วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568

"เท้ง" ย้ำ ! ไม่มีสมการ "ปชน." ร่วม "ภท" ดัน "อนุทิน" นั่งนายกฯแน่ เหน็บพรรคร่วมฯต่อรองเก้าอี้ มากกว่าแก้ปัญหาประเทศ บอกสมควรแล้ว‘แพทองธาร’ลงพื้นที่อุบลฯ ย้ำรัฐบาลพลเรือนต้องอยู่เหนือกองทัพ

 


"เท้ง" ย้ำ ! ไม่มีสมการ "ปชน." ร่วม "ภท" ดัน "อนุทิน" นั่งนายกฯแน่ เหน็บพรรคร่วมฯต่อรองเก้าอี้ มากกว่าแก้ปัญหาประเทศ บอกสมควรแล้ว‘แพทองธาร’ลงพื้นที่อุบลฯ ย้ำรัฐบาลพลเรือนต้องอยู่เหนือกองทัพ


วันที่ 20 มิ.ย.68 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ถึงทางออกของรัฐบาลภายหลังมีคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่า


จากหน้ากระดานที่เป็นอยู่ ตัวนายกรัฐมนตรีสูญเสียความเชื่อมั่นไปแล้ว และการลาออกคงไม่ใช่ทางเลือกด้วยสมการที่เป็นอยู่ ตนคิดว่าประชาชนขาดความเชื่อมั่นไปแล้ว ทางออกเดียวคือการยุบสภา จากบัญชีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ ตนเชื่อว่าเลือกมาแล้ว ก็ไม่สามารถกาทางออกให้กับประเทศได้ ปัญหาสำคัญเช่นการปฏิรูปกองทัพ การแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงเรื่องอื่นๆ การรวมตัวกันของรัฐบาลที่เหลืออยู่คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้


นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น กับพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้คงต่อรองเก้าอี้กรัฐมนตรีให้ได้มากที่สุด เห็นจากการสื่อสารเมื่อวานนี้ ที่บอกว่าต้องไปคุยกับนายกรัฐมนตรี คงจะเป็นเรื่องนี้มากกว่าการเอาประเด็นปัญหาของประเทศเป็นหลัก เป็นสิ่งที่พวกเราเป็นห่วง จึงนำมาสู่ข้อเรียกร้องว่าการลาออกไม่ใช่ทางออกของประเทศ


ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่ารัฐบาลจะอยู่ครบเทอม นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกว่าตอนนี้ยังเกาะกลุ่มรวมตัวกันได้อยู่ ถึงจะไปได้ ก็เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่มีสภาพแบบนี้มากขึ้นเท่าไหร่ และหากยิ่งทอดเวลาให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ มากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำลายความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนอีกหลายคน


เมื่อถามว่าเปิดสมัยประชุมสภาฯ มาแล้ว จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องรอดู พรรคฝ่ายค้านก็พร้อมที่จะทำหน้าที่กลไกตรวจสอบอย่างเต็มที่ เพื่อกดดันนายกฯ ให้ยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน


ส่วนหากรัฐบาลรวมกันไม่ได้ พรรคประชาชน จะรวมกับพรรคภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลและเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีชื่อเป็นแคนดิเดต เป็นนายกฯหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ เรายืนยันมาโดยตลอดว่าในหน้ากระดานที่เป็นอยู่ เราไม่สามารถสนับสนุนให้ใครก็ตามมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้ต่อ ณ ตอนนี้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ จึงยืนยันในจุดยืนเดิมว่าเราอยู่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน


เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับการที่รัฐบาลบอกให้รักและสามัคคีกันในสถานการณ์แบบนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องความสามัคคีตนคิดว่าเป็นเรื่องต้องมีอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้ใช้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ที่มีความขัดแย้งระหว่างประเทศ การเมืองภายในประเทศ อาศัยเป็นจุดช่วงชิงใช้กระแสชาตินิยมมาเรียกร้อง ให้ใช้อำนาจนอกระบบ


เมื่อถามว่า นายกฯจะลงพื้นที่จ.อุบลราชธานี เพื่อทำภารกิจกับแม่ทัพภาคที่ 2 จะสยบรอยร้าวได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่นายกฯสมควรทำอยู่แล้ว ต้องพยายามให้รัฐบาลพลเรือนอยู่เหนือกองทัพ และมีบทบาทนำกองทัพ ตนคาดหวังว่านายกฯจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อเรียกร้องความเชื่อมั่นกลับคืนมา


เมื่อถามว่า ในช่วงที่มีการชุมนุมตอนนี้จะมีสิ่งเร้าให้เกิดการเล่นนอกกติกาหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าประชาชนอยากให้เปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ แต่การเปลี่ยนตัวมีหลายช่องทาง ช่องทางที่เราไม่เห็นด้วย และไม่อยากให้เกิดมากที่สุด คือการเรียกร้องให้เกิดอำนาจนอกระบบจนเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร ช่องทางอื่นยังมีเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยสมการการเมืองยังไม่เปลี่ยน ได้รัฐบาลคล้ายเดิม เพียงแต่หัวผู้นำประเทศ แต่ไม่สามารถพลักดันแก้ไขปัญหาประเทศได้ หากประชาชนต้องการทางออกจริงๆ ตนคิดว่าการเลือกตั้งใหม่ ให้เสียงของประชาชนเป็นผู้กำหนดอนาคตประเทศจะเป็นทางออกที่ถูกต้องที่สุด


ส่วนได้คุยกับฝ่ายค้านกลุ่มใหม่ที่จะมีอยู่ร่วมกันแล้วหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ได้มีการนัดเฉพาะกิจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ซึ่งฝ่ายค้านในสภาฯก็มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่ถ้าหมายถึงพรรคภูมิใจไทยที่เข้ามาล่าสุด ส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุยใดๆอย่างเป็นทางการ


เมื่อถามว่า หากรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำอาจจะมีการซื้องูเห่าเพิ่ม ได้เน้นย้ำคนในพรรคประชาชนหหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีความจำเป็นต้องเน้นย้ำใดๆ ตนมั่นใจในเพื่อนร่วมพรรค


เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้มีฝั่งรัฐบาลระบุว่ามีงูเห่าฝากเลี้ยงไว้ในพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเคยสื่อสารไปแล้ว ว่าหากใครมีก็ตาม ให้เปิดชื่อออกมา เพื่อความเป็นธรรมกับทุกคน เจ้าตัวจะได้ออกมาชี้แจง แต่โดยส่วนตัวตนเชื่อมั่นในเพื่อนร่วมพรรคทุกคน พร้อมย้ำว่าไม่มีแน่นอน ส่วนจะมีการคาดโทษหรือไม่หากไม่มาร่วมโหวตในสภาฯ ตนคิดว่าทุกการลงมติเป็นหน้าที่ของสส.อยู่แล้ว ซึ่งอาจจะมีการเจ็บป่วยบ้าง แต่ตนเชื่อว่าเพื่อนสส.ทุกคนพร้อมทำหน้าที่ ที่ผ่านมามีหลายคนเข้าโรงพยาบาลไปรักษาตัวบ้าง เพราะฉะนั้น เสียงที่คาดหายไปไม่ได้อยู่ที่งูเห่าเสมอไป


เมื่อถามว่าหากพรรครวมไทยสร้างชาติจะเปลี่ยนตัวนายกฯเป็น นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย และหากรัฐบาลไม่ตอบรับจะเป็นอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องดูสมการ ณ ตอนนี้ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย คือ 2 ใน 3 ต้องรวมตัวกันได้ถึงจะได้เสียงข้างมากเดินหน้าต่อ แต่จุดยืนของพรรคประชาชน ชัดเจนว่าเราไม่ร่วมรัฐบาล ฉะนั้น สภาพที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกมา จึงเกิดสภาพรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ตนคิดว่าเป็นวิ่งที่ต้องติดตามดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พรรคประชาชน #รัฐบาลแพทองธาร

นายกฯ ห่วงความปลอดภัยประชาชนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยัน รัฐบาลและทุกภาคส่วน จะปกป้องชีวิตประชาชนและรักษาอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลัง

 


นายกฯ ห่วงความปลอดภัยประชาชนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยัน รัฐบาลและทุกภาคส่วน จะปกป้องชีวิตประชาชนและรักษาอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลัง


วันนี้ (20 มิถุนายน 2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ความว่า


ชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สำคัญที่สุด


ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ เราทุกภาคส่วนโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานความมั่นคง พร้อมทำงานอย่างต่อเนื่องในการเตรียมความพร้อม พิทักษ์รักษาพื้นที่ทั้งส่วนหน้าและส่วนหลังไว้ทุกจุด เพื่อความปลอดภัยและปกติสุขของพี่น้องประชาชนค่ะ


วันนี้มีการประชุมติดตามการรับมือกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 7 จังหวัดชายแดน ซึ่งเป็นการติดตามต่อจากครั้งที่ดิฉันได้ไปตรวจเยี่ยมจังหวัดสุรินทร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว


เรื่องที่ต้องเน้นย้ำคือการเตรียมความพร้อมด้านความปลอดภัยให้รอบด้าน ทั้งเรื่องโรงพยาบาลภาคสนาม โรงพยาบาลประจำอำเภอ และเครือข่ายการช่วยเหลือประชาชนด้านต่างๆ โดยเฉพาะหลุมหลบภัยที่อยากให้จัดทำอย่างคำนึงถึงการใช้งานได้จริง รวมถึงหลังจากนี้ในระยะยาว ขอให้พิจารณาให้นักเรียน เยาวชนในพื้นที่ทุกคน ต้องได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานการเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร เรียนรู้โดยไม่ต้องคำนึงว่าเราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ แต่ให้เป็นทักษะพื้นฐานติดตัวค่ะ


ในกรณีที่มีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องใช้งบประมาณ ดิฉันขอให้ทุกหน่วยงานเร่งจัดทำรายละเอียดตามความเหมาะสมและเร่งด่วน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะประโยชน์สูงสุดคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน


ดิฉันขอยืนยันว่า รัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานความมั่นคง จะร่วมกันทำงานอย่างเข้มแข็ง เพื่อปกป้องชีวิตของประชาชน และรักษาอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลังค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #แพทองธารชินวัตร #ชายแดนไทยกัมพูชา

#ประชาธิปัตย์ ออกแถลงการณ์ 💥ไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนอกกติกาประชาธิปไตย❗ยัน "ดำรงสถานะพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป" แต่ขอรัฐบาลทบทวนท่าทีต่อ 'กัมพูชา' อย่างจริงจัง และตระหนักเสียงสะท้อนประชาชน

 


#ประชาธิปัตย์ ออกแถลงการณ์ 💥ไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนอกกติกาประชาธิปไตย❗ยัน "ดำรงสถานะพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป" แต่ขอรัฐบาลทบทวนท่าทีต่อ 'กัมพูชา' อย่างจริงจัง และตระหนักเสียงสะท้อนประชาชน


ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้หารือและพิจารณาร่วมกัน เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 19 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ มีความเห็นเป็นฉันทามติร่วมกัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้


 1) พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันที่จะดำรงสถานะพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของประเทศที่เผชิญอยู่ได้รับการคลี่คลายอย่างต่อเนื่องต่อไป


 2) พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้อง ให้รัฐบาลทบทวนบทบาท และท่าทีต่อปัญหาความสัมพันธ์กับประเทศกัมพูชา อย่างจริงจัง เพื่อรักษาไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตย เกียรติภูมิ และผลประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย และประชาชนไทย โดยจะต้องแสดงออกให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด


3) พรรคประชาธิปัตย์ตระหนักถึง เสียงสะท้อนของประชาชนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกมิติ รัฐบาลจะต้องใส่ใจ ยอมรับความคิดเห็นที่หลากหลาย พร้อมเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจของคนในชาติ สามารถฟันฝ่าทุกปัญหาอุปสรรคนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปได้


4) พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ในระบบรัฐสภา ไม่สนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆ ที่นอกเหนือกติกาประชาธิปไตย และบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ


พรรคประชาธิปัตย์

19 มิถุนายน 2568


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

‘บิ๊กเล็ก’ ชี้ คลิปเสียงนายกฯ คุย ฮุน เซน หวัง ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกทั้งรัง เชื่อ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ขอทุกฝ่าย ยึดถือผลประโยชน์ประเทศชาติฝ่าวิกฤตครั้งนี้

 


‘บิ๊กเล็ก’ ชี้ คลิปเสียงนายกฯ คุย ฮุน เซน หวัง ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกทั้งรัง เชื่อ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ขอทุกฝ่าย ยึดถือผลประโยชน์ประเทศชาติฝ่าวิกฤตครั้งนี้ 


วันที่ 19 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ ศูนย์เฉพาะกิจไทย-กัมพูชา ได้มีการโพสต์ข้อความของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า 


ในการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 68 ดังนี้


เรียน ท่านหัวหน้าหน่วยงาน ผู้บริหารระดับสูง และเจ้าหน้าที่ของ “ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (Team Thailand) ทุกท่าน


ในช่วงเวลา 4–5 เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เปราะบางและท้าทายตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแต่ท้าทายอธิปไตยของชาติ หากยังทดสอบความพร้อมของเรา ในฐานะคนไทย ที่ต้องยืนหยัดอย่างมั่นคง ด้วยสติ ปัญญา และความสามัคคี


รัฐบาลจึงมีมติให้จัดตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา” หรือ “Team Thailand” ขึ้น โดยมอบหมายให้ผมทำหน้าที่หัวหน้าทีม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ คณะผู้บริหารระดับสูง จากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและจำเป็น เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ และทำหน้าที่บูรณาการและขับเคลื่อนส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าวให้กลับมาสู่ความสงบสุขโดยเร็ว และอย่างมีศักดิ์ศรี


วานนี้ ประเทศของเราต้องเผชิญกับอุบัติการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีใครคาดคิด คลิปเสียงการสนทนาระหว่างผู้นำระดับสูงของไทยและกัมพูชา ถูกเผยแพร่ออกมาโดยเจตนาหวังผลร้ายต่อประเทศไทย อย่างแน่นอน


แต่ผมขอเรียนอย่างหนักแน่นว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการที่ซับซ้อน มีเป้าหมายที่ลึกซึ้งและแยบยลจากฝ่ายตรงข้าม การปล่อยคลิปเสียงในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการหวังผลทางการทูต แต่เป็นการ “ยิงกระสุนนัดเดียว เพื่อหวังจะได้นกทั้งรัง” และเราจะไม่ยอมให้เขาสมหวัง เป็นอันขาด


ในส่วนของการเมือง ผมขอไม่กล่าวถึง ให้เป็นไปตามกลไกการเมืองที่เหมาะสม แต่ในส่วนของ “Team Thailand” ผมขอยืนยันว่าศูนย์เฉพาะกิจนี้ หรือทีมงานนี้ เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับเหตุไม่คาดฝัน อย่างวันนี้ และจะต้องเดินหน้าต่อไป


นาทีนี้ เราต้องมองไปข้างหน้า มองไปที่ประชาชน มองไปยังชายแดนที่ร้อนระอุ และถามตัวเราเองว่า…เราจะทำอย่างไร ให้แผ่นดินนี้มีแต่ความสงบสุข มีความสามัคคี มีความร่มเย็น บริเวณชายแดนมีความสงบเรียบร้อย และประชาชนปลอดภัย สามารถดำรงชีวิตประจำวันอย่างสงบสุข เช่นเดิม


ผมขอวิงวอนให้ทุกท่านร่วมใจกัน “บูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น“ ...”ติดตาม ให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนงานระยะยาว” ให้ความสำคัญสูงสุดกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของแผ่นดิน ด้วยหลัก “รอบคอบ รอบด้าน ใช้สติ สร้างสันติ” โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง


ผมกราบขอความกรุณาจากทุกท่าน ในการที่จะเสียสละทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ฝ่าฟันวิกฤติชาติครั้งนี้ไปให้ได้


ขอให้เราทำงานด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถกแถลงกันด้วยเหตุผล ด้วยความอดทนอดกลั้น และยืนหยัดบนหลักการแห่งความร่วมมือร่วมใจ ผนึกกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่หวั่นไหวต่อการยั่วยุ และไม่ปล่อยให้ความแตกแยกทางอุดมการณ์ความคิด มาบั่นทอนความเป็นหนึ่งเดียวของเรา


แม้วันหนึ่งข้างหน้า ผมจะไม่ได้อยู่ ณ จุดนี้ แต่ผมขอฝากใจของผมไว้กับทุกท่าน ขอฝากประเทศไทยไว้ในมือของคนกล้าคิด กล้าทำ กล้าร่วมกันรักษาแผ่นดินนี้ อย่างสง่างาม


ขอขอบพระคุณทุกท่านจากใจจริงครับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หัวหน้าทีมประเทศไทย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #TeamThailand #ชายแดนไทยกัมพูชา #รัฐบาลแพทองธาร #คลิปเสียงนายก #ฮุนเซน




วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568

“ภูมิธรรม” แจง “นายกฯ” ขอโทษ ประชาชนแล้ว ถือว่าจบ ยันกองทัพเข้าใจนายกฯ ให้คำมั่นไม่มีรัฐประหาร เชื่อพรรคร่วมฯ ไม่ปล่อยมือ-เสียงพอไม่ต้องหาเพิ่ม มั่นใจอยู่ครบเทอม อัด “ภูมิใจไทย” ขยี้ปมกัมพูชาตอนนี้ไม่เหมาะ อ้างรู้กระบวนการตั้งแต่ต้น

 


“ภูมิธรรม” แจง “นายกฯ” ขอโทษ ประชาชนแล้ว ถือว่าจบ ยันกองทัพเข้าใจนายกฯ ให้คำมั่นไม่มีรัฐประหาร เชื่อพรรคร่วมฯ ไม่ปล่อยมือ-เสียงพอไม่ต้องหาเพิ่ม มั่นใจอยู่ครบเทอม อัด “ภูมิใจไทย” ขยี้ปมกัมพูชาตอนนี้ไม่เหมาะ อ้างรู้กระบวนการตั้งแต่ต้น


วันที่ 19 มิ.ย.68 เวลา 13.25 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการทำงานร่วมกันระหว่างทหาร กับรัฐบาลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมสามารถคุมทหารได้ใช่หรือไม่ว่า ว่า ไม่ได้คุมอะไร แต่เราสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี และผู้นำเหล่าทัพที่มาร่วมประชุมวันนี้ ในแง่ของการทำงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราพูดคุยกันอย่างชัดเจนว่ามองอย่างไร และมีสถานการณ์อย่างไร ขณะนี้มีเรื่องหลายอย่างเกี่ยวกับกัมพูชาที่เราต้องคำนึงถึงประชาชนทั้งสองประเทศ สิ่งที่ทำอยู่ขณะนี้เราได้ตกลงกันแล้วว่าพร้อมทำตามขั้นตอน โดยเตรียมมาตรการไว้หมดแล้ว ซึ่งรัฐบาลประกาศชัดเจนจะสนับสนุนกองทัพเต็มที่ เพราะทหารไม่ได้ห่วงสถานการณ์ภายในประเทศ แต่ห่วงภัยความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นภัยความมั่นคงภายนอก


จึงต้องร่วมมือกันภายในประเทศให้แข็งแรงที่สุด ซึ่งเรื่องภายในประเทศเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองต้องพูดคุยกัน โดยทหารอยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกฯได้ให้ความมั่นใจว่าภัยคุกคามภายนอก หรือการรุกล้ำอธิปไตยของไทยเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ วันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้เรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย มาเพื่อประณามซึ่งเป็นขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก


ทั้งนี้ เราจะยืนยันกับนานาชาติว่ายึดสันติวิธี เราไม่ได้เริ่มก่อน และพยายามประคองไปตามขั้นตอน หากมีอะไรเกิดขึ้นจะแสดงไปตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ส่วนหากมีภัยคุกคาม ยืนยันว่าทหารพร้อม และหากมีการรุกล้ำเราก็จะยอมไม่ได้


เมื่อถามถึงกรณีกระแสกดดันเรียกร้องให้นายกฯลาออก หลังมีคลิปเสียงพูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องภายนอกที่มากดดันเพื่อต้องการเห็นเราอ่อนแอที่สุด และอยากเห็นความแตกแยกภายใน เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขบุกรุกเราในทางต่างประเทศ แต่วันนี้เข้าใจตรงกัน และคิดทางออกร่วมกัน ซึ่งกองทัพก็บอกว่านายกฯเดินหน้าไม่ต้องห่วง เพียงแต่ว่าเอาให้ถูกขั้นตอน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องระยะสั้น แต่เป็นเรื่องระยะยาว จึงเชื่อว่าไม่มีปัญหาอะไร และที่พรรคร่วมรัฐบาลนัดประชุมพรรคของตัวเองถือเป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อมีการปรับพรรคภูมิใจไทยออกไปเรียบร้อย เมื่อชัดเจนหลังจากนี้ก็ต้องคุยกันภายในอยู่แล้ว


นายภูมิธรรม ยืนยันด้วยว่า พรรคร่วมที่เหลืออยู่ยังเหนียวแน่นไม่มีปัญหา เพราะเข้าใจสถานการณ์กันดี แต่ตอนนี้มีบางสิ่งที่พยายามสร้างเงื่อนไขจากทั้งภายใน และภายนอก โดยภายในเป็นกลุ่มที่อยากจะล้มรัฐบาลก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา และความจริงแล้วการที่พรรคภูมิใจไทยออกมาพูดเรื่องสถานการณ์ตรงนี้ ตอนนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เพราะรู้กันอยู่ตั้งแต่แรกในกระบวนการต่างๆ ของการแก้ไขปัญหากัมพูชาตั้งแต่ต้น


ดังนั้น ประเด็นนี้กองทัพยังเข้าใจเลย ทำไมพรรคภูมิใจไทยไม่เข้าใจว่าไม่ใช่เป็นปัญหาของเรา แต่เป็นเรื่องของต่างประเทศที่ต้องการกระทบเรา ดังนั้น ต้องขอความกรุณาในฐานะเคยร่วมงานกันมา ก็อยากให้อย่าใช้ประเด็นอย่างนี้เอามาสร้างให้เกิดความไม่สบายใจ และเกิดความรู้สึกแตกแยก เพราะสิ่งนี้จะไปเข้าทางกัมพูชาที่อยากให้เราอ่อนแอภายในประเทศ จึงอยากให้เข้าใจประเด็นนี้ด้วย เพราะถ้าวันนี้เราเป็นไปตามที่เขาอยากเห็นมันก็จะอ่อนแอ และเป็นปัญหาได้ จึงควรคำนึงถึงเรื่องนี้อย่าให้ภัยคุกคามส่งผลถึงเรา


เมื่อถามว่าย้ำว่า มั่นใจว่ารัฐบาลสามารถเดินหน้าได้โดยพรรคร่วมที่เหลือไม่ปล่อยมือใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีพรรคร่วมที่ปล่อยมือไปพรรคเดียวคือพรรคภูมิใจไทย ส่วนพรรคอื่นไม่มีปัญหา ซึ่งเขาได้มีการคุยกันและบอกเราว่าจะมีการประชุมพรรค เพราะสถานการณ์เช่นนี้ก็ต้องมีการพูดคุยกัน


เมื่อถามว่า การประชุมของหลายพรรคจะพูดเรื่องอธิปไตยของไทยด้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ถูกต้องแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจร่วมกัน และเรื่องนี้เราก็ยืนยัน หลังจากนี้เมื่อเคลียร์เรื่องนี้ให้ทุกส่วนเข้าใจร่วมกันว่ารัฐบาลกำลังทำอะไรอยู่ จากนี้ก็จะต้องเดินหน้าคุยเนื่องปรับ ครม. ซึ่งความจริงก็คุยกันบ้างแล้วเพื่อความชัดเจน เพราะเราอยากเห็นนโยบายต่างๆ สามารถเอาไปปฏิบัติได้จริงส่งตรงนโยบายไปทำให้ประชาชน ที่ผ่านมามีการติดขัดก็ต้องเคลียร์


เมื่อถามว่า ผู้นำเหล่าทัพให้คำมั่นว่าจะไม่รัฐประหารใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้คำมั่นว่าเป็นทีมเดียวกันภายใต้การนำของรัฐบาล และให้คำมั่นว่าไม่มีแน่นอน ยุคสมัยนี้มันเลยไปแล้ว ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลจะมีเท่านี้หรือจะหาเพิ่มนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า พอ ไม่มีปัญหา พรรคร่วมที่มีอยู่ก็พอ


เมื่อถามว่า รัฐบาลจะไปได้นานแค่ไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ก็ไปได้จนครบวาระ” พร้อมย้ำว่า ไม่มีอะไรที่ทำให้เป็นปัญหา จากนี้ไปจะได้ทำนโยบายให้เกิดขึ้นอย่างเป็นจริง ทำให้กลไกมหาดไทยสามารถเอานโยยบายรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติได้


นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนกระแสกดดันจากภายนอกนั้น คิดว่าอยู่ที่ความเข้าใจ ซึ่งนายกฯได้พยายามชี้แจงแล้ว และขอโทษประชาชนไปแล้วว่าเป็นสิ่งที่อาจจะเข้าใจกันคลาดเคลื่อน ซึ่งท่านก็ขอโทษและบอกว่าเป็นความปรารถนาจะทำเพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัว และสิ่งที่สมเด็จฮุนเซน ทำก็เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในระหว่างประเทศ ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม


เมื่อถามว่า คำแถลงของ นายกฯ ที่บอกว่าต่อสู้กับภัยคุกคามนอกประเทศ ถือว่าวันนี้เราประกาศศึกกับกัมพูชาแล้วหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราพูดความจริงให้ประชาชนฟัง ว่าขณะนี้มีภัยคุกคามจากภายนอก ซึ่งเราจะมองตรงนี้เป็นเรื่องหลักมากกว่าภายในประเทศ และต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้จบ


เมื่อถามย้ำว่า ประชาชนจะมาลงถนนจะซ้ำรอยกับสมัยนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้กังวล มีแต่เรื่องต้องทำความเข้าใจ และความจริงอย่างกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ก็มาตลอดอยู่แล้ว โดยเย็นวันศุกร์ก็ออกมาพูดปราศรัยถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ออกมาใช้สิทธิในการแสดงออก ซึ่งได้กำชับตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการโดยละมุนละม่อม และให้ทำตามกฎหมาย รวมถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะมาลงถนนก็ถือเป็นสิทธิ


เมื่อถามย้ำว่า กระแสกดกันให้ นายกฯ ลาออก ปลุกขึ้นหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปลุกขึ้นหรือไม่ ไม่ทราบ แต่เราได้ชี้แจงความตั้งใจ และส่วนราชการทั้งหมดเข้าใจแล้ว และกองทัพก็เข้าใจ จากนี้ก็เป็นเรืองที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน


เมื่อถามว่า หลังจากเหตุการณ์นี้ได้คุยกับนายทักษิณ บ้างหรือยัง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยเลย


เมื่อถามถึงท่าทีความสัมพันธ์ของตระกูลชินวัตร กับตระกูลฮุน หลังจากนี้เป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่ประเด็นที่เราจะเอามาใส่ใจมาพูดถึง วันนี้เราคิดเรื่องประเทศชาติ ประชาชน และเอกราชของประเทศ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ชายแดนไทย #รัฐบาลแพทองธาร

รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา นายกฯ ขออภัยต่อพี่น้องประชาชน จากกรณีคลิปเสียง ให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า จะทุ่มเทอย่างที่สุดเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมรับใช้และรักษาทุกชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างสุดความสามารถดังที่ได้ดำเนินการเสมอมา

 


รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา นายกฯ ขออภัยต่อพี่น้องประชาชน จากกรณีคลิปเสียง ให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า จะทุ่มเทอย่างที่สุดเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมรับใช้และรักษาทุกชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างสุดความสามารถดังที่ได้ดำเนินการเสมอมา


พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจจากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น ทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชา ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่นีกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม


รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชา ร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่งที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาลและเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ


รัฐบาลที่มาจากประชาชน ต้องปกป้องชีวิตและความปลอดภัยของประชาชน และต้องไม่แสดงออกเพียงมุ่งหวังคะแนนนิยมทางการเมือง เมื่อปรากฏเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจ และไม่มีความเคารพซึ่งกันและกันในการร่วมมือแก้ไขปัญหา รัฐบาลไทยจึงได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงเตรียมความพร้อมรับมือต่อภัยคุกคามของชาติโดยนายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือและประสานการปฏิบัติกับผู้นำเหล่าทัพและฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิดเป็นเอกภาพ


ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาเพื่อยื่นหนังสือประท้วงแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา ซึ่งขัดต่อหลักปฏิบัติในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่เป็นสากล และจะดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเป็นลำดับต่อไป


ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีพลังใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าพลังสามัคคีของพี่น้องชาวไทย ไม่ตกเป็นเหยื่อของสงครามข่าวสารที่อาจมีผู้ไม่หวังดีมุ่งทำลายเอกภาพของฝ่ายไทย ด้วยปฏิบัติการหลายรูปแบบซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ


รัฐบาลขอให้คำมั่นต่อพี่น้องประชาชนว่า จะทุ่มเทอย่างที่สุดเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ พร้อมรับใช้และรักษาทุกชีวิตของประชาชนชาวไทยอย่างสุดความสามารถดังที่ได้ดำเนินการเสมอมา

 

วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น.

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #รัฐบาลไทย #ไทย #กัมพูชา #ชายแดนไทย

กต.เชิญทูตกัมพูชา รับหนังสือประท้วง ปมกัมพูชาปล่อยคลิปเสียงนายกฯ ผ่านสื่อ ซัด! ไร้มารยาททางการทูต ผิดมารยาทระหว่างรัฐ ทำลายความไว้ใจสองประเทศ ย้ำไม่ว่านายกฯ จะเป็นใครต้องให้เกียรติ

 


กต.เชิญทูตกัมพูชา รับหนังสือประท้วง ปมกัมพูชาปล่อยคลิปเสียงนายกฯ ผ่านสื่อ ซัด! ไร้มารยาททางการทูต ผิดมารยาทระหว่างรัฐ ทำลายความไว้ใจสองประเทศ ย้ำไม่ว่านายกฯ จะเป็นใครต้องให้เกียรติ


วันนี้ (19 มิถุนายน 2568) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงตอบโต้ต่อสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ความว่า ตามที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า การกระทำของอดีตนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อจรรยาบรรณและมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ที่ไม่สามารถยอมรับได้ และเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์สองประเทศ และความพยายามการใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหา 2 ฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล รวมถึงการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังระบุว่า ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพและให้เกียรติตามแนวปฏิบัติสากลของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้น ในวันนี้ (19 มิ.ย.) จึงได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับทราบหนังสือประท้วงจากการกระทำดังกล่าว เพื่อแจ้งว่าการกระทำดังกล่าวไม่สามารถยอมรับได้ ผิดมารยาทพื้นฐานการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ และเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง การดำเนินการของฝ่ายไทยและการตอบโต้ เป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต โดยใช้จารณญาณ มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินอย่างเป็นทางการ


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวอีกว่า ได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนในกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว พร้อมย้ำว่า เรื่องดังกล่าว เป็นการดำเนินการทางการทูต ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลสองฝ่าย ไม่ใช่ปัญหาระหว่างประชาชนสองประเทศ ซึ่งต่างจากกัมพูชา ที่ใช้การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย มุ่งหวังเพื่อปลุกระดม สร้างความนิยมจากความแตกแยกให้กับประชาชนสองประเทศ แสดงถึงการไม่เคารพหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และไม่ควรได้รับการยอมรับ และไม่ควรได้รับความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศ


ส่วนการแถลงข่าวตอบโต้ครั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งหรือรัฐบาลหรือไม่นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังยืนยันว่า การแถลงครั้งนี้ เป็นไปตามแนวปฏิบัติสากลในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ไม่ว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรี หรือดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ควรได้รับความเคารพและให้เกียรติ การดำเนินการของกัมพูชา จึงเป็นการไม่ให้เกียรติไทย ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องของหลักการที่กระทรวงการต่างประเทศรับไม่ได้ จึงไม่ได้ทำตามคำสั่งจากใคร


โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำถึงการดูแลประชาชนคนไทยในกัมพูชาว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้ติดต่อประสานงานกับคนไทยในกัมพูชาอย่างใกล้ชิด และการดำเนินการทางการทูตของไทย เป็นการดำเนินการโดยมีวิจารณญาณ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบกับคนไทยในกัมพูชา แต่ก็ได้มีการเตรียมมาตรการในการดูแลไว้แล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กระทรวงการต่างประเทศ #กัมพูชา #แพทองธาร #ฮุนเซน #คลิปเสียงหลุด