วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567

จม.จากแดน 4 “อานนท์” เขียน เพราะรู้ว่าชีวิตเรามีความหมายและไฟฝัน ไม่ใช่เพียงของปัจเจกชน แต่เป็นของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตใน Generation เหมือนต้นไม้ทั้งผืนป่าที่ผลิใบ

 


จม.จากแดน 4 “อานนท์” เขียน เพราะรู้ว่าชีวิตเรามีความหมายและไฟฝัน ไม่ใช่เพียงของปัจเจกชน แต่เป็นของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตใน Generation เหมือนต้นไม้ทั้งผืนป่าที่ผลิใบ


เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 เพจ “อานนท์ นำภา” โพส ข้อความ จดหมายวันที่ 21 ส.ค. 67 โดยมีรายละเอียดว่า


ได้รับของฝากและขนมเค้กวันเกิดแล้ว กินกันที่โต๊ะนักโทษการเมืองไปได้ 90% อีก 10% พวกน้าเก็ทหน้าก้องเอาไปทาหน้ากัน เล่นกันเหมือนเด็ก 555+ ฝากขอบคุณบรรดาของฝากและอาหารที่ส่งเข้ามาด้วย องุ่นราคาค่อนข้างแพง ไว้นาน ๆ ครั้งค่อยส่งมาให้กินก็ได้


21 สิงหาคม 2567 ถึงปราณและอิสรานนท์ ลูกรักทั้งสอง


วันสองวันมานี้ฝนตกกลางคืน ทำให้อากาศดีหลับสบายขึ้น ชีวิตในเรือนจำถ้ากินอิ่มนอนหลับและมีเวลาออกกำลังกาย ร่างกายก็จะไม่ค่อยป่วย สาเหตุหนึ่งที่คนในนี้ป่วยบ่อยคือการตรอมใจ ไม่กินไม่นอน ซึ่งพ่อไม่ไม่เป็นเช่นนั้น พ่อรู้ดีว่าพ่อมาทำไม และมีพลัง มีใฝ่ฝันมากพอที่จะใช้ชีวิตในนี้ได้ คงเหมือนกับที่นิทซ์เช่เคยกล่าวไว้ว่า “ คนที่รู้ว่ามีชีวิตอยู่ทำไม ย่อมสามารถทนได้ไม่ว่าต้องอยู่อย่างไร เกือบทั้งนั้น”


พ่อได้มีโอกาสอ่านหนังสือชื่อ Men’s seaching for meaning ของ Frankl โดยในตอนแรกพวกน้าน้าที่ย้ายมาจากแดนหกแนะนำให้พ่ออ่าน เค้าบอกว่าอ่านแล้วมีพลังใจในการใช้ชีวิตในเรือนจำมากขึ้น เพราะอ่านแล้วกลับได้ความรู้สึกอีกแบบ


โดยรวมเป็นหนังสือที่เล่าถึงใช้ชีวิตในค่ายกักกันที่ต้องเอาตัวรอดและอดทนต่อความยากลำบากของ Frankl จิตแพทย์ที่โดนจับเข้าค่ายกักกันของนาซี พ่ออ่านรวดเดียวจบกลับพบว่า หนังสือได้คลี่คลายสิ่งที่พ่อและพวกเราหลายคนเป็นอยู่ มันไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจหรือบอกอุดมคติใหม่ แต่มันบอกว่าที่พวกเราเผชิญอยู่ มันมีคนเคยเป็นมาแล้วซึ่งหนักหนากว่านี้มาก


สิ่งที่ทำให้เขาผ่านมันมาได้เพราะเค้ารู้ว่าชีวิตเขามีความหมาย พวกเราก็เช่นกัน เรารู้ว่าชีวิตเรามีความหมายและไฟฝัน ที่สำคัญความหมายและไฟฝันของพวกเรากำลังดำเนินไปและรู้ได้ว่าไม่ใช่เพียงความหมายของชีวิตของปัจเจกชน หากแต่เป็นความหมายและไฟฝันของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตใน Generation เหมือนต้นไม้ทั้งผืนป่าที่ผลิใบ


รักและคิดถึง

อานนท์ นำภา


สำหรับ อานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ภายหลังศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี ปรับเป็นเงิน 20,000 บาท โดยไม่รอลงอาญา ในคดี #มาตรา112 คดีแรก เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 เหตุจากการขึ้นปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา63


จากนั้น 17 ม.ค. 67 ศาลอาญาสั่งจำคุก "อานนท์ นำภา" เพิ่มอีก 4 ปี จากคดีมาตรา 112 (เป็นคดีที่ 2) กรณีโพสต์เฟซบุ๊กปี 2564 โดยให้บวกโทษเก่าอีก 4 ปี ทำให้อานนท์มีโทษจำคุกรวมแล้ว 8 ปี


ต่อมา เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2567 ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำพิพากษาคดีของ อานนท์ นำภา หลังถูกฟ้องใน 4 ข้อกล่าวหา ได้แก่ หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุมาจากการปราศรัยถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ในกิจกรรม ‘เสกคาถาผู้พิทักษ์ปกป้องประชาชน’ หรือ #ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์2 ที่ลานหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 โดยศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดทุกข้อหาตามฟ้อง พิพากษาจำคุกรวม 3 ปี 1 เดือน ปรับ 150 บาท ก่อนลดเพราะให้การเป็นประโยชน์ เหลือจำคุก 2 ปี 20 วัน และปรับ 100 บาท


ต่อมา 25 ก.ค. 67 ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาในคดี #112 คดีที่ 4 ของ “อานนท์ นำภา” เหตุโพสต์ 2 ข้อความบนเฟซบุ๊ก ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. 2564 วิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินของรัชกาลที่ 10


ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1), (3) ให้ลงโทษฐาน 112 จำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 6 ปี


ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี ไม่รอการลงโทษ


ทั้งนี้หลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาคดีของอานนท์ไปแล้ว 4 คดี ทำให้อานนท์ถูกลงโทษจำคุกรวม 14 ปี 20 วัน และยังมีโทษในคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีชุมนุม #ม็อบ27พฤศจิกา2563 ที่ถูกจำคุกอีก 2 เดือน รวมเป็น 14 ปี 2 เดือน 20 วัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม #อานนท์นำภา #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน