์

สหภาพแรงงานจอยสัน-ทีโอเอ

สหภาพแรงงานซัมมิทสเตียริงสัมพันธ์

สหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพ

สหภาพแรงงานไทยซูซูกิ

สหภาพแรงงานไพโอเนียร์แห่งประเทศไทย

กลุ่ม 24 มิถุนา ประชาธิปไตย

เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน

สหภาพแรงงานฟอร์ดและมาสด้า ประเทศไทย

สหภาพแรงงานบาริสต้า เชียงใหม่

สหภาพคนทำงานต่างประเทศแห่งประเทศไทย

สหภาพคนทำงาน

สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง

สหภาพแรงงานเบอร์กโซ่เมตัลส์

สหภาพ​แรงงาน​ไอชิน​ ออโต้พาร์ท​

สหภาพแรงงานวิวเทคเอเซีย

กลุ่มคนงาน Try Arm

สหพันธ์แรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอการตัดเย็บเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์หนัง แห่งประเทศไทย

สหภาพแรงงานเครื่องยนต์และอะไหล่อีซูซุแห่งประเทศไทย

สหภาพ​แรงงาน​เอส​ซี​ลอร์​แห่ง​ประเทศไทย​

เครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair)

สหภาพแรงงาน นิชชิน เอสทีซี

สหภาพแรงงาน โอวัลติน ประเทศไทย

กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง

สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอ (ไทยอคิลิค)

มูลนิธิทำทาง

คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.)

สหพันธ์แรงงานปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์แห่งประเทศไทย ( PCFT )

สหภาพแรงงาน พนักงานคอลเกตประเทศไทย

สหภาพแรงงาน อีเทอร์นัลเรซิ่น

สหภาพแรงงาน คอลทิเนลทอลปิโตรเคมี

สหภาพแรงงาน พนักงานปูนซิเมนต์เอเซีย

สหภาพแรงงาน อุตสาหกรรมกระจกแก้วและเคมีภัณฑ์แห่งประเทศไทย

สหภาพแรงงาน เอสซีลอร์ แห่งประเทศไทย

สหภาพแรงงาน โรงกลั่นน้ำมันบางจากศรีราชา

สหภาพแรงงานกะรัตสุขภัณฑ์

สหภาพแพทย์ผู้ปฏิบัติงาน

Nurses Connect

ทั้งหมด 73 สหภาพและกลุ่มองค์กร


ติดตามรับชมรับฟังแถลงการณ์ได้ที่ https://www.facebook.com/share/v/16ByEVFeBU/?mibextid=oFDknk


https://www.youtube.com/live/QL__NXO99sc?si=tYk-CCaJhbGY9MhM


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ลอยแพแรงงาน #กระทรวงแรงงาน #ทำเนียบรัฐบาล #บริษัทยานภัณฑ์




มติที่ประชุมรัฐสภา ไว้วางใจ “แพทองธาร” 319 เสียง ส่งผลให้นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีบริหารราชการต่อไป

 




มติที่ประชุมรัฐสภา ไว้วางใจ “แพทองธาร” 319 เสียง ส่งผลให้นายกฯ ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีบริหารราชการต่อไป


วันนี้ (26 มีนาคม 2568) เป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 27 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2568 เรื่องด่วน ลงมติญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล (นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ กับคณะ จำนวน 165 คน เป็นผู้เสนอ) โดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานที่ประชุมรัฐสภา

โดยเมื่อเวลา 09.20 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงรัฐสภา โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โบกมือทักทายสื่อมวลชน และตอบคำถามที่กล่าวทักทายว่า เช้านี้นายกฯ เป็นอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร ตอบว่า “สดชื่นดีค่ะ”


ทั้งนี้นายกฯ ประชุมร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และ สส.พรรคร่วมรัฐบาล ก่อนการโหวต อภิปรายไม่ไว้วางใจ 10.00 น.พร้อมขอบคุณพรรคร่วมที่ช่วยกันทำข้อมูล ให้การอภิปรายตลอด 2 วัน ผ่านพ้นด้วยดี


ต่อมาเวลา 10.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานที่ประชุมรัฐสภาได้กล่าวเริ่มต้นการประชุมและข้อบังคับของที่ประชุมให้เข้าใจตรงกัน เมื่อนับองค์ประชุม ปรากฎว่ามีผู้มาแสดงตนทั้งหมด 490 คน จากทั้งหมด 493 คน ถือว่าครบองค์ประชุม โดยที่ประชุมมีมติไม่ไว้วางใจ 162  มีมติไว้วางใจ 319 และงดออกเสียง 7


ซึ่งถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีอยู่ ถือว่าที่ประชุมมีมติไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ก่อนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะสั่งปิดการประชุมในเวลา 10.13 น.


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #แพทองธารชินวัตร #อภิปรายไม่ไว้วางใจ68

"แพทองธาร" ชี้ ดีลคือเรื่องปกติ ทำกันทุกที่ และเพื่อไทยรักษาสัญญาตามดีล ยกมือให้แคนดิเดตนายกฯ ฝ่ายค้านตลอด หยุดด้อยด่าปมถูกครอบงำ ยืนยัน มีภาวะผู้นำโดยที่ไม่ต้องรอขอ

 


"แพทองธาร" ชี้ ดีลคือเรื่องปกติ ทำกันทุกที่ และเพื่อไทยรักษาสัญญาตามดีล ยกมือให้แคนดิเดตนายกฯ ฝ่ายค้านตลอด หยุดด้อยด่าปมถูกครอบงำ ยืนยัน มีภาวะผู้นำโดยที่ไม่ต้องรอขอ 


วันที่ 25 มีนาคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อภิปรายสรุปสุดท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า ตลอดระยะเวลา 2 วันของการอภิปราย เชื่อว่าทุกฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มกำลัง ส่วนที่เป็นเนื้อหาสาระหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ส่วนที่มีการกระทบ กระทั่งกันบ้าง ก็คิดเสียว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานร่วมกัน


ท่านผู้นำฝ่ายค้านย้ำเรื่องภาวะผู้นำ และการถูกครอบงำของดิฉันหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ก็พูดทำนองนี้มาตลอด ที่จริงไม่ใช่แค่ดิฉันที่ถูกพูดว่าโดนครอบงำ ท่านเองก็ถูกพูดถึงว่าโดนครอบงำเช่นกัน แต่ต่างกันตรงที่คนว่าดิฉันถูกครอบงำโดยพ่อ แต่ท่านถูกครอบงำโดยคนที่ไม่ใช่พ่อ


แต่โดยส่วนตัวดิฉันเคารพ และให้เกียรติท่าน ไม่เคยมองท่านด้วยความรู้สึกเช่นนั้นเลย ระหว่างเราควรสัมผัสได้ถึงความเข้าใจ และเห็นใจกัน เราต่างมาถึงวันนี้เพราะชะตากรรม และการถูกกระทำของพรรคการเมืองที่เราสังกัด หากไม่เกิดชะตากรรมทางการเมือง วันนี้ ดร.ทักษิณอาจจะยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ หรือไม่พรรคของท่านอาจยังมีหัวหน้าพรรคชื่อธนาธร แต่เมื่อความจริงเป็นเช่นวันนี้ เราต่างคนก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ควรด้อยค่ากันด้วยเรื่องแบบนี้


การเป็นลูกท่านนายกฯ ทักษิณ ทำให้ดิฉันถูกวิจารณ์ กดดัน ปรามาส และคุกคามต่าง ๆ ตั้งแต่เป็นนักเรียน นักศึกษา จนถึงเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ดิฉันภูมิใจทุกนาทีที่มีคุณพ่อที่ชื่อ ดร.ทักษิณ ชินวัตรนี้ และไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียหาย ที่จะรับฟังความคิดหรือข้อเสนอแนะจากพ่อมาใช้ในการทำงาน ถ้าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับประชาชน ก็เป็นสิ่งที่ดี


นักการเมืองที่ถูกยุบพรรคหรือตัดสิทธิ์ทางการเมือง ทุกคนยังเดินหน้าทำงานการเมือง พบปะประชาชนได้ หาเสียงได้ เสนอนโยบายได้ ทำไมต้องยกเว้นท่านทักษิณคนเดียว หรือว่าถูกตัดสิทธิ์ยกกำลังสอง   


ในประเด็นเรื่องอุยกูร์ เราไม่มีกฎหมายผู้ลี้ภัย เมื่อมีการลักลอบเข้าเมืองแล้วถูกจับได้ก็ดำเนินคดีตามขั้นตอน ยึดหลักมนุษยธรรม สิทธิมนุษยชน แต่ขังเขาไว้กว่า 10 ปี ประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศแม่ของเขาทวงถาม โดยไม่มีประเทศอื่นขอรับตัวอย่างเป็นทางการ เราก็เรียกร้องให้ทางการจีนรับรองความปลอดภัย ซึ่งเขาก็ยอมทำมาเป็นหนังสือ ถือเป็นพันธสัญญาต่อสังคมโลก เราจึงส่งกลับ และคณะของท่านภูมิธรรมเพิ่งเดินทางไปติดตามเมื่อ 5 วันก่อน ทุกคนปลอดภัยอยู่ที่บ้าน ดิฉันเชื่อว่านี่คือ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย และที่สำคัญคือดีที่สุดสำหรับประเทศไทย


ท่านถามว่าชาวอุยกูร์สมัครใจหรือไม่ ท่านต่อว่ารัฐบาลว่าไม่ทำตามใจชาวอุยกูร์ ดิฉันรับฟัง แต่สิ่งที่ดิฉันต้องคิดเป็นอันดับแรกคือ คนไทยต้องการอะไร และสิ่งใดคือประโยชน์สูงสุดของประชาชนไทย การที่เราส่งพวกเขากลับถิ่นกำเนิด ไปใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยดีกว่าหรือไม่ ดีกว่าที่โดนกักไว้เป็นสิบปี ดิฉันมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่าเราขังพวกเขาไว้โดยไม่มีกำหนด ไม่รู้อนาคตที่แน่นอน


ส่วนที่มีบางประเทศประณามหรือไม่ยอมรับ เราเคารพในทุกความคิดเห็น และเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องชี้แจงทำความเข้าใจอย่างครบถ้วนรัดกุม ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งใด ๆ  


ที่ท่านกล่าวหารัฐบาลว่าทำผิดเรื่องนี้ ต้องถามจริง ๆ ว่าท่านพูดโดยการเปิดตามองโลกทั้งใบหรือไม่ ท่านเป็นนักสิทธิมนุษยชนมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก หรือสองมาตรฐานเฉพาะกับรัฐบาลนี้ เท่าที่ดิฉันจำได้ ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนมีนโยบายเรื่องผู้ลี้ภัย ท่านจะถือโอกาสใช้เวทีนี้ ประกาศเลยก็ได้นะคะว่า จะทำตามใจตามความต้องการของผู้ลี้ภัยในทุกกรณี หรือมีแนวทางอย่างไร ประชาชนจะได้รับฟัง


ในเรื่องของ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย ตอนเราเป็นฝ่ายค้านด้วยกันก็ลงสัตยาบันร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่วมกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายหนทางแต่ไม่สำเร็จ


เมื่อเรามาเป็นรัฐบาล ก็ได้แถลงนโยบายเรื่องนี้ต่อรัฐสภา จุดยืนคือแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 เพียงแต่ด้วยข้อกฎหมายที่ซับซ้อน ทำให้การแก้ไขทำได้ยาก มีข้อเห็นต่างในพรรคร่วมรัฐบาล และวุฒิสภา ทั้งเรื่องกฎหมายการทำประชามติ และจำนวนครั้งที่จะทำประชามติ เราก็พยายามเดินไปข้างหน้า 


ท่านเรียกร้องให้ดิฉันใช้ภาวะผู้นำ ที่จริงไม่ต้องเรียกร้องเลยค่ะ เพราะดิฉันทำอยู่ตลอดเวลา มีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง จนล่าสุดพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งเคยไม่เข้าร่วมประะชุม ก็ลงมติเห็นชอบร่วมกันให้นำเรื่องยื่นศาลรัฐธรรมนูญ 


แม้จะช้าไปบ้างแต่รักษาโอกาสแห่งความสำเร็จไว้ได้ ภาวะผู้นำของดิฉันคือการใช้ความอดทน ใช้เหตุผล ใช้ความจริงใจ มองผลสำเร็จของภารกิจเป็นสำคัญ อาจจะไม่หวือหวา หรืออาจจะไม่ถูกใจท่าน แต่งานเดินหน้า ถ้าจะเอาแบบ“ดันทุรังแต่พังทุกรอบ“ดิฉันไม่ทำแน่นอนค่ะ


มีเพื่อนสมาชิกอภิปรายเรื่องการต่อสู้ของประชาชน ขอเรียนว่ารัฐบาลนี้เคารพในสิทธิ เสรีภาพ และการแสดงออกของทุกฝ่าย เราไม่เคยลืมว่าครั้งหนึ่งเราเคยบอบช้ำ เจ็บปวดขนาดไหน พรรคการเมืองนี้ต่อสู้ร่วมกับประชาชน ยืนเคียงข้างอย่างเปิดเผย ในพรรคเต็มไปด้วยคนที่เคยผ่านสนามการต่อสู้ ภายใต้อุดมการณ์ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีคนเสื้อแดง มีลูกหลานคนเสื้อแดงอยู่ที่นี่ เราอาจไม่ได้เอาหมวก เอาผ้าพันคอมา แต่ทุกอย่างอยู่ในหัวใจเราค่ะ 


ท่านประธานที่เคารพคะ ถ้าคำว่าดีลหมายถึงการเจรจาหาข้อสรุปร่วมกัน การเมืองทุกที่ในโลกต้องดีลกันทั้งนั้น เราตั้งรัฐบาลเพราะพรรคของท่านดีลกับพรรคการเมืองอื่น ๆ ไม่ได้ ดีลกับสว.ไม่ได้ เรายกมือโหวตให้แคนดิเดตนายกฯของท่าน ด้วยความเชื่อตามที่ท่านยืนยันว่ารวมเสียงสว.ได้ครบแล้ว ถ้าวันนั้นท่านทำได้ตามที่ท่านพูด การจัดตั้งรัฐบาลก็สำเร็จได้ 


ที่ผ่านมาท่านดีลกับเรามาตลอด และเราก็ทำตามดีลนั้น การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับ 1 แต่พอจะโหวตเลือกนายกฯ ท่านมาดีลให้เรายกมือให้แคนดิเดตนายกฯของพรรคท่าน ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 3 เราก็ตกลง ทำตามดีล และยกมือให้


การเลือกตั้งปี 2566 ท่านเป็นพรรคอันดับ 1 มาดีลกับเราให้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราตอบตกลงแล้วก็ทำตามดีลยกมือให้อีกครั้ง ครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งที่ 2 เราก็ยกมือให้อีก ตั้งแต่พรรคท่านลงเลือกตั้ง เรายกมือให้แคนดิเดตนายกฯของพรรคท่านมาตลอด ทุกคนทุกครั้ง แต่เท่าที่จำได้ท่านไม่เคยยกมือให้แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเราแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งไม่เป็นไร ดิฉันเข้าใจว่าเป็นวิถีทางของการเมือง


เมื่อท่านตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เราก็เดินหน้าตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และชอบธรรมตามระบบรัฐสภา เรารู้ดีว่าการตั้งรัฐบาลคราวนี้เส้นทางข้างหน้าคือความยากลำบาก แต่พรรคการเมืองมีภาระหน้าที่ต่อประชาชน เราก็ต้องพยายามสุดกำลังเพื่อผลักดันนโยบายแก้ปัญหาให้ได้ 


“ดิฉันเชื่อว่า ไม่มีใครอยากตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา วันนี้เพื่อความชัดเจน และสร้างแนวทางการเมืองแบบใหม่ ท่านก็ควรประกาศให้ชัดไปเลยว่าสมัยหน้าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับใคร พูดให้ชัดตั้งแต่วันนี้ ประชาชนจะได้สบายใจ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #แพทองธารชินวัตร #พรรคเพื่อไทย #อภิปรายไม่ไว้วางใจ68