วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

รุ้ง-เบนจา-ไบรท์ พร้อมเพื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ที่สน.นางเลิ้ง ผิด พรก.ฉุกเฉิน กรณีจัดม็อบหน้าทำเนียบ 2 กรกฎา"เปิดท้ายวันศุกร์ ลุกไล่เผด็จการ"

 


รุ้ง-เบนจา-ไบรท์ พร้อมเพื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ที่สน.นางเลิ้ง  ผิด พรก.ฉุกเฉิน กรณีจัดม็อบหน้าทำเนียบ 2 กรกฎา"เปิดท้ายวันศุกร์ ลุกไล่เผด็จการ" 


วันนี้ (31 ส.ค. 64) ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง นักกิจกรรมกลุ่มราษฎร ได้แก่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, น.ส.เบนจา อะปัญ, นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง กรือไบรท์, น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม จากเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, น.ส.กุลจิรา ทองคง หรือ เอ้ เดอะวอยซ์, น.ส.เปมิกา มีผล หรือ นกแดง, นายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ หรือ บิ๊ก เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามความผิด พรก.ฉุกเฉินจากการจัดชุมนุมเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ในกิจกรรม "เปิดท้ายวันศุกร์ ลุกไล่เผด็จการ"

.

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหาและจะทำหนังสือคำให้การเพิ่มเติมภายใน 30 วัน

.

สำหรับบรรยากาศในวันนี้ มีมวลชนมาให้กำลังใจนักกิจกรรมที่มารับทราบข้อกล่าวหา โดยมีการล้อมวงสนทนาที่หน้าสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมและไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในสถานีตำรวจด้วย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์




คุยกับ “หนึ่ง-ฐนกร” เหยื่อความรุนแรงของเจ้าหน้าที่คฝ. ผู้สูญเสียดวงตา ณ สามเหลี่ยมดินแดง วันเดียวกับ “ลูกนัท” โดนยิง!

 


คุยกับ “หนึ่ง-ฐนกร” เหยื่อความรุนแรงของเจ้าหน้าที่คฝ. ผู้สูญเสียดวงตา ณ สามเหลี่ยมดินแดง วันเดียวกับ “ลูกนัท” โดนยิง!

 

เมื่อวานนี้ (30 ส.ค. 64) ผู้สื่อข่าวอาสาของยูดีดีนิวส์ ได้พบกับชายผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 64 ในวันนั้นกลุ่ม #ทะลุฟ้า ได้จัดกิจกรรม “ศุกร์13 ไล่ล่าทรราช” และเกิดเหตุการณ์ที่ตำรวจยิงกระสุนแก๊ซน้ำตาใส่ “ลูกนัท”จนได้รับบาดเจ็บที่ตาอย่างรุนแรง

 

ขณะเดียวกันก็มีชายอีกคนหนึ่งที่ชะตากรรมไม่ต่างอะไรกับลูกนัท มิหนำซ้ำเขาถูกกระสุนยางยิงผ่านทะลุหมวกกันน็อคเป็นผลทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาทั้งสองข้าง ซึ่งเขาได้เปิดใจผ่านผู้สื่อข่าวอาสา “ยูดีดีนิวส์” เพื่อเผยแพร่เรื่องราวให้สังคมได้รับรู้เรื่องดังกล่าว

 

เขาคือ นายฐนกร ผ่านพินิจ หรือ หนึ่ง อายุ 46 ปี อาศัยอยู่แถวอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ประกอบอาชีพรับจ้างขับรถ 6 ล้อ เป็นเสาหลักของครอบครัว หาเลี้ยงครอบครัว มีลูก 2 คน คนโตจบการศึกษาแล้ว ส่วนอีกคนเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 2 ส่วนภรรยาขายกาแฟในวัด ซึ่งในสถานการณ์โควิด-19 นี้ก็ขายของไม่ค่อยได้ คนไม่ค่อยมาวัด

.

ฐนกร เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า “เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 64 เขาได้ขับรถผ่านมาสังเกตุการณ์การชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง โดยวิ่งรถจักรยานยนต์มาจากวิภาวดีรังสิต ช่วงนั้นถนนใช้ได้เลนเดียวซ้ายมือเพื่อจะไปทางถนนพระราม 9 เวลาประมาณ 17.00 น. เห็นคฝ.ประมาณ 10 กว่าคนบนทางด่วน เมื่อเขาขี่รถผ่านมาตอนนั้นก็ถูกระดมยิ่งอย่างหนัก ซึ่งบริเวณนั้นตนเห็นมีผู้สื่อข่าวด้วย เขาก็วิ่งหนีกันไปหมด จากนั้นคฝ.ก็ระดมยิงกระสุนยางใส่ตนโดยกระสุนทะลุหมวกกันน็อคเข้ามาผ่านตาทั้งสองข้าง โดยตาข้างขวาโดนเต็ม ๆ ส่วนตาข้างซ้ายเฉียดไป  พอดีในวันนั้นตนใส่เสื้อสีแดง ก็เลยถูกระดมยิงจากคฝ.ที่อยู่บนทางด่วนระยะห่างประมาณ 3-4 เมตร ถูกคฝ.ระดมยิงอย่างเดียว ตนถูกกระสุนยางยิงเต็ม ๆ และอาศัยเสาไฟฟ้าเป็นที่หลบภัย ตอนนั้นพอดีมีรถจักรยานยนต์ขับผ่านมาเห็นแล้วถามว่าเป็นไงบ้างพี่ มาผมช่วย แล้วก็ตะโกนว่ามีคนเจ็บ”

 

หลังจากถูกยิงก็มีผู้นำส่งโรงพยาบาลราชวิถีและนอนรักษาตัว 1 คืน แต่เนื่องจากเตียงที่รพ.ราชวิถีเต็ม ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. จึงถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.พระมงกุฎเกล้าเพื่อทำการผ่าตัดเนื่องจากถูกลูกกระสุนบริเวณตาขวาฉีกขาด ส่วนตาข้างซ้ายโดนกระสุนถากไปแต่ทำให้เลนส์ตาเคลื่อน” นายฐนกร กล่าว

 

นายฐนกร เล่าต่อไปว่า “แพทย์ที่รพ.พระมงกุฎฯ ได้ตรวจตาข้างขวาพบว่ามีการฉีกขาดรุนแรงอันเนื่องมาจากการถูกของแข็ง แพทย์ได้ทำการผ่าตัดและเย็บแผลที่ฉีกขาด ซึ่งขณะนี้ตาขวายังมองเห็นแสงเลือน ๆ ไม่สามารถมองเห็นระบุใบหน้าใครได้ คุณหมอบอกว่ายังไม่รู้ว่าจะต้องใส่ตาเทียมข้างขวาหรือไม่ ตาข้างซ้ายก็เช่นกัน เพราะว่าเลนตาซ้ายเคลื่อนต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ใหม่ รักษาตัวที่รพ.พระมงกุฎฯ ตั้งแต่วันที่ 14–27 ส.ค. 64 ถ้าอยู่รพ.ต่อไปมันจะมีค่าใช้จ่าย จึงให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน โดยต้องหยอดตาทุกวัน”

 

เบื้องต้นวันนี้ (31 ส.ค.) คุณหมอนัดไปตรวจอีกครั้ง และคาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์จะทำการผ่าตัด

 

ตั้งแต่เกิดเรื่องตนยังไม่ได้มีการแจ้งความแต่อย่างใด ต้องรอปรึกษาทนายก่อนว่าจะทำอย่างไร ตนอยากจะฟ้องร้องให้มีการรับผิดชอบในการที่ตนเองถูกยิงจนต้องสูญเสียการมองเห็นไป ไม่สามารถขับรถรับจ้างทำมาหาเลี้ยงชีพได้อีกต่อไป และยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป

 

ใบสำคัญความเห็นแพทย์ ลงวันที่ 17 ส.ค. 64 เห็นว่า มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนกระจกตาซ้ายเนื่องจากกระจกตาติดเชื้อรุนแรง และใบสำคัญความเห็นแพทย์ ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ระบุว่า วินิจฉัยลูกตาขวาแตก และเลนส์ตาซ้ายเคลื่อน

 

นี่คือความสูญเสียของชายผู้ไปสังเกตการณ์การชุมนุม เขาไม่ได้มีอาวุธใด ๆ ไม่ได้ขว้างปาสิ่งใดใส่เจ้าหน้าที่ เพียงขี่รถจักรยานยนต์ผ่านไปบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และเพียงแต่ใส่เสื้อสีแดงเด่นชัด ก็ถูกระดมยิงเสียแล้ว

 

ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงนี้?

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


ด่วน! ศาลฎีกาสั่งจำคุก “ไชยวัฒน์-อมร-เทิดภูมิ” 3 แกนนำพันธมิตรฯ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีต้านรัฐบาลสมัคร

 


ด่วน! ศาลฎีกาสั่งจำคุก “ไชยวัฒน์-อมร-เทิดภูมิ” 3 แกนนำพันธมิตรฯ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีต้านรัฐบาลสมัคร

 

วันนี้ (31 ส.ค. 64) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3973/2558 กรณีกลุ่มพันะมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมดาวกระจายปี 2551 ขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น

 

โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องอดีตแกนนำ 9 คน คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิ ใจดี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-9

 

ในความผิดฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดฯ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนและก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการโดยผู้กระทำคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแต่ไม่เลิก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216

 

โดยศาลฎีกาได้มีคำสั่งยกฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา จำเลยที่ 1-6

 

ส่วนนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และนายเทิดภูมิ ใจดี  จำเลยที่ 7-9 ให้จำคุกเป็นเวลา 8 เดือน ไม่รอลงอาญา

 

คดีนี้ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 60 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1-6 ส่วนจำเลยที่ 7-9 นั้นมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งเจตนาคดีและเหตุผลประกอบ อายุ ประวัติ อาชีพ ความประพฤติ การศึกษา อบรมและสุขภาพของจำเลยแล้ว เห็นควรรอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี

 

ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ และเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 62 ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยเห็นว่า จำเลยที่ 7-9 ไม่มีความผิด จึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องทั้งสามด้วย

 

ในที่สุดอัยการโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 9 คนด้วย ซึ่งวันนี้ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ สั่งจำคุกจำเลยที่ 7-9 ให้จำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา

 

#พธม

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ศาลให้ประกัน "โตโต้ พร้อมพวกรวม 19 คน" ผิด 116 ม็อบเเยก อุรุพงษ์ 7 ธ.ค.63 ภายหลังอัยการยื่นฟ้อง วงเงินประกันคนละ 25,000 บาท พร้อมเงื่อนไข

 


ศาลให้ประกัน "โตโต้ พร้อมพวกรวม 19 คน" ผิด 116 ม็อบเเยก อุรุพงษ์ 7 ธ.ค.63 ภายหลังอัยการยื่นฟ้อง  วงเงินประกันคนละ 25,000 บาท พร้อมเงื่อนไข 


วันนี้ (30 ส.ค. 64) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อายุ 30 ปี แกนนำกลุ่ม WeVo กับพวกรวม 19 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ เป็นความผิดตามประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 138, 140, 115, 116 โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 63 


จำเลยทั้ง 19 คน กับพวกอีกหลายคนได้ร่วมกันจัดชุมนุมและมั่วสุมกัน ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. และร่วมกันรื้อถอนลวดหีบเพลงและแผงกั้นเหล็ก ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการออกจากบริเวณดังกล่าวโดยไม่มีอำนาจ


เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไทได้ประกาศให้จำเลยทั้ง 19 คน กับพวกเลิกการชุมนุมมั่วสุม แต่จำเลยทั้ง 19 คนกับพวกไม่เลิก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกันเข้าจับกุม แต่พวกจำเลยทั้งหมด ร่วมกันต่อสู้ขัดขวาง โดยใช้แผงเหล็กดันกระแทกใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเป็นการมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่


ทั้งนี้เหตุเกิดที่แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. ชั้นสอบสวน จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ


ท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ระบุอีกว่า สำหรับนายปิยรัฐ จำเลยที่ 11 ในคดีนี้เป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.3089/2563 ของศาลอาญา จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ 1130/2563 ของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ และจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.1762/2563 ของศาลแขวงดุสิต ขอให้ศาลนับโทษจำคุกในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีดังกล่าวด้วย


ศาลพิจารณาคำฟ้องแล้วประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2092/2564


ต่อมาศาลได้อ่านและอธิบายฟ้องให้พวกจำเลยฟังจนเข้าใจแล้ว สอบถาม ปรากฏว่า จำเลยแถลงให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ศาลจึงนัดพร้อมเพื่อตรวจพยานหลักฐานวันที่ 11 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.


ขณะเดียวกัน  ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทวิตเตอร์ผ่าน @TLHR ระบุว่า วันนี้ที่ศาลอาญา อัยการมีคำสั่งฟ้อง #WeVo 19 ราย ในคดีรื้อลวดหนามที่แยกอุรุพงษ์ ทนายยื่นประกันโดยใช้ตำแหน่ง ส.ส.พรรคก้าวไกล วางเงินคนละ 25,000 บาท


ต่อมาศาลอนุญาตให้ #ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมเงื่อนไข "ห้ามกระทำการใดในลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาอีก"


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

ราชทัณฑ์ เผยอาการติดโควิด 5 แกนนำราษฎร อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะที่ "บอย-ชาติชาย" ใส่ออกซิเจนเพื่อช่วยรักษาระดับออกซิเจน และติดตามฝ้าที่ชายปอด อย่างใกล้ชิด

 


ราชทัณฑ์ เผยอาการติดโควิด 5 แกนนำราษฎร อยู่ในเกณฑ์ปกติ ขณะที่ "บอย-ชาติชาย" ใส่ออกซิเจนเพื่อช่วยรักษาระดับออกซิเจน และติดตามฝ้าที่ชายปอด อย่างใกล้ชิด


​วันนี้ (30 ส.ค. 64) นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ขอรายงานสถานการณ์ และการควบคุมดูแลตัวผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้


​กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, พรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า, ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, ชาติชาย แกดำหรือบอย และ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นั้น ในวันนี้แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกายพบว่า


พริษฐ์รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตนเองได้ หายใจปกติ ไม่มีเหนื่อยหอบ ไม่มีไอ ไม่มีเจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก พักหลับได้ดี สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง 


ในส่วนของพรหมศร รู้สึกตัวดี ไม่มีไข้ พูดคุยช่วยเหลือตัวเองได้ รับประทานอาหารได้ ไม่มีหอบเหนื่อย มีปวดศีรษะเล็กน้อย  แพทย์ให้ยาบรรเทาอาการปวด และมีอาการทุเลา นอนหลับพักผ่อนได้ ขับถ่ายปกติ


ภาณุพงศ์รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้


จตุภัทร์รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ รับประทานอาหารได้น้อย แต่รับประทานขนมได้ อ่อนเพลียเล็กน้อย ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้                   


ด้านชาติชายรู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตนเองได้ On Cannula 5 LPM ใส่ออกซิเจนเพื่อช่วยรักษาระดับออกซิเจน หายใจได้ปกติ ไม่มีเหนื่อยหอบ ไม่มีไอ ไม่มีเจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก พักหลับได้ดี สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง ในส่วนอาการพบฝ้าที่ชายปอด แพทย์ได้เฝ้าสังเกตอาการและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยผู้ต้องขังทั้งหมดมีสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ


ธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ ในประเด็นการดูแลผู้ต้องขังของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์นั้น ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอยืนยันว่าทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีการดูแลผู้ต้องขังทุกคนด้วยทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสาธารณสุข และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ในส่วนกรณีที่มีเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อบัญชีว่า ต๋ง หม่งเหมียว ขื่อ เผยแพร่ข้อความ ระบุว่า “ตำรวจฆ่าคนตายได้สิทธิพิเศษ คนใกล้ชิดเข้าเยี่ยมได้ ส่วนผู้ที่ไปชุมนุมโดนจับขังเดี่ยว 19 วัน แม่ยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ พบทนายต้องวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เท่านั้น” กรมราชทัณฑ์ขอชี้แจงว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิดเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2563 กรมราชทัณฑ์ได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว โดยได้มีข้อสั่งการให้เรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งงดการเยี่ยมญาติเพื่อลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคในเรือนจำ และเปิดให้มีการเยี่ยมญาติผ่านทาง Application LINE รวมถึงเปิดให้บริการฝากเงินและซื้อสินค้าที่จำเป็นผ่านร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขังได้ โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และไม่มีการยกเว้นให้กับผู้ต้องขังรายใดเป็นกรณีพิเศษ จึงขอให้สังคมและประชาชนทุกฝ่ายเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และไม่มีการเลือกปฏิบัติตามที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #โควิดในเรือนจำ

กลุ่ม 24 มิถุนาฯ ยื่นหนังสือร้อง "ผบ.ตร." เร่งปฏิรูปตำรวจ ยุติการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม

 


กลุ่ม 24 มิถุนาฯ ยื่นหนังสือร้อง "ผบ.ตร." เร่งปฏิรูปตำรวจ ยุติการใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม


วันนี้ (30 ส.ค.64) ที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย พร้อมด้วยมวลชน ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจ และให้ตำรวจยุติใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม


นายสมยศ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.เมืองนครสวรรค์ ใช้ถุงดำคลุมผู้ต้องหายาเสพติดจนถึงแก่ความตาย โดยปรากฏว่ามีการรีดไถเงินจากเหยื่อส่งส่วยให้กับผู้ใหญ่ทำให้สูญเสียความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ภายใต้ 7 ปี การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตำรวจถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการปราบปรามประชาชนทั้งการใช้กำลังควบคุมฝูงชน ทุบตี ยิงกระสุนยาง ฉีดแก๊สน้ำตา ทำร้ายเยาวชนที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างทารุณโหดร้าย และยังใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาตรา 112 การจับกุมคุมขังประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย จนทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในสังคมไทยจนกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการสร้างรัฐตำรวจทำหน้าที่รับใช้เผด็จการอย่างไม่เคยมีมาก่อน


เพื่อการปฏิรูปตำรวจให้คงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร ธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมขจัดการคอร์รับชั่นระบบอุปถัมภ์ในการดำรงตำแหน่งระดับสูงตำรวจ กลุ่ม 24 มิถุนา จึงขอเรียกร้อง


1. ให้สอบสวนการกระทำความผิดของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผกก.โจ้ อย่างจริงจังและรายงานให้สาธารณชนทราบ และทีมงานที่มีส่วนในการฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผล การรีดไถให้สอบสวนขยายผลส่งเงินให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ยึดทรัพย์อายัดทรัพย์เป็นของแผ่นดิน


2. แยกงานสอบสวนและงานจับกุมให้เป็นอิสระต่อกัน เพื่อไม่ให้มีการวิ่งเต้นป้องกันการรีดไถ


3. แต่งตั้งนายตำรวจระดับชั้น ผกก.ขึ้นไป จะต้องมีการตรวจสอบและมีมติเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร เพื่อป้องกันใช้เส้นสายการใช้ตั๋วช้างแทรกแซงการซื้อขายตำแหน่งระดับสูงเพื่อเข้าไปทุจริตโกงกินจากการทำหน้าที่ตำรวจ


4. หยุดการใช้กฎหมายมาตรา 112 ในการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและหยุดการใช้กฎหมายกลั่นแกล้งประชาชนที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย หยุดการใช้กำลัง คฝ.ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกระทำต่อประชาชนที่ชุมนุมตามสิทธิเสรีภาพ


5. เร่งรัดให้สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและการอุ้มหาย


ขณะเดียวกันยังขอเรียกร้องให้ ผบ.ตร.รีบดำเนินการคืนรถ จยย.ทุกคันที่ได้ทำการยึดมาจากการสลายการชุมนุมให้แก่ผู้ชุมนุม รวมถึงผู้ที่ไม่ได้มาร่วมชุมนุมแต่ต้องถูกยึดรถเพราะมาทำธุระหรือมีบ้านอยู่แถวนั้น และให้ยุติการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุในการตรวจค้นรถส่วนตัวรวมถึงการยึดรถผู้มาร่วมชุมนุมหรือผู้อยู่บริเวณพื้นที่ชุมนุม นายสมยศ กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการยื่นหนังสือเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจและไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ การใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาเพื่อสะท้อนความเป็นจริงของสังคมของตำรวจที่ลุแก่อำนาจ และการใช้ความรุนแรงกับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ขณะที่ควบคุมตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หยุดคุกคามประชาชน


ประมวลภาพ









ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งเลื่อนไต่สวนถอนประกัน 15 ผู้ชุมนุม #ทะลุฟ้า ในคดีชุมนุมหน้าสโมสรตำรวจ เนื่องจากสถานการณ์โควิด โดยเลื่อนไปวันที่ 16 ก.ย. เวลา 9.30 น.

 


ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งเลื่อนไต่สวนถอนประกัน 15 ผู้ชุมนุม #ทะลุฟ้า ในคดีชุมนุมหน้าสโมสรตำรวจ เนื่องจากสถานการณ์โควิด โดยเลื่อนไปวันที่ 16 ก.ย. เวลา 9.30 น.


วันนี้ (30 ส.ค. 64) เวลา 10.00 น. ที่ศาลแขวงดุสิต กลุ่มทะลุฟ้า นำโดย นายนวพล ต้นงาม หรือ ไดโน่, นายปวริศ แย้มยิ่ง, นายชาติชาย ไพรลิน, นายทวี เที่ยงพิเศษ และพวกรวม 15 คน เดินทางมารับฟังการไต่สวนการถอนประกันเนื่องจากพนักงานสอบสวนฯเจ้าของคดีทำการยื่นเรื่องขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว จากึดีความเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 ที่กลุ่มทะลุฟ้า ได้ทำการสาดสี หน้าสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง


ด้านนายนวพล ต้นงามหรือ ไดโน่ สมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า กล่าวว่า การเพิกถอนประกันครัเงนี้เกิดจากการไปทำกิจกรรมสาดสีหน้า สน.ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564 สำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไป ตนยืนยันว่าการสาดสีเป็นการแสดงออกตามสิทธิรัฐธรรมนูญที่ยืนยันตามสิทธิและเสรีภาพ แต่มันมีกฎหมายจากกลุ่มทรราชและเผด็จการและยังใช้กฎหมายปิดกั้นสิทธิของประชาชน ซึ่งตนยืนยันสู้ต่อตามแนวทางสันติวิธี สำหรับความกังวลนั้น ตนไม่มีความกังวล อย่างไรการต่อสู้จะดำเนินต่อไป เพราะเราหนีไม่ได้อยู่แล้วกับการถูกกดขี่จากกฎหมายพวกนี้


สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 64 หลังจากศาลอาญาคดีทุจริตฯ อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจตุภัทร์ กรณีร่วมชุมนุมหน้าสโมสรตำรวจ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 64 เรียกร้องให้ปล่อยตัวทีมรถเครื่องเสียงที่ถูกจับหลังการชุมนุม #ม็อบ1สิงหา หรือ #Carmob ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี   


โดยจตุภัทร์ กับพวกได้ถูกพาตัวออกจากที่ควบคุมตัว บช.ตชด.ภ.1 จ.ปทุมธานี มายัง สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อลงบันทึกประจำวัน ก่อนจะปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไป โดยก่อนเดินทางกลับ จตุภัทร์ กับกลุ่มมวลชน "หมู่บ้านทะลุฟ้า"ได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์โดยการพ่นสีและสาดสีใส่ป้าย สน.ทุ่งสองห้อง


คืบหน้าล่าสุด 12.20 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า ศาลอาญาคดีทุจริตฯ สั่งเลื่อนไต่สวนถอนประกัน 15 ผู้ชุมนุม #ทะลุฟ้า ในคดีชุมนุมหน้าสโมสรตำรวจ #ม็อบ2สิงหา เนื่องจากสถานการณ์โควิด โดยเลื่อนไปวันที่ 16 ก.ย. เวลา 9.30 น.


คดีนี้ ตร.สน.ทุ่งสองห้องยื่นคำร้องขอศาลสั่งถอนประกัน โดยอ้างว่าผิดเงื่อนไขประกัน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทะลุฟ้า

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2564

"ณัฐวุฒิ ผนึก บก.ลายจุด" นัดชุมนุมใหญ่แยกอโศก 2 กันยา นี้ ลั่นชุมนุมจนกว่า"ประยุทธ์" จะออก ชี้หาก ส.ส. เลือก "ประยุทธ์" ต้องเผชิญหน้าประชาชน ย้ำเห็นพลังความมุ่งมั่น และกลิ่นอายชัยชนะ ใกล้เข้ามา

 


"ณัฐวุฒิ ผนึก บก.ลายจุด" นัดชุมนุมใหญ่แยกอโศก 2 กันยา นี้ ลั่นชุมนุมจนกว่า"ประยุทธ์" จะออก ชี้หาก ส.ส. เลือก "ประยุทธ์" ต้องเผชิญหน้าประชาชน ย้ำเห็นพลังความมุ่งมั่น และกลิ่นอายชัยชนะ ใกล้เข้ามา


วันนี้ (29 ส.ค. 64) เวลา 18.15 น. ที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี (หลังเก่า)  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในนามคนทำงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ #อหต  ขึ้นปราศรัย หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม คาร์ม็อบ คอลเอาท์ ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งเริ่มต้นที่อุโมงค์แยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ระบุว่า


ประชาชนมีเดิมพันแสดงพลังเพื่อล้มพล.อ.ประยุทธ์ ในสัปดาห์ถัดไป วันที่ 31 สิงหาคม ถึง วันที่ 3 กันยายน ที่สภาฯ จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตนขอประกาศรวมพลังประชาชนครั้งใหญ่ ตั้งแต่ 2 กันยายน พบกันที่ใจกลางมหานคร เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่งหลังจากที่ครองอำนาจมานานถึง 7 ปี


หากไม่ไล่ เขามีวางแผนอยู่กันอีกยาว หมดวาระรัฐบาลชุดนี้ อาจอยู่ต่อไปอีก 4 ปี และอาจอยู่ต่อไป โควิด-19 พบคนไทยติดเชื้อรายแรก 31 มกราคม 2563 เกือบ 2 ปี คนติดเป็นล้านและตายเป็นหมื่น พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีจิตสำนึกต่อประชาชน


ผมขอชวนคนทั้งประเทศ ว่าตั้งแต่ 2 กันยายน เป็นต้นไป ประชาชนจะแสดงพลังครั้งใหญ่เพื่อขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ให้ออกไป โดยจะยืนเคียงข้างกันอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ เพื่อบอกว่าถึงเวลาที่คนไทยมาทวงอำนาจคืนจากนายกรัฐมนตรีที่โง่เง่า


นายณัฐวุฒิ ปราศรัยต่อไป ด้วยว่า ตนไม่ได้ประกาศตัวเป็นแกนนำ หรือผู้นำต่อสู้ แต่รับความเสียหายที่เกิดกับประชาชนภายใต้ความล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ จึงขอเป็นเพื่อนประชาชนไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนอกวิถีประชาธิปไตย เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ออกไปต้องมาจากสภาฯ หากไม่มีแคนดิเดตเดิม ต้องเป็นส.ส.ในสภาฯ เท่านั้น


สิ่งที่ต้องการและยืนยันคือ ต้องเป็นอำนาจในครรลองของระบบ กระบวนการต่อสู้ประชาธิปไตยต่อสู้ต่อไป น้อง ๆ ที่ติดคุก ติดโควิดต้องได้รับอิสระภาพ ใครที่ย่ำยีประชาชนต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ผมขอย้ำว่า การนัดหมายแล้วจะเริ่มต้นวันที่ 2 กันยายน, วันที่ 3 กันยายน ไปจนถึงวันที่ 4 กันยายน ซึ่งเป็นวันที่สภาฯ จะลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ทั้งนี้จะไม่เคลื่อนขบวนทางไกล แต่จะปักหลักที่ใจกลางมหานคร เพื่อสำแดงพลังของประชาชน หากไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้มีอำนาจทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง จะประกาศให้รู้กันว่าไผเป็นไผ ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังมีเวลาลาออก หากไม่ออก งานนี้เอาจริง และเอาหนัก เพราะประชาชนจะไม่เอาไว้ 


นายณัฐวุฒิ ยังได้กล่าวอีกว่า วันนี้เห็นพลังประชาชน ความมุ่งมั่น ได้กลิ่นอายชัยชนะของประชาชนใกล้เข้ามา ขนาด ผกก.โจ้ ใช้ถุงคลุมหัวคนเดียวประชาชนคนเดียวประชาชนรับไม่ได้ แล้วคุณเป็นนายกฯ เอาถุงใส่ศพหมื่นกว่าศพใครจะไปรับได้ คนออกมาไล่พล.อ.ประยุทธ์ บางคนใส่เสื้อสีแดง สีดำ สีขาว เสื้อแต่ละสีมีหลายเฉด แต่คนไทยส่วนใหญ่รวมเป็นเฉดเดียว คือเฉดหัวประยุทธ์ ออกไป


ขณะที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ปราศรัยว่ากิจกรรมของประชาชนที่อยู่นอกสภาฯ นัดวันที่ 2 กันยายน เป็นต้นไป คือไม่ใช่วันเดียว คือต้องชุมนุมไปจนกว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลาออก หากในสภาฯ ยังลงมติไว้วางใจให้พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนข้างนอกจะลงมติไล่ทุกวัน


พื้นที่กรุงเทพฯ วันที่ 2 กันยายน เจอกัน 4 โมงเย็นเลิกงานแล้ว เจอกันที่ BTSอโศก จนถึงเวลา สองทุ่ม แยกย้ายกลับบ้าน วันที่ 4 กันยายน จะลงมติรับรองรัฐบาลหรือไม่


หากพรรคร่วมรัฐบาลลงมติให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ประชาชนจะไม่ยอม ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดให้ใช้กิจกรรมคาร์ม็อบ ผมเชื่อว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์ พล.อ.ประยุทธ์จะออกไป นายสมบัติ กล่าว


ด้านเวลา นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือลูกนัท อดีตแกนนำ กปปส. ซึ่งล่าสุด ดวงตาข้างขวาไม่สามารถมองเห็นได้ การจากถูกสลายชุมนุมที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้กล่าวบนเวทีเป็นคนสุดท้าย ระบุว่า

นี่คือความสำเร็จ และยิ่งใหญ่ของคาร์ม็อบ เป็นที่ประจักษ์แล้ว เพราะผมก็มาไม่ทันเวที พี่น้องออกมากันมา รถติดจนถึงปทุมธานี ทำให้มาปราศรัยไม่ทัน


ภาษาอังกฤษเขาบอกว่า ‘If you can’t kill me, only makes me stronger’ ฉะนั้น พ่อแม่พี่น้อง วันนี้ผมขอเป็นตัวแทนบอกว่า ประชาชนแข็งแกร่งขึ้นแล้ว พร้อมต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้น ประยุทธ์ฟังเอาไว้ ส.ว.ฟังเอาไว้ พรรคร่วมรัฐบาลฟังเอาไว้อภิปรายไม่ไว้วางใจรอบหน้า ใครหน้าไหน อ้ายอีคนไหน บังอาจลงมติไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์  "มึงเจอกับกู" นายธนัตถ์กล่าว


อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากิจกรรมได้ยุติก่อน 19.00 น. นั้น ทั้งนี้เมื่อเวลา 19.15 น. ขบวนของกลุ่มทะลุฟ้า เพิ่งถึงจุดหมาย ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี (หลังเก่า) โดยนายธนพัฒน์ กาเป็ง หรือปูน กล่าวบนรถขยายเสียง ถึงพลังประชาชนที่ออกมาร่วมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมชวนให้ร่วมบีบแตรส่งท้าย ก่อนทยอยกันแยกย้ายออกจากพื้นที่ 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ 

#ม็อบ29สิงหา #CARMOBCALLOUT #ไล่ประยุทธ์

หน้าสถานีไทยคม นนทบุรี ประชาชนหลายกลุ่มรวมตัวตั้งขบวนคาร์ม็อบรอร่วมขบวน CAR MOB – CALL OUT

 


หน้าสถานีไทยคม นนทบุรี ประชาชนหลายกลุ่มรวมตัวตั้งขบวนคาร์ม็อบรอร่วมขบวน CAR MOB – CALL OUT


วันนี้ (29 ส.ค. 64) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่บริเวณหน้าสถานีควบคุมดาวเทียมไทยคม ถ.รัตนาธิเบศร์ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี นำโดย น.ส.กนกพร วิทยาเวชอมรชัย และกลุ่มราษฎรนนทบุรี นำโดยนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง ได้รวมตัวกันเพื่อเตรียมเข้าร่วมกิจกรรม CAR MOB CALL OUT กับกลุ่มเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) ของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่จะเดินทางมาจากบริเวณอุโมงค์แยกเกษตร กทม. 


เวลา 13.30 น. กลุ่มสภาพนักศึกษาและคนทำงานแห่งศาลายา และ กลุ่ม CAR MOB ราษฎรนครปฐมประกอบด้วย รถยนต์ 10 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน มวลชนประมาณ 25 คน เดินทางมาถึงบริเวณหน้าสถานีควบคุมดาวเทียมไทยคม 


รูปแบบกิจกรรมระหว่างรอแกนนำได้มีการปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล เชิญชวนบีบแตรไล่รัฐบาล โจมตีการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการต่อผู้จัดกิจกรรมที่ผ่านมา และมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ล้อเลียนกรณีตำรวจใน จ.นครสวรรค์ ใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิต


เวลา 15.15 น. กลุ่มเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) ทยอยเคลื่อนขบวนมาถึงหน้าสถานีควบคุมดาวเทียมไทยคม โดยกลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี และกลุ่มเห็นต่างอื่น ๆ ประกอบด้วยรถยนต์ประมาณ 80 คัน รถจักรยานยนต์ ประมาณ 120 คัน มวลชนประมาณ 250 คน ได้เข้าร่วมขบวนกับกลุ่มของนายณัฐวุฒิฯและ บก.ลายจุด  


ต่อมาขบวนทั้งหมดได้เคลื่อนไปตาม ถ.รัตนาธิเบศร์ ข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ขึ้นสะพานต่างระดับแยกบางรักน้อยเข้าสู่ ถ.ราชพฤกษ์  ขึ้นสะพานวงแหวนเข้า ถ.ชัยพฤกษ์ ข้ามสะพานพระราม 4 และ ใช้เส้นทาง ถ.ติวานนท์ มุ่งหน้าไปทางแยกสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ โดยตลอดเส้นทางมีการบีบแตรแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการขับไล่ นรม.อย่างต่อเนื่อง


เวลา 17.00 น.หัวขบวนเคลื่อนผ่านสะพานข้ามคลองบ้านใหม่พ้นเขต อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เข้าสู่เขตพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยยังไม่มีการปะทะหรือมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นในระหว่างทาง


#ม็อบ29สิงหา #CARMOBCALLOUT #ไล่ประยุทธ์ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์

"ณัฐวุฒิ" แนะ "ส.ส." ฟังเสียง "พลังคาร์ม็อบคอลเอาท์" ไม่ไว้วางใจ "ประยุทธ์" แย้มนัดหมายแสดงพลังครั้งใหญ่ในไม่กี่วันครั้งหน้า

 


"ณัฐวุฒิ" แนะ "ส.ส." ฟังเสียง "พลังคาร์ม็อบคอลเอาท์" ไม่ไว้วางใจ "ประยุทธ์" แย้มนัดหมายแสดงพลังครั้งใหญ่ในไม่กี่วันครั้งหน้า


วันนี้ (29 ส.ค. 64)  เวลา 15.00 น.ที่ถนนเกษตร-นวมินตร์ ขาออกมุ่งไปงามวงศ์วาน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในฐานะผู้ร่วมทำงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเริ่มกิจกรรม CAR MOB CALL OUT ระบุว่า 


เราต้องการรวมพลังประชาชนแสดงออกในกิจกรรมคาร์ม็อบ ซึ่งครั้งนี้เป็นการนัดหมายครั้งสำคัญเพื่อประกาศการ การลงมติไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม โดยประชาชน จากวันนี้จะมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง แล้วมีการนัดหมายแสดงพลังครั้งใหญ่ในไม่กี่วันครั้งหน้า การอภิปรายในภาฯ เป็นบทบาทส.ส. แต่สำหรับประชาชนคนส่วนใหญ่ประเทศเชื่อว่าเราลงมติไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ ไปแล้วก่อนหน้านี้ และมีการแสดงพลังให้พลเอกประยุทธ์ และส.ส. ฝ่ายค้านและรัฐบาล ตระหนัก ส.ส.ตัดสินใจเลือกพลเอกประยุทธ์ หรือเลือกประชาชน เจ้าของประชาธิปไตย


นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า วันนี้เชื่อว่าขบวนคน ขบวนคนเพิ่มจำนวนขึ้นจากครั้งที่แล้ว เราเพิ่มในเชิงภาพมาตลอด เชิงคุณภาพต้องการพิสูจน์เมื่อประชาชนเพิ่มขึ้น เราจะเดิมพันกับพลเอกประยุทธ์ ในการลงมติไม่ไว้วางใจ อย่างที่ได้เรียนไปแล้ว ตั้งแต่พลเอกประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้สำคัญที่สุดทางการเมือง สถานการณ์ของพลเอกประยุทธ์ขาดความชอบธรรมอย่างถึงที่สุด เป็นภาวะที่ประชาชนทั้งประเทศส่งเสียง ไม่รับอำนาจไม่รับการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์อีกต่อไป ดังนั้นแม้ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลจะสมประโยชน์ทางอำนาจทางการเมืองกันอยู่ แต่หากประชาชนร่วมกันแสดงพลังอย่างล้นหลาม เชื่อว่าผู้แทนราษฎรที่ต้องเดินกลับไปหาประชาชนต้องคิดให้มากเช่นเดียวกัน เมื่อประชาชนในทุกเขตเลือกตั้งปฏิเสธพลเอกประยุทธ์ ส.ส. ที่หักน้ำใจประชาชนลงมติไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จะบากหน้ากลับไปหาประชาชนและอธิบายได้อย่างไร ดังนั้นสถานการณ์การเมืองช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์จากนี้ไปถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ เรามีแนวทางชัดเจนไม่ลุย ไม่บวก ไม่ปะทะ แต่จะไม่ลดละการขับไล่ และจะมีการนัดหมายการชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ส่วนวัน เวลา สถานที่ และรูปแบบ ขออธิบายความหลังจากนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน วันนี้อยากให้เนื้อหาสาระ พลังจากคาร์ม็อบส่งไปยังประชาชนตามคาดหวังก่อน


สถานการณ์ทางการเมืองเดินมาถึงในรัฐสภา มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ลงมติส.ส. ให้พลเอกประยุทธ์อยู่ต่อหรือไม่ ถือว่าสถานการณ์ในและนอกสภามาบรรจบพบกันในสัปดาห์หน้า เป็นสถานการณ์ใหญ่ต้อจับตามอง ตนขอแสดงความหวังให้พลเอกประยุทธ์รับฟังเสียงประชาชนทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาและยอมรับเสียที่ว่าหมดเวลาแล้ว ไม่มีศักยภาพขีดความสามารถพอที่จะรับมือวิกฤตินี้ได้การประกาศสู้ต่ออยู่บนความบาดเจ็บล้มตายเสียหายของประชาชน ซึ่งไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใดใดจนประชาชนต้องมาเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบออกมาโดยเร็วที่สุด


สังคมเห็นชัดแล้วว่าแนวทางของเรามีแนวทางการต่อสู้ป้องกันการเผชิญหน้า หลีกเลี่ยงความรุนแรง ดังนั้นสถานการณ์ที่นอกเหนือเส้นทาง เป็นวาระกลุ่มต่าง ๆ ที่แสดงการต่อสู้ ตนไม่สามารถไปทักท้วงใดๆ แต่ขอห่วงใย ปราถนาดีทุกกลุ่มว่าให้คำนึงความปลอดภัยตนเองและส่วนอื่น ๆ คำนึงเหตุผลประโยชน์แท้จริงของการต่อสู่ จะเลือกแนวทางใดขอให้พิจารณากันอย่างรอบคอบ ส่วนขบวนเราจะเกิดขึ้นจบลงตามเป้าหมาย ไม่มีนอกเกม ไม่มีการสุ่มเสี่ยงความวุ่นวาย ประสานตำรวจอย่างต่อเนื่อง โดยเรามีเจตนาเปิดเผยต่อกัน ในการอำนวยความสะดวกประชาชน เราจะขับไล่นายกฯ อย่างสงบ สันติ ซึ่งกิจกรรมของเราที่จะจบลงในเวลา 18.00 น. จะปราศจากอาวุธ และเดินไปราบรื่นตามวัตถุประสงค์


"เราไม่จำเป็นต้องมีพลังใด ๆ มากกว่านี้ ถ้าพลเอกประยุทธ์รู้จักประเมินตังเอง หากยังเพิกเฉยดื้อด้านจะมีการเคลื่อนไหว และเรียกร้องพลังประชาชนออกมาแสดงพลัง ส่งเสียงให้ทุกอย่าง โดยชื่อว่าไม่ต้องสร้างความรุนแรงใด ๆ ก็ผลักดันพลเอกประยุทธ์ออกไปได้ ตนขอท้าทาย หัวใจส.ส. ฝ่ายค้านและรัฐบาล ที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อประชาชนตายเกินหมื่น ป่วยเกินล้าน พินาจวอดวาย หากยังยกมือไว้วางใจก็ให้รู้กันไป"


ขณะที่นายสมสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ริเริ่มจัดกิจกรรมคาร์ม็อบ ได้โพสเฟสบุ๊คระบุว่า Car Mob วันนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย กิจกรรมต่อไปคือ D-Day พบกันใจกลางเมืองทั่วประเทศ


ทั้งนี้กิจกรรมคาร์ม็อบ คอลเอาท์ ที่นัดหมายอุโมงค์ลอดแยกมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มุ่งหน้าแยกแคราย สะพานพระนั่งเกล้าฯ ขึ้นวงแหวนเข้าถนนราชพฤกษ์ เข้าถนนชัยพฤกษ์ มุ่งหน้าสะพานพระราม 4 เลี้ยวซ้ายเข้าถนนติวานนท์ ผ่านสวนสมเด็จฯ จังหวัดนนทบุรี แยกบ้านกลาง มหาวิทยาลัยปทุมธานี และจะยุติขบวนที่สวนเทพปทุม โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้ร่วมกิจอย่างคับคั่งพร้อมทั้งมีการประดับประดาตกแต่งรถร่วมขบวนด้วยข้อความต่าง ๆ อีกด้วย 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #อหต 

#ม็อบ29สิงหา #ไล่ประยุทธ์ 

#CARMOBCALLOUT

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564

"ราชทัณฑ์" เผยแพร่ข่าว พบ "ไผ่ ดาวดิน" ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย

 


"ราชทัณฑ์" เผยแพร่ข่าว พบ "ไผ่ ดาวดิน"  ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย


วันนี้ (27 ส.ค. 64) เมื่อเวลา 11.00 น. นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ขอรายงานสถานการณ์ และการควบคุมดูแลตัวผู้ต้องขังที่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ออกมาเรียกร้องทางการเมือง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้


กลุ่มผู้ชุมนุทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ถูกส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จำนวน 6 ราย ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า นายสิริชัย นาถึง หรือนิว นายแซม สาแมท นายภาณุพงศ์ จากนอก และนายชาติชาย แกดำ นั้น


ในวันนี้แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้เข้าตรวจร่างกาย พบว่า


นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ : รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตนเองได้ หายใจปกติไม่มีเหนื่อยหอบ ไม่มีไอ ไม่มีเจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก พักหลับได้ดี สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง แพทย์ให้การรักษาตามอาการ


นายสิริชัย นาถึง : รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ สามารถนอนหลับพักได้ รับประทานอาหารได้ปกติ ขับถ่ายปกติ


นายพรหมศร วีระธรรมจารี : รู้สึกตัวดี ยิ้มแย้ม พูดคุยช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้


นายแซม สาแมท : รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ มีน้ำมูกเล็กน้อย สามารถนอนหลับพักได้ รับประทานอาหารได้ปกติ ขับถ่ายปกติ แพทย์ให้การรักษาตามอาการ


นายภาณุพงศ์ จาดนอก : รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ป่วยสีหน้าสดใส ยิ้มแย้มพูดคุยช่วยเหลือตัวเองได้ หายใจปกติ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้เจ็บคอ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้


นายชาติชาย แกดำ : รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ป่วยไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ โดยผู้ต้องขังทั้งหมดมีสัญญาณชีพและค่าออกซิเจนอยู่ในเกณฑ์ปกติ


ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ได้รับแจ้งจาก นายสมบูรณ์ ศิลา ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รายงานผลการตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขัง 3 ราย ที่ยังอยู่ในการควบคุมของทัณฑ์สถานบำบัดพิเศษกลาง ประกอบด้วย นายอานนท์ นำภา นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และนายเวหา แสนชนชนะศึก โดยได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทั้งในรูปแบบ ATK และ RT-PCR ทั้ง 3 ราย เพื่อยืนยันเพื่อความถูกต้องชัดเจน เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงสูง โดยปรากฎผลตรวจเป็นลบ 2 ราย และมีผลเป็นบวก 1 ราย คือ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน โดยในส่วนของนายจตุภัทร์ ขณะถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ได้ทำการดึงสายกล้องวงจรปิด จนทำให้ทรัพย์สินราชการเสีย จำนวน 2 ครั้ง และขณะนี้ได้ดำเนินการส่งตัวเพื่อเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

ด่วน! “ไผ่ จตุภัทร์” ติดโควิด ปัจจุบันถูกย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ราชทัณฑ์

 


ด่วน! “ไผ่ จตุภัทร์” ติดโควิด ปัจจุบันถูกย้ายไปรักษาตัวที่ รพ.ราชทัณฑ์


จากกรณีข่าวการติดโควิด-19 ของ “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ซึ่งก่อนหน้านี้ (25 ส.ค. 64) ที่เพจของ วิบูลย์ บุญภัทรรักษา หรือ ทนายอู๊ด ซึ่งเป็นบิดาของ “ไผ่” ได้โพสต์แจ้งว่าลูกชายติดโควิดแล้วนั้น

 

ต่อมาเมือเวลา 14.40 น. ของวันที่ 25 ส.ค. ทางศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ทวิตเตอร์แจ้งว่า “หลังจากตรวจ ไผ่ ดาวดิน แล้วไม่พบเชื้อโควิด”


ล่าสุด วันนี้ (27 ส.ค. 64) ทวิตเตอร์ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รายงานว่า


“ด่วน! 11.53 น. #TLHR ได้รับแจ้งว่า #ไผ่ จตุภัทร์ ติดโควิด ขณะกักตัวที่ฑัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง หลังศาลอาญาไม่ให้ประกันตัวครั้งที่ 3 ปัจจุบันถูกย้ายตัวไปรักษาที่รพ.ราชทัณฑ์ ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเพื่อนร่วมห้องขัง #ไผ่ ติดโควิดทั้งหมด 9 รายจาก 12 ราย รวมถึงผู้ต้องขังที่นอนข้าง ๆ”


ส่วนนายอานนท์ นำภา และเวหา แสนชนชนะศึก ซึ่งอยู่ในการควบคุมของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางนั้น ผลตรวจเป็นลบ


#COVID19 #โควิด19

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ด่วน! ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ประกันตัว"นิว" สิริชัย, "ต๋ง" ทะลุฟ้า และ "แซม" สาแมท ในคดีสาดสีเรียกร้องปล่อยตัวกลุ่มทะลุฟ้า หน้า บก.ตชด.ภาค 1 #ม็อบ2สิงหา โดยจะปล่อยตัวพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ส่วนที่เหลือไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมฯ

 


ด่วน! ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ประกันตัว"นิว" สิริชัย, "ต๋ง" ทะลุฟ้า และ "แซม" สาแมท ในคดีสาดสีเรียกร้องปล่อยตัวกลุ่มทะลุฟ้า หน้า บก.ตชด.ภาค 1 #ม็อบ2สิงหา โดยจะปล่อยตัวพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ส่วนที่เหลือไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมฯ 


วันนี้ (26 ส.ค. 64) เวลา 14.20 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานผ่าน ทวิตเตอร์ว่า ระบุว่า 


ด่วน! ศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาตประกันตัว นิว หรือ ฮิวโก้ สิริชัย, "ต๋ง" ทะลุฟ้า และ "แซม" สาแมท ในคดี #ม็อบ2สิงหา เรียกร้องปล่อยตัวกลุ่มทะลุฟ้าหน้า บก.ตชด.ภาค 1 


ขณะที่นักกิจกรรมอีก 5 ราย ศาลมีคำสั่งยกคำร้องระบุว่า ไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม


ทั้งนี้เนื่องจากมีขั้นตอนการทำสัญญาประกัน และการประสานงานเรื่องโรงพยาบาลสำหรับดูแลนักกิจกรรมคนที่ติดเชื้อโควิด ( นิว-แซม)


ทำให้นายประกันจะเดินทางไปทำสัญญาประกันตัวนักกิจกรรมทั้ง 3 คน ที่ศาลจังหวัดธัญบุรีในช่วงพรุ่งนี้เช้า และจะได้รับการปล่อยตัวในวันพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

“ณัฐวุฒิ - บก.ลายจุด” แถลง Car Mob - Call out ใหญ่ ทิ้งทวน ก่อนเจอม็อบรูปแบบใหม่ใหญ่เบิ้ม ๆ หลัง 29 สิงหา

 


“ณัฐวุฒิ - บก.ลายจุด” แถลง Car Mob - Call out ใหญ่ ทิ้งทวน ก่อนเจอม็อบรูปแบบใหม่ใหญ่เบิ้ม ๆ หลัง 29 สิงหา


วันนี้ (26 ส.ค. 64) เวลา 11.00 น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมด้วย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด จัดแถลงข่าวกิจกรรม Car Mob - Call out วันที่ 29 ส.ค.นี้  ที่ศูนย์ข่าว UDD news ชั้นใต้ดิน อาคารเอเวอรี่มอลล์ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งโดยทันที


นายณัฐวุฒิ แถลงว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมาแสดงพลังในวันที่ 29 ส.ค. 64 ที่ต้องการให้คนทั้งโลกเห็นว่ามีประชาชนมากมายเพียงใดที่พร้อมจะเคลื่อนไหวผ่านข้อจำกัดของโรคระบาด เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นการแสดงพลังครั้งสุดท้าย ก่อนจะมีการชุมนุมใหญ่ภายในไม่กี่วัน 


โดยภายในกิจกรรมจะมีการประกวดการตกแต่งรถ การประกวดป้ายข้อความในขบวน ที่มีเพิ่มเติมคือการประกวดภาพถ่ายจากช่างภาพสมัครเล่นทั้งภาพนิ่งและคลิปวีดีโอ โดยขอสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับช่างภาพอิสระหรือช่างภาพสมัครเล่นประชาชนเท่านั้น มีการประกวดกองเชียร์สองข้างทาง ออกแบบวิธีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ วิธีการมีส่วนร่วม บันทึกภาพลงโซเชียลเน็ตเวิร์ค จะมีกรรมการให้คะแนน 


จะรวมพลังทุกกลุ่มทุกเส้นทางไว้ด้วยกัน ซึ่งจากเดิมมี 3 เส้นทางหลัก ครั้งนี้ขอประกาศจุดนัดหมายเดียว และเส้นทางเดียวที่จะเคลื่อนขบวนไปด้วยกัน จะนัดพบทุกกลุ่มทุกขบวนที่จะมาร่วมในเวลา 14.00 น.


โดยเริ่มบริเวณที่อุโมงค์ทางลงแยกเกษตร หัวขบวนจะมุ่งหน้ามาทาง ถ.วิภาวดีรังสิต ท้ายขบวนไปทางถนนเกษตร- นวมินทร์  เวลา 15.00 น.จะเคลื่อนขบวนออกจากจุดนัดหมายพร้อมกัน วิ่งข้ามสะพานตรง ถ.วิภาวดี มุ่งหน้า ถ.งามวงศ์วาน ข้ามสะพานแยกพงษ์เพชร (เข้าเขตพื้นที่ จ.นนทบุรี) ตรงไปข้ามสะพานข้ามแยกแคราย ตรงไปขึ้นสะพานพระนั่งเกล้า (ที่สร้างใหม่) โดยจะขึ้นตรงสะพานใหญ่ ผ่านแยกท่าอิฐ วนสะพานยกระดับโค้งขวาไปตาม ถ.ราชพฤกษ์ เกาะช่องจราจรซ้ายสุด ขึ้นยกระดับวนขวาอีกครั้งเข้าเส้น ถ.ชัยพฤกษ์ ขึ้นสะพานพระราม 4 ลงตรงห้าแยกปากเกร็ด เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.ติวานนท์  ไปทางแยกสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ มุ่งหน้าเข้าเขต จ.ปทุมธานี ข้ามสะพานปทุมธานี ไปสุดทางที่ลานจอดรถสวนเทพปทุม อ.เมืองปทุมธานีฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าศาลากลางจังหวัดปทุมธานีหลังเก่า 


กิจกรรมครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา เราจะเดินทางระยะไกลร่วม 50 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อ กทม.และปริมณฑล กินพื้นที่ 3 จังหวัด เมื่อไปถึงที่หมายที่ จ.ปทุมธานี แล้วจะมีการปราศรัยปิดขบวนตรงนั้นเพื่อประกาศเจตนารมณ์ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ และกำหนดนัดหมายการชุมนุมใหญ่ในครั้งถัดไป ซึ่งอาจจะไม่ได้เห็นรูปแบบคาม๊อบเคลื่อนขบวนแบบที่ผ่านมานี้อีก


เรามีเจตนาเปิดเผย เลี่ยงพื้นที่เปราะบางและสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การปะทะหรือความรุนแรงทุกรูปแบบ ฝากให้ออกแบบให้มีการเชื่อมโยงระหว่างอำเภอกับอำเภอในแต่ละจังหวัดพยายามขยายระยะทางให้ไกลขึ้นเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมและส่งต่อพลังของการจัดกิจกรรมเชื่อมถึงกันในระดับทั่วประเทศ 


จะมีเวทีออนไลน์มีการปราศรัยมีศิลปิน ดารา มาสร้างความบันเทิงตลอดเส้นทาง ตัววิทยากรที่จะมาพูดคุยก็จะแตกต่างกันไป โดยจะสามารถเปิดดูกันผ่านทางสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ไปได้ตลอดการเคลื่อนขบวน 50 กิโลเมตรนี้


ด้าน นายสมบัติ แถลงว่ากิจกรรมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 เชื่อว่าที่ผ่านมาเป็นการยกกำลังในทุกครั้ง คาดว่าครั้งนี้จะมีประชาชนเข้าร่วมมากที่สุดเท่าที่เคยทำกิจกรรมมา เราจะใช้จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมเต็มหน้าตักเพื่อจะเสนอไปถึง พล.อ.ประยุทธ์และพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เช่นนั้นฝ่ายการเมืองจะอธิบายว่าเป็นแค่ประชาชนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น เราจะใช้จำนวนคนเป็นตัวยืนยันว่าเราเป็นประชาชนกลุ่มไม่น้อย กิจกรรมของเราจะเชื่อมต่อกับกิจกรรมในสภาที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อเนื่องกันไปถึงวันที่ 2 ก.ย. 64 


เราคาดหวังว่าเราจะมีกิจกรรมขนาดใหญ่หลังจากนั้น จะเป็นการลงคะแนนไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลนอกสภา เราจะมีเวทีมีการชุมนุมใหญ่เคลื่อนไหวไปพร้อมกัน ขอเชิญประชาชนมาร่วมลงคะแนนด้วยกันหากเสียงประชาชนออกมาว่าไม่ไว้วางใจรัฐบาล และหากเสียงในสภาออกมาว่า บรรดา ส.ส. ทั้งหลายยังไว้วางใจรัฐบาลอยู่ ก็จะกลายเป็นเงื่อนไขที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่ต่อเนื่องทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด


พล.อ.ประยุทธ์ มีความผิดพลาดในการบริหารประเทศแต่ยังไม่ยอมออกมาแสดงความรับผิดชอบใด ๆ เลย มี “ยางอาย” หรือไม่ เราจะใช้วิธีการรีด “ยางอาย” จน พล.อ.ประยุทธ์ยอม หากยังคงบริหารต่อไปจะนำความเสียหายมาสู่ประชาชนยากที่จะกอบกู้ซากปรักหักพังที่ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างไว้ให้กับประชาชนไปใช้หนี้กันในอนาคต เราไม่ควรปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เละเทะไปกว่านี้ เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลช่วยทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากอำนาจเสียทีหากไม่กระทำการแต่ยังคงทำตัวเป็นนั่งร้านให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินพรรคร่วมรัฐบาลเอง คิดว่าคงเป็นช่วง 10 วันหลังจากนี้จะมีความเข้มข้นขึ้นอย่างมากมาย จะรู้เรื่องภายใน 2 สัปดาห์นับต่อจากนี้ไป


นายณัฐวุฒิ เสริมช่วงท้ายว่า ขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนว่าเราทุกคนล้วนเกิดมาในฐานะมนุษย์ แต่พล.อ.ประยุทธ์ทำให้เรากลายเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง มนุษย์มันต่างกับสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งตรงที่ ถ้าเราเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเขาจะหลอก เขาจะโกง เขาจะลวงยังไงก็ได้ เขาจะปล่อยให้ตายที่ไหน อย่างไรก็ได้ เขาจะทิ้งให้รอเตียง รอยา รอการรักษาแบบไหนก็ได้ เขาจะปล่อยให้ตกงานพินาศอดอยาก อนาคตสูญสลายอย่างไรก็ได้ เขาจะตะคอก เขาจะกราดเกรี้ยว เขาจะกดขี่ข่มเหงอย่างไรก็ได้


แต่ในฐานะมนุษย์ เรายินยอมให้ใครก็ตามกระทำแบบนี้กับเราไม่ได้ และถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว ก็จะยอมให้มันเกิดขึ้นต่อไปอีก ไม่ได้! 


พล.อ.ประยุทธ์ฯ เคยเอารถถังมายึดอำนาจจากประชาชน วันที่ 29 ส.ค. 64  ขอเชิญชวนประชาชนเอารถยนต์ รถจักรยานยนต์ มายึดอำนาจคืนจาก พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่จะอยู่กันไปอีกยาว 10 ปี หรือ 15 ปี หรือมากมายไปกว่านี้ ขอให้หยุดกันตรงนี้หลังจากวันที่ 29 ส.ค. 64 เราจะพบกันในการเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งสำคัญ สำหรับกิจกรรมจะยุติไม่เกิน 18.00 น.โดยจะยุติที่ จ.ปทุมธานี


#ม็อบ29สิงหา #ไล่ประยุทธ์ #CARMOBCALLOUT

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


ประมวลภาพ

















กลุ่มภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องขอให้ตรวจสอบตำรวจ กรณีใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุมบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดง (ม็อบ 20 สิงหา)

 


กลุ่มภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องขอให้ตรวจสอบตำรวจ กรณีใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุมบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดง (ม็อบ 20 สิงหา)


วันนี้ (26 ส.ค. 64) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กลุ่มภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อพลตำรวจเอกสุวัฒน์แจ้งยอดสุขผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ช่วยตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนใช้อาวุธและความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมกลุ่มทะลุแก๊สบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา


ทั้งนี้กลุ่มนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนเห็นว่าก่อนหน้านี้ทางภาคีได้ยื่นหนังสือร้องเรียนตั้งแต่การชุมนุมเมื่อปี 2563 และการชุมนุมหลายครั้งเมื่อในอดีตที่ผ่านมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความระมัดระวัง และลดการใช้ความรุนแรงให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน แต่ที่ผ่านมาเรื่องราวต่างๆก็เงียบหายไป จนกระทั่งล่าสุดทางภาคีได้พบเห็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงเวลาดังกล่าวมีความรุนแรงและอาจละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน จึงรวบรวมรายชื่อและทำหนังสือมายื่นต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ช่วยพิจารณาตรวจสอบกรณีดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุรุนแรงติดต่อหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ และหากมีความผิดจริงก็ขอให้ลงโทษตามหลักกฎหมายและทางวินัยกับตำรวจที่ก่อเหตุ และขอให้เปิดเผยรายชื่อต่อสาธารณชน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำที่เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปอีก และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความระมัดระวังในการใช้กำลังไม่เกินหลักสิทธิมนุษยชนในการชุมนุมครั้งต่อไป


เบื้องต้นตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับหนังสือไว้และจะเรียนให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามขั้นตอน พร้อมทั้งชี้แจงว่าการชุมนุมหลายครั้งที่ผ่านมาที่มีภาพการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกเหตุการณ์และหากพบว่าการกระทำใดที่เกินกว่าเหตุหรือเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดก็จะให้รายงานตามลำดับชั้นเพื่อพิจารณาลงโทษในระดับต่าง ๆ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์





วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

“ทะลุฟ้า” ยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา เรียกร้องให้รัฐสภากลับมารับใช้ประชาชน!

 


“ทะลุฟ้า” ยื่นหนังสือถึงประธานรัฐสภา เรียกร้องให้รัฐสภากลับมารับใช้ประชาชน!


เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 25 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่กลุ่มทะลุฟ้า จะเริ่มกิจกรรมชุมนุม ที่บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา ถนนเกียกกาย ได้มีตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้า จำนวน 5 คน เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และน.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานการเมืองสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้รัฐสภาแห่งนี้กลับมารับใช้ประชาชน ซึ่งรัฐธรรมนูญทุกหมวดทุกมาตราต้องมาจากประชาชน


โดยตัวแทนกลุ่มทะลุฟ้า กล่าวว่า เรามายื่นหนังสือวันนี้อยากฝากไปถึงรัฐสภาว่า รัฐธรรมนูญ ปี 60 ไม่ได้มาจากประชาชน ยืนยันว่าเรามาเคลื่อนไหวทุกวันนี้เพราะความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งเราเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ยืนหยัดในหลักประชาธิปไตย ดังนั้นเราต้องมาส่งคำร้องเพื่อให้รัฐสภาฟังเสียงประชาชนเพื่อให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน


ด้าน นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ตนจะส่งหนังสือดังกล่าวให้กับประธานรัฐสภา โดยรัฐสภาเป็นที่ของประชาชน หากประชาชนมีเรื่องที่ต้องการแสดงความคิดเห็นก็สามารถมาส่งเรื่องที่นี่ได้ หรือผ่านช่องทางต่าง ๆ ซึ่งทางรัฐสภาจะรับเรื่องร้องเรียน และประธานจะมีดำริดำเนินการตามที่ร้องขอ

 

#ม็อบ25สิงหา #ทะลุฟ้า