วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“เชตวัน” เผยคืบหน้า “เปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นสวนสาธารณะ” ทอ.เตรียมจัดให้ “บางส่วน” แบบใช้ร่วมกัน


เชตวัน” เผยคืบหน้า “เปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นสวนสาธารณะ” ทอ.เตรียมจัดให้ “บางส่วน” แบบใช้ร่วมกัน


วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่น หรือย้ายไปอยู่ในสถานที่เหมาะสม ระบุว่า หลายคนอาจถามถึงสิ่งที่ตนเคยพูดเรื่องข้อเสนอ เปลี่ยนสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ วันนี้แม้อาจจะไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เราก็จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในการใช้ประโยชน์ที่ดินของกองทัพ โดย คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่สีเขียวและสวนสุขภาพ กองทัพอากาศ ก็ได้นำเสนอแนวทางปรับปรุงสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ให้เป็นแบบ Mixed-use หรือให้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน


เชตวัน เปิดเผยว่า ในการประชุมของกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพฯ ทางตัวแทนจากกองทัพอากาศก็ได้นำเสนอ “แบบ” ออกมาให้เห็นแล้ว โดยมีพื้นที่ 3 จุดดังภาพ ที่กองทัพอากาศในฐานะเจ้าภาพ จะเข้าไปเปลี่ยนแปลง


จุดที่หนึ่ง ข้างวัดลาดสนุ่น หัวมุมด้านทิศเหนือซึ่งเป็นจุดที่ใช้วางเครื่องจักรและบ้านพักเจ้าหน้าที่ มีการกันที่ดินเพื่อทำเป็นสวนสุขภาพ มีทางเดิน-วิ่ง มีลานจอดรถที่สามารถรับผู้ใช้บริการได้มากถึง 50 คน นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือมี “สนามฟุตซอล” ให้กับน้องๆ เยาวชนด้วย


จุดที่สอง หลังสนามธูปะเตมีย์ติดกับกรมทหารฯ เชื่อมต่อมาทางแนวรั้วด้านถนนลำลูกกา ข้างๆ ปั๊มน้ำมันสวัสดิการกองทัพอากาศ ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่เป็นสวนสุขภาพ


จุดที่สาม พื้นที่ด้านข้างสนามกอล์ฟ ตามแนวรั้วของถนนลำลูกกาซอย 1 จะมีการปรับปรุงทางเดิน-วิ่ง เลนจักรยาน เลียบไปตามแนวรั้วจนเชื่อมกับจุดที่หนึ่ง รวมระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร


นี่คือโครงการที่กองทัพอากาศจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับพี่น้องประชาชน ชาวคูคต -ลำสามแก้ว-ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงในอนาคตอันใกล้นี้ จึงรายงานมาให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบความเคลื่อนไหว ขอบคุณกองทัพอากาศที่เห็นถึงความสำคัญในข้อเสนอของตน รวมถึงก่อนหน้านี้ที่ได้มีการสร้างลานออกกำลังกาย ลานเปตองให้กับประชาชนในพื้นที่“ เชตวัน ระบุ


ทั้งนี้ เชตวันคือหนึ่งในผู้เสนอญัตติการขอใช้ที่ดินราชพัสดุสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ในความครอบครองของกองทัพอากาศ เพื่อใช้เป็นสวนสาธารณะในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และต่อมามีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการจัดทำรายงานผลการศึกษา เตรียมเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน

ศาลอาญาเปิดเหตุผลศาลยกฟ้องทักษิณ ชี้ไม่ได้กล่าวถึงสถาบันฯ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์


ศาลอาญาเปิดเหตุผลศาลยกฟ้องทักษิณ ชี้ไม่ได้กล่าวถึงสถาบันฯ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์


วันนี้ (22 สิงหาคม 2568) เวลา 10.00 น. ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ กรณีกล่าวหาจำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ประเทศเกาหลีได้ เมื่อปี พ.ศ.2558 อันมีลักษณะพาดพิงสถาบัน ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ และยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล


ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ เห็นควรวินิจฉัยก่อนว่า จำเลยเป็นผู้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวตามคลิปวิดีโอ โดยมีเนื้อหาของข้อความตามคำฟ้องหรือไม่


โจทก์มีพยานซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและพยานปากนายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล มาเบิกความยืนยันว่าดูคลิปวิดีโอ แล้วเห็นว่าเป็นการกล่าวถ้อยคำให้สัมภาษณ์จำเลยจริง แม้โจทก์ไม่มีคลิปให้สัมภาษณ์ของจำเลยฉบับเต็มมาเป็นหลักฐาน


แต่เมื่อพยานโจทก์ต่างยืนยันว่าคลิปวิดีโอเป็นคลิปให้สัมภาษณ์ของจำเลยบางช่วงบางตอน และพยานโจทก์เห็นว่าสามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าเป็นการตัดต่อคลิปวิดีโอ ไม่ปรากฏว่าเป็นการตัดต่อในส่วนใดและส่วนไหนไม่ถูกต้องหรือไม่ตรงกับความจริง จึงเป็นการกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้มาสนับสนุนหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ประกอบกับจำเลยยังเบิกความตอบโจทก์ถามค้านรับว่า บุคคลและเสียงในคลิปวิดีโอ เป็นจำเลย พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยให้สัมภาษณ์นักข่าวที่สาธารณรัฐเกาหลี ตามคลิปวิดีโอโดยมีเนื้อหาของข้อความตามคำฟ้อง ไม่ได้เป็นการตัดต่อหรือเสริมแต่งเพื่อใส่ความให้ร้ายจำเลย


ส่วนของข้อความที่จำเลยให้สัมภาษณ์ตามฟ้องนั้นเป็นการพูดหรือแสดงหรือพาดพิงหรือทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการกล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อันมีลักษณะเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์หรือไม่


เห็นว่า ข้อความที่จะถือว่าเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้น จะต้องได้ความว่าการใส่ความนั้นระบุถึงตัวบุคคลผู้ถูกใส่ความ หรือเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่รู้ได้แน่นอนว่าบุคคลที่ถูกใส่ความเป็นใคร หรือหากไม่ระบุถึงผู้ที่ถูกใส่ความโดยตรงการใส่ความนั้นก็ต้องได้ความว่าหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ


ส่วนการดูหมิ่น ต้องพิจารณาว่าถ้อยคำที่กล่าวเป็นการดูถูกเหยียดหยาม หรือสบประมาทผู้ที่ถูกกล่าวถึงขนาดทำให้อับอายหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการดูหมิ่นแล้ว อีกทั้งความผิดฐานหมิ่นประมาทและดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการใช้ข้อความหรือคำพูด ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า เมื่อวิญญูชนโดยทั่วไปได้พบเห็น หรือได้อ่านหรือได้ยินข้อความนั้นแล้ว จะส่งผลให้ผู้ถูกกระทำเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังหรือไม่ เมื่อพิจารณาข้อความหรือถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของจำเลยมิได้ใช้คำว่า "พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9" โดยตรง และไม่ได้ใช้ถ้อยคำสรรพนามที่อ้างถึงบุคคลที่สามโดยมีคำราชาศัพท์หรือถ้อยคำที่สามารถระบุเฉพาะเจาะจงให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด หากแต่ใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 3 ว่า "เขา" เรียกแทนบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือบุคคลอื่นหลายคนรวมกัน และยังมีคำว่า "องคมนตรี" "ทหาร" "Palace Circle" และ "คนในวัง" ล้วนแต่อยู่ในประโยคคำให้สัมภาษณ์ของจำเลย


เห็นว่า พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาที่โจทก์นำมาเป็นพยานเพียงปากเดียว กับพยานบุคคลภายนอกที่โจทก์อ้างมา ล้วนแต่เข้าร่วมชุมนุมขับไล่จำเลยทางการเมือง อันส่อแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้มีอคติต่อจำเลย จึงมีข้อสงสัยถึงความเป็นกลางและต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง พยานบุคคลดังกล่าวของโจทก์จึงไม่อาจแสดงให้เชื่อได้ว่า วิญญูชนทั่วไปจะตีความข้อความที่จำเลยกล่าวไปในลักษณะที่พยานเหล่านั้นเข้าใจ ส่วนพยานที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจของโจทก์ก็ต้องรับฟังด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากพยานเบิกความตอบคำถามค้านสอดคล้องกันว่า ในระหว่างการดำเนินคดีกับจำเลยนั้น


ความจริงพยานต่างเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้องจำเลยได้ เพราะคลิปวิดีโอของกลางไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นต้นฉบับ ทั้งไม่สามารถสืบหาบุคคลที่นำคลิปลงเผยแพร่ในระบบคอมพิวเตอร์ ประกอบกับเมื่อพิจารณาเพจแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ยูทูบ ที่นำคลิปวิดีโอให้สัมภาษณ์ของจำเลยมาเผยแพร่ลงในระบบคอมพิวเตอร์


พบว่าบุคคลที่นำมาเผยแพร่ซึ่งเป็นคนที่ได้รับฟังคลิปวิดีโอมาตั้งแต่แรก ล้วนเข้าใจตรงกันว่าจำเลยให้สัมภาษณ์โจมตีการยึดอำนาจและรัฐประหาร โดยพาดพิงถึงนายสุเทพกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และองคมนตรีเท่านั้น


ไม่ได้เข้าใจว่าถ้อยคำให้สัมภาษณ์นั้นจะพาดพิงหรือสื่อความหมายหรืออ้างว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร พยานหลักฐานทั้งหมดที่โจทก์นำสืบมา จึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยกล่าวข้อความตามคำฟ้องโดยเจตนาหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 หรือเมื่อวิญญูชนทั่วไปได้พบเห็นหรืออ่านข้อความที่จำเลยกล่าวแล้วจะเข้าใจได้ว่าหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9


ในขณะที่การสืบพยานหลักฐานของโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ตามฟ้อง


สำหรับข้อหาร่วมกันแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 โจทก์กล่าวอ้างในคำฟ้องแต่มิได้นำพยานหลักฐานใดๆ มานำสืบเกี่ยวกับข้อหานี้เลย จึงรับฟังไม่ได้


สำหรับความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ เห็นว่า เมื่อพยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่า คำให้สัมภาษณ์ของจำเลยเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ จำเลยจึงไม่มีความผิดในข้อหานี้

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #มาตรา112 #ทักษิณชินวัตร


 

"หวยเกษียณ" ผนึก "TrueMoney – AIS – ShopeePay" ขยายช่องทางซื้อสลาก เปิดบัญชี เช็คยอดออม และตรวจรางวัล

 


"หวยเกษียณ" ผนึก "TrueMoney – AIS – ShopeePay" ขยายช่องทางซื้อสลาก เปิดบัญชี เช็คยอดออม และตรวจรางวัล


วันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่กระทรวงการคลัง กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดแถลงข่าวเปิดตัวความร่วมมือกับ 3 แพลตฟอร์มดิจิทัลชั้นนำของไทย ได้แก่ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อยกระดับการออมของคนไทยเข้าสู่โลกดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมทำให้การเปิดบัญชีและซื้อ “สลาก กอช.” หรือ “หวยเกษียณ” ผ่านมือถือผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล TrueMoney, myAIS และ ShopeePay เพิ่มเติมจากแอปพลิเคชัน กอช.


ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้การออมผ่านการเปิดบัญชีและซื้อ “หวยเกษียณ” ได้อย่างกว้างขวางและเข้าถึงพี่น้องประชาชน ตนยินดีที่วันนี้มีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลมาร่วมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญนี้ไปด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นคงยามเกษียณให้กับพี่น้องประชาชน โดยความร่วมมือในวันนี้จะนำไปสู่การพัฒนาให้พี่น้องประชาชนที่ต้องการซื้อหวยเกษียณสามารถเปิดบัญชี ซื้อสลาก เช็คยอดเงิน และตรวจรางวัล ผ่านแอปพลิเคชัน กอช., TrueMoney, myAIS และ ShopeePay ผ่านโทรศัพท์มือถือ ทำให้การออมกลายเป็นเรื่องเข้าถึงง่าย และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลในปัจจุบัน โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลจะช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการทางการเงิน ลดความเหลื่อมล้ำ และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยุคดิจิทัล ความร่วมมือนี้ยังช่วยให้คนไทยเข้าถึงการออมตั้งแต่วันนี้เพื่ออนาคตที่มั่นคงในยามเกษียณ


นอกจากนั้น ต้นเดือน ก.ย. เราจะเปิดตัวช่องทางการเปิดบัญชีและซื้อ “สลาก กอช.” หรือ “หวยเกษียณ” สำหรับผู้ไม่มีโทรศัพท์มือถือ และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมอีกด้วย โปรดรอติดตาม


นายศุภวิทย์ หงส์อมรสิน กรรมการผู้จัดการบริษัท ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า“ShopeePay รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมือกับ กอช. และพันธมิตรดิจิทัลชั้นนำ เพื่อขยายช่องทางการออมของคนไทยผ่านโครงการสลาก กอช. เราเชื่อว่าการออมควรเป็นเรื่องง่าย เข้าถึงได้ และสอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคดิจิทัล


ความร่วมมือนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถออมเงินได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งมีโอกาสลุ้นรางวัลใหญ่ทุกสัปดาห์ เรามุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีของ ShopeePay เชื่อมต่อบริการทางการเงินกับผู้คนทุกกลุ่ม เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมและสนับสนุนการออมระยะยาวอย่างยั่งยืน เราเชื่อว่า หวยเกษียณ จะไม่เพียงทำให้การออมสนุกขึ้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนไทยทุกคน”


นายรัชชานนท์ ชินพัณณ์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ทรูมันนี่มีความตั้งใจที่จะเปิดตัว “หวยเกษียณ” ร่วมกับ กอช. ในเฟสแรก โดยจะเปิดให้ลูกค้าสามารถสมัครเปิดบัญชีเพื่อรอซื้อสลากได้ตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ได้ออกแบบ User Journey โดยคำนึงถึงความสะดวกและความรวดเร็วในการสมัครใช้งานเป็นหลัก นอกจากนี้ ทรูมันนี่ยังมีแผนจัดทำ แคมเปญโปรโมชันเพื่อส่งเสริมการออม ควบคู่ไปกับการสื่อสารสร้างการรับรู้ รวมถึง แผนความร่วมมือกับ กอช. ในการทำสื่อออนไลน์และแคมเปญต่างๆ อย่างต่อเนื่องในอนาคต อีกทั้งยังเตรียมเดินหน้าพัฒนา ฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในระยะยาว ที่ผ่านมา ทรูมันนี่ได้ให้บริการ กอช. แก่กลุ่มนักเรียนและผู้ประกอบอาชีพอิสระมาตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงปัจจุบันมียอดเงินฝากรวมกว่า 120 ล้านบาท โดยในปัจจุบันยอดสมัครบัญชีใหม่ช่องทางออนไลน์ของ กอช. มากกว่า 50% มาจากทรูมันนี่ เรารู้สึกยินดีที่วันนี้มีผู้ให้บริการรายใหม่ๆ มาร่วมขับเคลื่อนภารกิจสำคัญนี้ไปด้วยกัน เพื่อทำให้คนไทยทุกคนสามารถเริ่มออมได้ง่ายขึ้น และเตรียมพร้อมสู่ชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคง”


นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เอไอเอส ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายอัจฉริยะ เรามุ่งยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทย ควบคู่กับการสนับสนุนการเข้าถึงบริการภาครัฐ โดยเฉพาะการออมเงินกับ กอช. ที่เราได้ร่วมขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางการสมัครสมาชิก เช็กยอด และส่งเงินออมได้สะดวกบนสมาร์ทโฟน ผ่านแอปพลิเคชัน myAIS ทำให้การออมเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา และช่วยสร้างหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงในระยะยาวเพื่อสอดรับกับยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และการเสริมสร้าง Digital Financial Literacy เอไอเอสจึงพัฒนา myAIS ให้เป็นศูนย์กลางด้านการเงินดิจิทัล พร้อมต่อยอดสู่บริการใหม่อย่างการจำหน่าย สลาก กอช. หรือ หวยเกษียณ ในช่วงปลายปี ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่พลิกพฤติกรรมการลุ้นโชคของคนไทย ให้กลายเป็นแรงจูงใจในการออมอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน”


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #หวยเกษียณ




ศาลอาญา ยกฟ้อง "ทักษิณ ชินวัตร" คดี มาตรา 112 - พ.ร.บ.คอมฯ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ ปี 2558 ชี้โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคลิปสัมภาษณ์ตัดต่อหรือไม่


ศาลอาญา ยกฟ้อง "ทักษิณ ชินวัตร" คดี มาตรา 112 - พ.ร.บ.คอมฯ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ ปี 2558 ชี้โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคลิปสัมภาษณ์ตัดต่อหรือไม่


วันนี้ (22 สิงหาคม 2568) ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาในคดีดูหมิ่นสถาบันฯ หมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 จากกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเมื่อปี 2558 ซึ่งนายทักษิณ เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง


โดย ศาลมีคำวินิจฉัยว่า การทำคลิปให้สัมภาษณ์เป็นเพียงการนำบางส่วนของคำให้สัมภาษณ์ซึ่งมีถ้อยคำที่จำกัดมาใช้ประกอบเป็นหลักฐาน ซึ่งศาลเชื่อว่ามีคำสัมภาษณ์จริงที่มากกว่านี้ และคลิปที่มีมาเป็นเพียงบางส่วน โดยโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคลิปตัดต่อหรือไม่ และคำพูดของจำเลยไม่ได้เจาะจงถึงพระมหากษัตริย์ จึงยกผลประโยชน์ให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง


ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้อัยการจะอุทธรณ์หรือไม่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ระบุว่า การจะอุทธรณ์ต้องมีความผิดที่เข้าข่ายตามข้อกฎหมายซึ่งกรณีนี้มองว่าข้อเท็จจริงที่ศาลยกฟ้องค่อนข้างครบถ้วน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะอุทธรณ์หรือไม่


โดยหลังฟังคำตัดสินนายทักษิณมีอาการยิ้มและรู้สึกดีใจ พร้อมระบุว่าหลังจากนี้จะได้มีเวลาทำเพื่องานชาติได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากฟังคำพิพากษาแล้วเสร็จนายทักษิณได้เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด


ทั้งนี้พบว่ากลุ่มคนสวมเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้มายืนรอส่งนายทักษิณที่บริเวณประตูทางออกของศาล เมื่อรถของนายทักษิณเคลื่อนผ่าน ก็ได้ส่งเสียงร้องแสดงความดีใจและโบกมือทักทายนายทักษิณ

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #มาตรา112 #ทักษิณชินวัตร












“ทักษิณ” เดินทางถึงศาล ฟังคำตัดสิน คดี 112 "พินทองทา" เดินทางมาให้กำลังใจ ขณะที่ทนายวิญญัติ เชื่อต่อสู้มาถูกทางแล้ว เจ้าตัวยืนยันคลิปถูกตัดต่อ

 


“ทักษิณ” เดินทางถึงศาล ฟังคำตัดสิน คดี 112 "พินทองทา" เดินทางมาให้กำลังใจ ขณะที่ทนายวิญญัติ เชื่อต่อสู้มาถูกทางแล้ว เจ้าตัวยืนยันคลิปถูกตัดต่อ


วันนี้ (22 สิงหาคม 2568) ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จากการคำให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อเดือน พ.ค.2558 ในเวลา 10.00 น.


โดยเวลา 09.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางถึงศาลอาญา รัชดา โบกมือ ทักทายสื่อมวลชน โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เดินทางมาถึงศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยมี นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาว เดินทางมาในวันนี้ด้วย


ทั้งนี้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้


ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดี ม.112 ของนายทักษิณ โดยยืนยันว่า นายทักษิณจะเข้ารับฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และตามสัญญาประกันจะต้องมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และประสงค์ที่จะเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีทุกนัด และในฐานะทนายความยังกล่าวถึงความมั่นใจพยานที่นำเข้าสู่ชั้นศาลการไต่สวน แต่ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในผลของคดีว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้ศาลมีคำพิพากษาออกมาก่อน


ทนายวิญญัติ กล่าวต่อว่า "หลังจากรับทำคดีนี้และเห็นพยานหลักฐานตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน มีความชัดเจน และในการสืบพยานโจทก์สามนัด ก็ยิ่งชัดเจนว่าเรามาถูกทางแล้ว เพราะการต่อสู้คดีอาญาต้องดูพยานหลักฐานของโจทก์ และผู้กล่าวหาเป็นหลัก รวมถึงดูเจตนาของจำเลยด้วย และพยานหลักฐานที่เราได้นำขึ้นพิสูจน์ต่อศาลตั้งแต่ต้น ซึ่งนายทักษิณก็ยืนยันแล้วว่าไม่ได้เจตนา ความจงรักภักดีของท่านมีอย่างชัดเจน และประจักษ์ชัด เหตุดังกล่าวนี้ท่านก็บอกแล้วว่า ไม่ได้มาจากคำพูดของท่านอย่างถูกต้อง และท่านเชื่อว่าเป็นการตัดต่อ ซึ่งเราก็พยายามพิสูจน์ แต่เมื่อจำเลยปฏิเสธ โจทก์ก็ต้องพิสูจน์ว่าไม่ใช่การตัดต่ออย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำได้หรือไม่ได้"


นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ในคดีนี้ฝ่ายโจทก์สืบพยาน 10 ปาก และฝ่ายจำเลยสืบพยาน 3 ปาก โดยหลักฐานที่ฝ่ายจำเลยนำขึ้นพิสูจน์นั้น จะเป็นเรื่องของตัวบุคคลเป็นหลัก รวมถึงข้อเท็จจริงในอดีต ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สร้างขึ้น เชื่อว่าเมื่อศาลเห็นก็จะสามารถหยิบไปประกอบคำวินิจฉัยได้ แต่การจะนำมาพูดและจะดีหรือไม่ดีตรงหรือไม่ตรง ต้องขออนุญาตยังไม่พูด ต้องรอฟังคำพิพากษาก่อน


นายวิญญัติ เปิดเผยว่า จากที่ได้คุยกันมาทักษิณยืนยันที่จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง และย้ำไม่ว่าผลพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไร พร้อมน้อมรับ แต่ถ้าหากออกมาเป็นทางบวก ก็จะออกมาเปิดเผยรายละเอียดการต่อสู้ทางคดีให้รับทราบ


นายวิญญัติ กล่าวทิ้งท้ายว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เทียบกับกรณีของนายทักษิณที่ถูกนำคลิปมา เมื่อเสนอข่าวสารไปแล้วผิดถูกตอนแรกยังไม่มีใครพิสูจน์ความจริง ดังนั้นการขยายให้เกิดความเข้าใจผิดหรือการบิดเบือนเป็นเรื่องที่สังคมควรจะระมัดระวัง ไม่ได้พูดถึงเพียงสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ทุกคนควรที่จะระมัดระวังเพราะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และพวกท่านก็อาจจะถูกดำเนินคดีด้วย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทักษิณชินวัตร #มาตรา112






จับตา 10.00 น. วันนี้ ศาลอาญา พิพากษาคดี ม.112 ของ "ทักษิณ" พร้อมคุมเข้มมาตรการสื่อ และห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟัง ขณะที่ กลุ่มมวลชนสวมเสื้อแดงทยอยมาให้กำลังใจ

 


จับตา 10.00 น. วันนี้ ศาลอาญา พิพากษาคดี ม.112 ของ "ทักษิณ" พร้อมคุมเข้มมาตรการสื่อ และห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟัง ขณะที่ กลุ่มมวลชนสวมเสื้อแดงทยอยมาให้กำลังใจ


วันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1860/2567 ซึ่งเป็นคดีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยหลังถูกพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 โดยศาลจะนัดฟังพิพากษาในเวลา 10.00 น.ซึ่งนายทักษิณจะต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง


ทั้งนี้ ศาลอาญาได้ออกข้อกำหนดให้สื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวต้องทำใบอนุญาตขอทำข่าวในพื้นที่ศาลอาญา รวมทั้งต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการอนุญาตให้เก็บภาพและสัมภาษณ์ได้เฉพาะบริเวณบันไดทางขึ้นศาลหรือพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนเท่านั้น ต้องติดบัตรสื่อมวลชนชั่วคราวของศาลตลอดเวลา ที่สำคัญคือการนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ เป็นการพิจารณาคดีแบบลับ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเข้าห้องพิจารณาคดีเป็นอันขาด


โดยบรรยากาศขณะนี้ 8.30 น.กองทัพสื่อมวลชนปักหลักรอทำข่าวและมวลชนสวมเสื้อสีแดงทยอยเข้ามาบริเวณศาลเพื่อรอให้กำลังใจ

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทักษิณชินวัตร #มาตรา112



วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568

“ณัฐชา” ไล่บี้ต่อ! 19 จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ต้องเร่งสำรวจและประกาศเขตภัยพิบัติช่วยเหลือเกษตรกรทันที

 


“ณัฐชา” ไล่บี้ต่อ! 19 จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ต้องเร่งสำรวจและประกาศเขตภัยพิบัติช่วยเหลือเกษตรกรทันที


วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน เปิดเผยถึงการติดตามปัญหาการแพร่ระบาดของ “ปลาหมอคางดำ” ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ โดยระบุว่า หลังจากที่ได้ผลักดันและย้ำต่อรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีความคืบหน้าสำคัญ เมื่อกรมบัญชีกลางได้ออกหนังสือชี้แจงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ให้สามารถดำเนินการสำรวจความเสียหายและประกาศเป็น “เขตภัยพิบัติ” เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรได้รับการช่วยเหลือตามระเบียบราชการได้ทันที


“นี่ถือเป็นก้าวสำคัญ แต่ยังไม่เพียงพอ หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังทำเพียงออกหนังสือชี้แจงโดยไม่มีการติดตามผลอย่างจริงจัง ผมจึงขอย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด ว่าจะต้องเร่งสำรวจความเสียหายและประกาศเขตภัยพิบัติโดยด่วนตามแนวทางที่กรมบัญชีกลางได้ชี้แจง เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือได้ทันที ไม่ใช่ปล่อยให้รอคอยไปวัน ๆ จนความเดือดร้อนบานปลาย”


นอกจากนี้ ณัฐชายังได้กล่าวขอบคุณ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยในชั้นคณะกรรมาธิการ นพ.วาโยได้มีบทบาทสำคัญ ทั้งการผลักดันให้ประเด็นปลาหมอคางดำถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง รวมถึงการทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดให้เกิดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม


ขณะเดียวกัน สส.ณัฐชา ยังได้วิจารณ์ถึงมาตรการแก้ปัญหาของ กรมประมง ว่า “ไร้ทิศทาง และสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาล” โดยชี้ว่า ที่ผ่านมา กรมประมงอ้างการรับซื้อปลาหมอคางดำกว่า 3 ล้านกิโลกรัม และเพิ่งขยายโควตาเพิ่มอีก 554,000 กิโลกรัม ใน 6 จังหวัด ใช้งบประมาณที่ครม. อนุมัติไปแล้วกว่า 450 ล้านบาท แถมล่าสุดยังมีการใช้งบกลางเร่งด่วนเกือบ 100 ล้านบาท แต่สิ่งที่สังคมและสื่อมวลชนตั้งคำถามก็คือ กระบวนการเหล่านี้โปร่งใสหรือไม่ เบิกจ่ายไปแล้วเท่าไหร่ และที่สำคัญคือจะต้องใช้งบภาษีประชาชนมาซื้อปลา “ซ้ำ ๆ ทุกปี” ไปจนถึงเมื่อไหร่?


“ทุกวันนี้เราเห็นแต่ภาพการรับซื้อปลา แต่ไม่เห็นแม้แต่เงา ‘แผนแก้ปัญหาระยะยาว’ ทั้ง ๆ ที่งบประมาณถูกเทลงไปมหาศาล ขนาดพารัฐมนตรีช่วยฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ สุดท้ายเจอปลาหมอคางดำเพียงตัวเดียว ทั้งที่ชาวบ้านร้องว่าในแหล่งน้ำมีเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าการทำงานของหน่วยงานรัฐเป็นแค่ ‘การโรยผักชี’ เอาหน้าสื่อ แต่ไม่เคยจับต้องความจริงและความเดือดร้อนของเกษตรกรเลย” 


ทั้งนี้ ณัฐชายืนยันว่าจะทำหน้าที่ติดตามและกดดันต่อไป เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เพียงแค่ “ออกหนังสือบนกระดาษ” หรือ “สร้างภาพเพื่อเอาหน้า” แต่ต้องลงมือปฏิบัติจริง พร้อมทั้งวางแผนการแก้ไขระยะยาว ทั้งด้านระบบนิเวศ การควบคุมการแพร่พันธุ์ และการชดเชยความเสียหายแก่เกษตรกรอย่างเป็นธรรม


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #ปลาหมอคางดำ