ศาลแขวงปทุมวัน
ยกฟ้อง 8 นักกิจกรรม ฝ่าฟืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงฯ ชุมนุม #16ตุลาไปแยกปทุมวัน เมื่อ 2563
วันนี้
(5 สิงหาคม 2568) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
รายงานว่า ศาลแขวงปทุมวัน นัดฟังคำพิพากษาคดี อ.983/2567 ชุมนุม
#16ตุลาไปแยกปทุมวัน ของทศพร เสรีรักษ์ และพวกรวม 8
คน ข้อหาหลัก : พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงฯ โดยศาลพิพากษายกฟ้อง
ศูนย์ทนายฯได้ให้รายละเอียดว่า
ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุในคดีนี้
นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่
15 ต.ค.63 จนถึงวันที่ 13 พ.ย. 63
ในวันที่
16 ต.ค.63 มีการรวมตัวกันของผู้ชุมนุมที่สี่แยกปทุมวัน คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่
สำหรับจำเลยที่
1 (ทศพร)
แถลงแนวทางต่อสู้ในทำนองว่าจำเลยได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมเท่านั้น
แต่จากการสืบพยานโจทก์ที่มาเบิกความเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้มีการใช้โทรโข่งสื่อสารกับผู้ชุมนุม
แต่ไม่สามารถจับใจความสำคัญได้ว่าจำเลยพูดอะไร
ทางการสืบสวนไม่เห็นว่าจำเลยที่
1 พูดปราศรัยโจมตีรัฐบาล หรือพูดชักชวนให้มวลชนรวมตัวหรือเคลื่อนย้ายตัว
จึงไม่อาจยืนยันได้ว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมในการชุมนุมที่จัดตั้งขึ้น
ทั้งจำเลยที่
1 ได้ให้การว่าตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สังกัดพรรคเพื่อไทย
ซึ่งได้รับมอบหมายจากพรรคให้เข้าร่วมสังเกตการณ์ชุมนุม
และให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์เท่านั้น พิพากษาให้ยกฟ้อง
ในส่วนกรณีของจำเลยที่
2-8 จำเลยทั้งหมดยอมรับว่าตัวเองเข้าร่วมชุมนุมจริง
แต่จากการนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏให้เห็นว่าการชุมนุมมีความรุนแรง
หรือผู้ชุมนุมพกพาอาวุธเข้าร่วมการชุมนุมแต่อย่างใด
และแม้จะมีการฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมนุม
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยู่ในการควบคุมของ จนท. ที่สามารถควบคุมได้
จึงไม่ถือว่าเป็นสภาวะร้ายแรง
และในส่วนที่พยานโจทก์นำสืบว่า
การชุมนุมมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 เห็นว่าทางการนำสืบไม่ได้มีพยานหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามีความเสี่ยงอย่างไร
ทั้งผู้ชุมนุมก็มีการสวมใส่หน้ากากอนามัย
ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคแล้ว
การชุมนุมของจำเลยที่
2-8 ที่เข้าร่วมชุมนุมวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เห็นว่าไม่มีความรุนแรง
ไม่มีความเสียหาย ตลอดจนไม่มีการพกพาอาวุธเข้าร่วมชุมนุม
จึงถือเป็นสิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง
พิพากษายกฟ้อง