วันที่
16 ตุลาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภัทรพงษ์
ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ตั้งกระทู้สดด้วยวาจาถาม สุชาติ ชมกลิ่น
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ถึงกรณีการแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก ที่เกิดจากการทำเหมืองในประเทศเมียนมา
โดยภัทรพงษ์ระบุว่าจากการลงพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่
9 ตุลาคม 2568 โดยระบุว่าเป็นการ “ยกทัพหลวง”
ไปช่วยประชาชน ตนสงสัยว่าถ้าทัพหลวงทำได้แค่นี้
ตัวแม่ทัพเองต้องพิจารณาตนเองแล้วหรือไม่ เพราะปัญหาหลักไม่ได้ถูกแก้ไข
และไม่ได้ถูกพูดถึงเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำประปาเป็นพิษ 18 หมู่บ้าน ที่มีการตรวจพบสารตะกั่วเกินมาตรฐานและปัญหาหนักขึ้นเรื่อย ๆ
เดือนมิถุนายนตรวจพบ 4 หมู่บ้าน กรกฎาคมตรวจพบ 6 หมู่บ้าน และสิงหาคมที่ผ่านมาพบ 18 หมู่บ้าน
ปัญหาต่อมาที่ไม่ได้พูดถึงเลยคือการตรวจปัสสาวะในประชาชน
ที่พบกลุ่มเสี่ยงมีสารหนูเกินเกณฑ์ปลอดภัย 7 ราย
ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีพูดเองว่าก่อนลงพื้นที่ได้ให้อธิบดีทำการบ้านให้หลายต่อหลายครั้ง
แต่กลับไม่พูดถึงปัญหานี้เลย ปัญหาต่อมาก็คือการเตรียมการรับมือกับข้าวนาปีกว่า 100,000
ไร่ที่กำลังจะเก็บเกี่ยวในไม่กี่วันที่จะถึงนี้
ที่ปลูกด้วยน้ำที่ปนเปื้อนจากสารโลหะหนักเกินมาตรฐานจากน้ำกก น้ำสาย และน้ำลวก
แต่ตอนนี้กลับยังไม่มีมาตรการตรวจสอบที่ชัดเจน
และไม่มีมาตรการในการเยียวยาในกรณีที่ตรวจเจอสารโลหะหนักเกินมาตรฐานเลย
ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่าตนจึงขอถามว่ารัฐบาลมีแนวทางที่จะจัดการด้วยมาตรการเร่งด่วนอย่างไรบ้าง
กับการจัดการแหล่งน้ำเป็นพิษภายในประเทศ ในทั้งสามประเด็นหลัก คือ น้ำประปาเป็นพิษ
18 หมู่บ้านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
กรณีการตรวจพบบุคคลที่มีสารหนูเกินเกณฑ์มาตรฐานในปัสสาวะ
และการรองรับข้าวนาปีที่กำลังจะเก็บเกี่ยวและมาตรการเยียวยาหากตรวจพบเจอสารโลหะหนักเกินมาตรฐาน
ทางด้านสุชาติระบุว่าสำหรับปัญหาน้ำประปาเป็นพิษ
18 หมู่บ้าน ทางตนได้มีการประสานกับหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยแล้ว
รวมทั้งผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค
แหล่งน้ำในจังหวัดเชียงใหม่ที่ใช้น้ำประปาผลิตนั้น ใช้จากแม่น้ำอายมาผลิต
ส่วนแหล่งน้ำที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำได้เอง เช่น แหล่งน้ำบาดาล
ซึ่งจะมีการเจาะน้ำบาดาลขึ้นมาช่วยเรื่องผลผลิตสินค้าเกษตร
ส่วนนี้ได้ลงไปสำรวจและได้พูดคุยคุยกันแล้ว
ส่วนแหล่งน้ำผิวดินที่มีการจัดเตรียมมาทดแทนน้ำประปา
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก็ได้ลงพื้นที่ไปด้วย
และตนก็ได้ประสานกับผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคและรองผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคอยู่ประจำ
หากน้ำประปาเป็นพิษหรือมีผลต่อประชาชน การประปาส่วนภูมิภาคในเขตจังหวัดเชียงใหม่หรือผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาคจะต้องตอบคำถามและชี้แจงให้ประชาชนได้รับความกระจ่าง
สุชาติกล่าวต่อไปว่าส่วนเรื่องการตรวจสุขภาพประชาชน
วันนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการรายงานว่าสาธารณสุขจังหวัด กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข
ก็ได้มีการลงไปตรวจและดูแลประชาชนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพอยู่
ส่วนเรื่องของข้าวนาปี ได้มีการประสานกับ ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามแก้ปัญหาเรื่องของพืชผลการเกษตรอยู่
ทั้งนี้
ถ้าเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตนได้เตรียมแหล่งน้ำสำรองให้กับการประปาส่วนภูมิภาคไว้แล้ว
ส่วนกรมควบคุมมลพิษก็มีการทำงานและชี้แจงกับประชาชนว่ามีจุดตรวจประมาณ 15 จุดเก็บมลพิษในแม่น้ำกก
แม่น้ำสายและแม่น้ำลวกอีก 5 จุด
โดยมีการชี้แจงผลทุกครั้งที่มีการตรวจ
เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงที่เกี่ยวข้องประมาณ 4-5 กระทรวง
ซึ่งในส่วนนี้มีการหารือกันอยู่และเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาลอยู่แล้ว
จากนั้นภัทรพงษ์ได้ถามกระทู้ต่อ
โดยระบุว่าจากคำตอบของรองนายกรัฐมนตรี ตนยังไม่เห็นความห่วงใย
เพราะในเรื่องของน้ำประปารองนายกรัฐมนตรีพูดถึงประปาส่วนภูมิภาคเสียมาก
แต่ต้องเข้าใจในพื้นฐานของจังหวัดเชียงรายว่า 85% ของการใช้น้ำในจังหวัดเชียงรายคือประปาหมู่บ้าน
ที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อีก 15% คือประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ปัญหาที่ถูกละเลยคือประปาหมู่บ้าน
และที่รัฐมนตรีบอกว่าถ้าอยู่ใต้สังกัดกรมทรัพยากรน้ำบาดาลหรือกรมทรัพยากรน้ำรัฐมนตรีได้สั่งการไปแล้ว
แต่เมื่อสองวันที่ผ่านมา
กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ลงพื้นที่ไปดูปัญหาในเรื่องของน้ำประปาเป็นพิษ แต่ก็ดูเพียงแค่
3 จากทั้งหมด 18 หมู่บ้านเท่านั้น
เรื่องของสารหนูเกินในคน
รองนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ตอบคำถาม เรื่องของข้าว 100,000 ไร่ที่กำลังจะเก็บเกี่ยวในอีกไม่กี่วันโยนให้ธรรมนัส
รองนายกรัฐมนตรีอาจจะลืมไป แต่ก็ไม่น่าจะลืม
เพราะรองนายกรัฐมนตรีก็เป็นประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ที่เพิ่งมีการประชุมกันเมื่อวานนี้ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข
และทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องนั่งอยู่ในกรรมการชุดนั้นด้วย
แต่ทำไมรองนายกรัฐมนตรีถึงตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้
เพราะไม่มีในวาระการประชุมใช่หรือไม่
ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่าการจัดการปัญหาที่ต้นตอคือการเจรจาระหว่างประเทศ
ทุกครั้งที่มีคำถามจากภาคประชาชน
ว่ารองนายกรัฐมนตรีว่าจะจัดการที่ต้นตอโดยการเจรจาระหว่างประเทศอย่างไร
รองนายกรัฐมนตรีกลับไม่ตอบคำถามนี้ แต่โยนให้ กรรณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคเป็นธรรม ที่ลงพื้นที่ไปด้วยเป็นคนตอบแทนตลอด วันนี้ตนจึงขอฟังชัดๆ
จากรองนายกรัฐมนตรี
ว่ามีแนวทางจัดการปัญหาที่ต้นต่อเพื่อแก้ปัญหามลพิษข้ามแดนนี้อย่างไร
จากนั้น
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้ตอบคำถามครั้งที่สอง โดยระบุว่าจากการลงพื้นที่วันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา
ได้มีข้าราชการลงไปสำรวจพื้นที่หลายจุด
ซึ่งตนก็อยากให้ผู้ถามกระทู้ลงไปด้วยกันจะได้เห็นกับตาแล้วจะได้ทำงานร่วมกัน
ส่วนเรื่องการตรวจสุขภาพที่ผู้ถามกระทู้วิตกกังวล
หน่วยงานที่ตรวจสอบก็ยืนยันแล้วว่าไม่พบสารปนเปื้อนเกินควร ตนได้ข้อมูลมาแบบนี้
ส่วนที่มีการประชุมเมื่อวาน
มีวาระเรื่องแม่น้ำกก
โดยมีการตั้งคณะทำงานเจรจาร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาอยู่ในการประชุมอยู่แล้ว
รวมถึงคณะทำงานติดตามสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบสุขภาพในพื้นที่แม่น้ำกกอีกอนุกรรมการหนึ่ง
ส่วนเรื่องข้าว 100,000
ไร่ การแก้ปัญหาก็ต้องทำความเข้าใจกับผู้ซื้อ
ซึ่งตนไม่ได้อยู่กระทรวงที่ซื้อขายในการเจรจา
ส่วนเรื่องการต่างประเทศก็ต้องใช้วิธีการเจรจาระหว่างประเทศ
สุชาติกล่าวต่อไปอีกว่าปัญหาแม่น้ำกกไม่ใช่ปัญหาของกระทรวงเดียวแต่เป็นปัญหาระหว่างกระทรวงต่างประเทศที่ต้องหารือกัน
รวมถึงกระทรวงมหาดไทยในเรื่องของการปกครองส่วนท้องถิ่น
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ต้องดูแลเรื่องพืชผลการเกษตร
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคือดูแลการตรวจวัดน้ำและการควบคุมคุณภาพน้ำ
ดังนั้น ผู้ตั้งกระทู้ควรตั้งคำถามให้ตรงกระทรวงที่รับผิดชอบ
คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติที่ทำอยู่ตั้งอนุกรรมมาสองชุดแล้วในการติดตามเจรจา
ซึ่งรัฐบาลก่อนก็ได้มีการเจรจามารอบหนึ่งแล้ว
จากนั้น
ภัทรพงษ์ได้ถามกระทู้ต่อเป็นรอบสุดท้าย
โดยระบุว่าที่รองนายกรัฐมนตรีบอกว่าห่วงใยไม่แพ้ตน
แต่ตอนนี้รองนายกรัฐมนตรีเองยังไม่รู้ว่ามีการตรวจสารหนูและพบคนที่มีสารหนูเกินเกณฑ์มาตรฐานไปแล้ว
รองนายกรัฐมนตรีไม่ทราบเลยหรือว่า 7 คนที่ตรวจเกินอยู่ที่
จ.เชียงราย ไม่ได้ตรวจโดยกรมอนามัยแต่ตรวจโดยกรมควบคุมโรค ตรวจ 322 คนในจังหวัดเชียงรายแล้วเจอ 7 คน
ข้อมูลแค่นี้รองนายกรัฐมนตรีไม่รู้ได้อย่างไรทั้งที่เพิ่งประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมา
ประเด็นในวันนี้คือรองนายกรัฐมนตรี
ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ต้องดูข้อมูลให้ครบทั้งหมดถึงจะแก้ปัญหาได้ ส่วนเรื่องการเจรจาระหว่างประเทศ
รองนายกรัฐมนตรีตอบมาเหมือนกับไม่รู้ ตอนอภิปรายระหว่างการแถลงนโยบายตนก็บอกไปแล้ว
ว่าระหว่างวันที่ 12-16
ตุลาคม 2568 จะมีเวทีอาเซียนว่าด้วยข้อตกลงบริหารจัดการภัยพิบัติและภาวะฉุกเฉิน
และวันที่ 21-23 ตุลาคม 2568 ก็จะมีอีกเวทีหนึ่ง
คือ China ASEAN Environmental Cooperation ตามกรอบ LMEC
ซึ่งตรงกับอำนาจหน้าที่
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยตรง เพราะมีทั้งจีน ไทย เมียนมา
และมีแผนการปฏิบัติในเรื่องมลพิษทางน้ำอย่างชัดเจนมาก
ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่าอย่างแรกที่รองนายกรัฐมนตรีต้องทำ
คือเลิกโยนปัญหาให้ สนทช. ที่ไม่มีแผนการปฏิบัติ ภารกิจ
หรือกรอบที่จะทำในเรื่องนี้ และควรเลิกโยนปัญหาให้กระทรวงการต่างประเทศ
เพราะเรื่องสิ่งแวดล้อมและมลพิษข้ามแดนระหว่างประเทศ คนที่เป็นแกนหลักในการเจรจาระหว่างประเทศคือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ส่วนกระทรวงต่างประเทศทำหน้าที่สนับสนุนในการเจรจาเพียงเท่านั้น
นี่คือประเด็นที่รัฐบาลต้องเดินให้ถูกทางเพื่อแก้ปัญหานี้ได้
โดยก่อนที่จะมีการประชุม ต้องมีการตั้งวาระเข้าไปพร้อมกับกรอบระยะเวลาที่ต้องการให้ประเทศสมาชิกแต่ละประเทศปฏิบัติ
นี่คือสิ่งที่ต้องดำเนินการในทางการทูตล่วงหน้าก่อนที่จะมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการด้วย
คำถามสุดท้าย
ตนขอถามรองนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไป
แน่นอนว่าคณะกรรมการชุดนี้คือการให้แต่ละกระทรวงมาทำงานร่วมกัน
วางแผนตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
สามารถแบ่งหน้าที่ตามอำนาจของแต่ละกระทรวง ตั้งโครงการตามงบกลางเพื่อใช้แก้ปัญหาตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
เพื่อขอมติคณะรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามกฏหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.แร่ ของกระทรวงอุตสาหกรรม
ที่สามารถออกมาตรการในการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานของผู้นำเข้าและส่งออกแร่
รวมถึงกฎหมายโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ที่สามารถออกประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขโรค
เกี่ยวกับโรคที่ต้องเฝ้าระวังจากสารโลหะหนัก
และประกาศเขตพื้นที่โดยต้องเฝ้าระวังกรณีพบสารโลหะหนักเกินมาตรฐานได้
หรือกระทั่งเรื่องง่ายๆ
อย่างการมีฐานข้อมูลที่รวมข้อมูลจากทุกกระทรวงมาไว้ที่เดียวและเปิดเผยให้ประชาชนทราบ
ไม่ว่าจะเป็นผลการตรวจน้ำ น้ำประปา พืชผลทางการเกษตร และผลการตรวจสุขภาพ
จุดไหนที่เกินมาตรฐานก็บอกประชาชนด้วยว่าหน่วยงานไหนกำลังดำเนินการอะไรอย่างไร ถ้าทำเรื่องแค่นี้ได้ก็ไม่ต้องมาเสียหน้าเหมือนที่บอกตนว่าไม่มีการตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐาน
โดยที่ไม่ได้เช็คกับกรมควบคุมโรคก่อนมาตอบกระทู้สดในวันนี้
ภัทรพงษ์กล่าวต่อไปว่าจากคำพูดของรองนายกรัฐมนตรีในวันนั้น
ที่บอกว่านายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตัวเองดำเนินการภารกิจเรื่องมลพิษโดยตรง
รัฐบาลมีการวางแผนจัดการมลพิษแบบบูรณาการร่วมกันทุกกระทรวงอย่างไร
และใช้กลไกอะไรในการวางแผนจัดการ และการวางแผนการใช้งบกลางเพื่อแก้ปัญหามลพิษทางน้ำจากการทำเหมืองในประเทศเมียนมาที่ส่งผลกระทบมาในประเทศไทยอย่างไร
ตรงนี้ตนขอให้ตอบอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลมีโครงการอะไรจากกระทรวงอะไรบ้าง
และขอกรอบเวลาที่ตั้งให้แต่ละกระทรวงว่าจะต้องนำโครงการเข้าสู่คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายในเมื่อไหร่บ้าง
ทางด้านสุชาติได้ตอบคำถามโดยระบุว่าเรื่องแม่น้ำกกเมื่อวานนี้ที่มีการประชุม
ได้มีการตั้งคณะทำงานที่เกี่ยวข้องสองคณะ
เป็นคณะทำงานประสานงานความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาภูมิภาคแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย
โดยมีรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธานในคณะทำงานนี้
อีกคณะหนึ่งคือคณะติดตามสถานการณ์ปัญหาสิ่งแวดล้อมและผลกระทบต่อสุขภาพในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย
โดยมีอธิบดีกรมควบคุมมลพิษเป็นประธานคณะทำงาน
เพื่อติดตามการแก้ปัญหาในเรื่องการเจรจาโดยใช้รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน
ส่วนผู้ที่ติดตามเรื่องของความเดือดร้อนเช่นสารตกค้างในน้ำและพืชผลการเกษตร
มีอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งเมื่อเช้าได้มีการพูดคุยกัน
แล้วตนยังบอกด้วยว่าให้มีการหาข้อมูลจากผู้ตั้งกระทู้ถามด้วย
ส่วนสิ่งที่ผู้ตั้งกระทู้ถามมาในเรื่องของการประชุม
LMEC หรือ China-ASEAN กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว
ต้องมีการประชุมหารือกันแน่นอน
ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าสารพิษมาจากเส้นทางอย่างไรหรือเพราะเหตุใด ซึ่งสิ่งต่างๆ
เหล่านี้เป็นเรื่องของการเจรจาและการพิสูจน์ ทั้งนี้ ตนขอฝากผู้ตั้งกระทู้ถามขอให้เสียสละเวลารับโทรศัพท์
ให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง อธิบดีที่เกี่ยวข้อง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสอบถามหาข้อมูล
หรือหากมีการชวนลงพื้นที่ก็ขอให้สละเวลาเพื่อประชาชนด้วย
จากนั้น
ภัทรพงษ์ได้ตอบรองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าในส่วนของการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ
ขอให้ไม่ต้องห่วง เพราะมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการขึ้นมาทำในเรื่องนี้อยู่แล้ว
โดยมีฐานข้อมูลและระบบฐานข้อมูลทุกอย่างที่รวบรวมมาจากทุกหน่วยงาน
ในส่วนนี้ทางรัฐบาลสามารถเอาสิ่งที่อนุกรรมาธิการทำไปใช้ต่อได้
จากการตั้งกระทู้ถามในวันนี้หากให้ตนสรุป
สามารถกล่าวได้ว่าแม้รองนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ไปก็ไม่มีการจัดการปัญหาอะไรอย่างเร่งด่วน
ที่สมเหตุสมผลกับปัญหาที่คนเชียงใหม่และเชียงรายกำลังเจอ
มีคนพบสารหนูเกินมาตรฐานก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็น จ.เชียงราย ไม่ใช่ จ.เชียงใหม่
ข้าว 100,000
ไร่ที่ใช้น้ำปนเปื้อนในการปลูกกำลังจะเก็บเกี่ยวอยู่แล้วก็ยังไม่มีมาตรการในการตรวจและแนวทางในการเยียวยา
การแก้ปัญหาที่ต้นตอด้วยการเจรจาระหว่างประเทศ
ตนก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากรองนายกรัฐมนตรี
“การลงพื้นที่ที่รองนายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นการยกทัพหลวงมาแก้ปัญหาให้คนเชียงใหม่และคนเชียงราย
ถ้าทัพหลวงทำได้แค่นี้แสดงว่าแม่ทัพนำทัพไม่เป็น ไม่มีการวางแผนใดล่วงหน้า
แบบนี้ยกทัพไปที่ศึกก็พ่ายทุกศึก
ผมขอเตือนรองนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลที่ตอบคำถามในวันนี้
คำตอบในวันนี้และการดำเนินการในการแก้ปัญหาที่เร่งด่วนวิกฤตขนาดนี้
ไม่ต่างอะไรกับการไม่ใส่ใจและละเลยต่อปัญหา และมันกำลังจะกลายเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล
ที่ทำให้เกิดผลกระทบกับชีวิตของประชาชน” ภัทรพงษ์กล่าวทิ้งท้าย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #สารพิษ #น้ำกกสาย