วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

รวมพลคนพันธ์ุR "อาชีวะ-ประชาชนชาว 2 ล้อ" รวมพลอนุสาวรีย์ปชต.เคลื่อนไปราชประสงค์ ก่อนปักหลัก อนุสาวรีย์ชัยฯ" บีบแตร-เบิ้ลเครื่อง ขับไล่รัฐบาลประยุทธ์ เหตุบริหารผิดพลาดทุกด้าน

 


รวมพลคนพันธ์ุR "อาชีวะ-ประชาชนชาว 2 ล้อ" รวมพลอนุสาวรีย์ปชต.เคลื่อนไปราชประสงค์ ก่อนปักหลัก อนุสาวรีย์ชัยฯ" บีบแตร-เบิ้ลเครื่อง ขับไล่รัฐบาลประยุทธ์ เหตุบริหารผิดพลาดทุกด้าน


วันนี้ (31 ก.ค. 64) เวลา 12.00 น. ที่ บริเวณด้านหลังวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายธนเดช ศรีสงคราม หรือ "ม่อน อาชีวะ" ได้นัดร่วมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง "คาร์ม็อบ-คนพันธ์อาร์ อาชีวะสร้างชาติ" ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปรวมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 14.00 น. พร้อมยืนยันว่าการชุมนุมในวันนี้จะหลีกเลี่ยงการปะทะโดยจะเน้นการเจรจาเพื่อผ่านแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ


จากนั้นขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนตัวออกจากมีนบุรีไปตามถนนรามอินทรา โดยผู้ที่ร่วมขบวนต่างกันทำสัญลักษณ์บีบแตรพร้อมเปิดไฟหน้าก่อนจะเคลื่อนขบวนออกมา


ด้าน นายธนเดช ได้กล่าวถึงการออกมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์พลังอาชีวะทุกสถาบันทั่วประเทศและปริมณฑลจะไปรวมตัวกันที่ถนนราชดำเนินเพื่อทำกิจกรรมบีบแตร ส่งเสียงแตรขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี


การทำกิจกรรมวันนี้จะมีเพียงกลุ่มอาชีวะและประชาชนบางส่วนเข้าร่วม พร้อมกล่าวยืนยันด้วยว่าจะหลีกเลี่ยงการปะทะทุกกรณีแม้ว่าจะต้องผ่านแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยจะเน้นวิธีการเจรจาอีกทั้งยังได้มีการประกาศไปยังทุกอาชีวะที่จะเข้าร่วมว่าไม่ให้พกพาอาวุธมาร่วมการชุมนุม ซึ่งก็คาดว่าการชุมนุมจะสิ้นสุดในเวลา หนึ่งทุ่ม ของวันนี้  


สำหรับบรรยากาศตลอดเส้นทางการชุมนุม ผู้ชุมนุมใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์จำนวนหนึ่ง เป็นพาหนะในการเคลื่อนขบวนออกจากจุดนัดรวมตัว โดยใช้เส้นทางถนนรามอินทรา ตามกำหนดการแล้วผู้ชุมนุมจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพหลโยธินเพื่อไปแยกลาดพร้าว


แต่วันนี้พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการมาปิดกั้นเส้นทางตรงบริเวณช่วงวงวงเวียนบางเขน โดยบังคับเส้นทางให้มุ่งหน้าไปใช้เส้นถนนวิภาวดีรังสิตแทน ได้ตลอดเส้นทางยังพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอย่างเป็นระยะ


สำหรับบรรยากาศที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ฝั่งรร.สตรีวิทยา ตั้งแต่เวลา 13.00 น. มวลชนบางส่วนเริ่มเดินทางมารวมกันที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมีการกระจายกำลังในพื้นที่เพื่อดูแลความเรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (ชุดอีโอดี) นำสุนัขตำรวจ และอุปกรณณ์ค้นหา ปฏิบัติหน้าที่


ต่อมาเวลา 13.50 น. นายธนเดช ศรีสงคราม หรือ "ม่อน อาชีวะ" เดินทางถึงจุดนัดหมายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


จากนั้นเวลา 15.00 น. กลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเคลื่อนขบวน โดยมีธงอาชีวะจากหลายกลุ่มโบกไสวนำขบวน ผู้ร่วมกิจกรรมต่างเบิ้ลรถและบีบแตรดังสนั่น 


ขณะที่ ขบวนรถขับจากถนนราชดำเนินกลาง ถึงแยกผ่านฟ้าลีลาศ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนตั้งแถว พร้อมวางแนวลวดหนาม โดยขบวนได้เคลื่อนผ่านถนนนครสวรรค์ เลี้ยวขวาที่แยกนางเลิ้ง มุ่งหน้าถนนเพชรบุรี จุดหมายปลายทางแยกราชประสงค์ เพื่อร่วมบีบแตรส่งเสียงแสดงความไม่พอใจรัฐบาล


ขณะที่ประชาชนสองข้างทางร่วมชู 3 นิ้ว ให้กำลังใจ และออกมาบันทึกภาพเก็บไว้


ขณะที่ขบวนกำลังเคลื่อน ฝนเริ่มตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ขบวนขาดตอน ต้องหยุดพักจอดใต้ทางด่วนบ้าง บนทางเท้าบ้าง แต่ยังวิ่งอยู่บนถนนประชาสงเคราะห์ เลี้ยวขวาไปยังอโศกมนตรี


เวลา 15.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณแยกราชประสงค์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี และ สน.ปทุมวัน ทั้งในและนอกเครื่องแบบยืนประจำการบริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน้าเอราวัณ และห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วน ขับมุ่งหน้ามารอที่แยกราชประสงค์ บางส่วนยังคงหยุดหลบฝน 


จากนั้นเวลา 16.05 น. หัวขบวนเคลื่อนถึงแยกราชประสงค์ กลุ่มอาชีวะและประชาชน ร่วมบีบแตรอย่างกึกก้อง


ทั้งนี้ขบวนได้มาหยุดพักที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ฝั่งถนนราชดำริ แยกราชประสงค์ ระหว่างนั้นกลุ่มแกนนำได้ปราศรัยโจมตี การบริหารประเทศที่ผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการแก้ปัญหาโควิด-19 และเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกทันที โดยมีอาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ ร่วมขบวนมาเล่นดนตรีด้วย


ซึ่ง ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ขบวนได้หยุดพักประมาณ 30 นาที 


จากนั้นเวลา 17.00 น. ได้มีการยิงพลุ 10 นัด กระจายเป็นแสงสีเงินบนท้องฟ้า แกนนำประกาศขอให้ผู้ชุมนุมบีบแตรดัง ๆ เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ได้ยินว่าผู้ชุมนุมไม่ต้องการให้บริหารประเทศ ก่อนจะประกาศเคลื่อนขบวนไปทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ


โดยเวลา 17.30 น. กลุ่มคาร์ม็อบอาชีวะเคลื่อนขบวนมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แกนนำประกาศตั้งขบวนเพื่อที่จะขับรถวนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 3 รอบ โดยให้รถยนต์ใช้ถนน 1 เลนด้านในสุด ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ใช้ถนน 2 เลนที่เหลือด้านนอก พร้อมตะโกนไล่ ประยุทธ์ออกไป โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับทีมอาชีวะคอยอำนวยความสะดวกให้กับการจราจรโดยรอบ แต่ในที่สุดสามารถขับวนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้เพียงหนึ่งรอบ เนื่องจากการจราจรไม่อำนวย แกนนำจึงได้ประกาศปักหลักหยุดขบวน เพื่อทำกิจกรรมต่อไป


กระทั่ง 18.00 น. ผู้ชุมนุมยืนตรงร้องเพลงชาติและชู 3 นิ้ว จากนั้นก่อนตะโกนคำว่า ไชโย 3 ครั้ง และ ประยุทธ์ออกไป 3 ครั้ง ต่อมาผู้ชุมนุมร่วมกันยืนสงบนิ่งไว้อาลัย 1 นาที เพื่อไว้อาลัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่ต้องเสียชีวิตเพราะโควิด-19 อันเกิดจากการบริหารจัดการล้มเหลวของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และถามย้ำว่าจุดยืนเดียวกันของพวกเราคือการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ ก่อนแกนนำจะตะโกนนำร้องเพลงเนื้อท่อน 1 2 3 4 5 i here too 3 รอบ 


เวลา 18.05 น. นายธนเดช ได้กล่าวปราศรัยว่า วันนี้เป็นเพียงน้ำจิ้มของการรวมตัวพี่น้องอาชีวะและเยาวชน 2 ล้อ วันนี้เราต้องการบอกสังคมว่า การที่พวกท่านว่าเราเป็นเด็กอาชีวะและเด็กแว้น แต่วันนี้เรามาทำเพื่อชาติ เพราะทนเห็นพี่น้องต้องเสียชีวิตเพราะไม่มีเตียงไม่ไหว เราไม่ได้มาต่อสู้เพื่อพรรคการเมืองไหนหรือนักการเมืองคนใด แต่สู้เพื่อตนเอง เพื่อพ่อแม่พี่น้อง และอนาคตของพวกเรา แม้ตนจะโดนหมายเรียกมาหลายครั้งก็ไม่เป็นไร ตนอยากมาพูดแทนคนไทยทั้งชาติ อดีตเด็กช่างเคยตีกัน แต่วันนี้เราจับมือกันเพื่อมาไล่นายกฯ ที่ชื่อประยุทธ์ ขอฝากไปยังผู้ใหญ่หลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเสื้อเหลือง เสื้อแดง วันนี้เรามารวมตัวกันเพื่อชาติ แล้วพวกคุณทำอะไรหรือยัง ขอให้หันหน้าเข้าหาจับมือกันอย่างพวกเรา และขอขอบคุณดาราที่ออกมาคอลเอาต์เพื่อประชาชน


นายธนเดช กล่าวต่อไปว่า เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ นั่งอยู่บ้าน เพราะติดเสาร์อาทิตย์ เคยออกมาดูบ้างไหมว่าบุคลากรทางการแพทย์ทำงานหนักแค่ไหน ไม่ฟังเสียงคนอื่น ขอให้ประชาชนจดจำภาพเหล่านี้ไว้ว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่อาชีวะจะมารวมตัวกันขนาดนี้ เพราะสุดจะทนกับพล.อ.ประยุทธ์แล้ว


หลังจากปราศรัยจบนายธนเดชได้ตะโกนร่วมกับผู้ชุมนุม ว่า ประยุทธ์ออกไป และเผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ ก่อนจะยุติการชุมนุมในเวลา 18.20 น. โดยหลังจากยุติการชุมนุม กลุ่มคาร์ม็อบอาชีวะได้ทำการจุดพลุอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มแยกย้าย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ31กรกฎา #รวมพลคนพันธ์R #ไล่ประยุทธ์ 


ประมวลภาพ















ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ : เฉลยคำย่อ เครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.)

 


หลังคาร์ม๊อบจะประสานพลังกำหนดแนวต่อสู้ วัน ว. เวลา น. ผมไม่ใช่ผู้นำแต่เป็นคนทำงาน 

.

ในนาม "เครือข่ายไล่ประยุทธ์" ชื่อย่อ อ.ห.ต.

.

ย่อว่า อ.ห.ต.ได้ไง ? 

.

บ้านเมืองยามนี้ไม่มีหลักเกณฑ์ใครใหญ่นึกจะทำอะไรก็ทำ ผมไม่ใหญ่แต่นึกจะย่อยังไงก็ย่อ 

.

เครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.)


#ไล่ประยุทธ์


ที่มา : ทวิตเตอร์ @Ten_Nattawut


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

"ทะลุฟ้า" บุกปชป.จี้ถอนตัวพรรคร่วม อัดตั้งแต่ตั้งพรรคมาไม่เคยอยู่ข้างประชาชน แสดงออกเชิงสัญลักษณ์สาดสี-เผาหุ่นประยุทธ์

 


"ทะลุฟ้า" บุกปชป.จี้ถอนตัวพรรคร่วม อัดตั้งแต่ตั้งพรรคมาไม่เคยอยู่ข้างประชาชน แสดงออกเชิงสัญลักษณ์สาดสี-เผาหุ่นประยุทธ์


วันนี้ (30 ก.ค. 64) กลุ่มทะลุฟ้า นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ "ไผ่ ดาวดิน" นัดหมายทำกิจกรรม "ยื่นหนังสือถึงพรรคร่วมรัฐบาล" ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคประชาธิปัตย์ ตามลำดับ เพื่อเรียกร้องให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล


ภายหลังจากทำกิจกรรมที่พรรคภูมิใจไทย และ พลังประชารัฐแล้ว นั้น


เมื่อเวลา 13.10 น. ที่หน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า มาพร้อมรถโมบายขยายเสียง จัดกิจกรรมหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเรียกร้องให้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และให้ พล.อ.ประยุทธ จันทรโอชา ลาออก โดยมีกำลังตำรวจ สน.บางซื่อ คอยดูแลความสงบเรียบร้อย


ขณะที่แกนนำทำการปราศัยบนรถขยายเสียง ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุายวายขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของ สน.บางซื่อ ได้ถ่ายรูปมวลชนต่อหน้า ทำให้เจ้าของภาพไม่พอใจ ก่อนขอให้เจ้าหน้าที่ลบภาพ จนเกิดการยื้อแย่งกันขึ้น และเกิดความชุลมุนขึ้นโดยแกนนำทะลุฟ้าขอให้ประชาชนใจเย็น กล่าวว่าเราจะไม่ทำให้เกิดความรุนแรง ก่อนกลุ่มทะลุฟ้าไปที่บริเวณป้ายพรรค


โดนนายนวพล ต้นงาม หรือ "ไดโน่ ทะลุฟ้า" กล่าวบนรถเครื่องเสียงตอนหนึ่งระบุว่า ถ้าคุณดี เราคงไม่ทำแบบนี้ นี่คือการแสดงสัญลักษณ์ว่าเราไม่เอาแล้ว นี่คือความไม่พอใจของประชาชน คุณต้องมีวิธีการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ mRNA และขอฝากถึงพรรคประชาธิปัตย์ ถ้ายังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เจอกลุ่มทะลุฟ้าแน่ วันนี้เราต้องการให้หัวหน้าพรรคมารับหนังสือกับเรา เขาก็ไม่มา


ขณะที่นายธนพัฒน์ กางเป็ง หรือ "ปูน ทะลุฟ้า" กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลย ที่พรรคอยู่เคียงข้างประชาชน คนจึงเรียกว่าพรรคแมลงสาบ เพราะทุกครั้งบอกไม่อยู่ข้างเผด็จการ แต่หลังเลือกตั้ง ก็เห็นว่ารับใช้เผด็จการมาโดยตลอด


รับบทกำจัดทักษิณมาตลอด 20 ปี เขาอ่านเกมออกกันแล้ว ในเมื่อรับบทรับใช้เผด็จการ ประชาธิปไตยของประชาธิปัตย์จะต้องหักแน่นอน ไม่มีใครเลือกคุณ พรรคแมลงสาบอย่าคิดว่าจะอยู่รอด ประชาชนนี่แหละ จะทำให้คุณตายยกรัง เลือกตั้งครั้งหน้า ประชาธิปัตย์จะพักยาว นายธนพัฒน์ กล่าว


ต่อมากลุ่มทะลุฟ้าได้ทำการสาดสีลงพื้น เผ่าหุ่น #ไล่ประยุทธ์  เผ่าหนังสือที่นำมายื่น และขว้างถุงสีใสป้ายพรรค ก่อนยุติกิจกรรมและแยกย้ายกันกลับในเวลา 13.40 น. 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ30กรกฎา #ทะลุฟ้า #ไล่ผระยุทธ์


ประมวลภาพ 






"ทะลุฟ้า" บุก พปชร. ตามหาประวิตร เผาหุ่น #ไล่ประยุทธ์ โรยผงมันคือแป้ง จี้เลิกเล่นละครปาหี่ในรัฐสภา ประชาชนรู้ทัน

 


"ทะลุฟ้า" บุก พปชร. ตามหาประวิตร เผาหุ่น #ไล่ประยุทธ์ โรยผงมันคือแป้ง จี้เลิกเล่นละครปาหี่ในรัฐสภา ประชาชนรู้ทัน


วันนี้ (30 ก.ค. 64) กลุ่มทะลุฟ้า นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ "ไผ่ ดาวดิน" นัดหมายทำกิจกรรม "ยื่นหนังสือถึงพรรคร่วมรัฐบาล" ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคประชาธิปัตย์ ตามลำดับ เพื่อเรียกร้องให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล


โดยเมื่อช่วง 10.00 น. ที่หน้าพรรคภูมิใจไทย ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ กลุ่มทะลุฟ้า ได้ทำการปราศรัย และเรียกร้องให้ส่งตัวแทนมารับหนังสือ แต่กว่า 1 ชั่วโมง ไม่มีตัวแทนลงมารับ กลุ่มฟ้า ทะลุ จึงได้ติดสติ๊กเกอร์ สาดสีแดงไปที่ป้ายพรรค เผาแถลงการณ์พร้อมหุ่นจำลอง 


จากนั้นเคลื่อนขบวนต่อไปยังที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ 


เวลา 11.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณพรรคพลังประชารัฐ ถ.รัชดาภิเษก ได้มีการกั้นรั้วและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยืนประจำการด้านหน้าพรรคจำนวนมาก


เมื่อกลุ่มทะลุฟ้ามาถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศว่า ได้ประสานกับตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐแล้ว และจะมีผู้มารับหนังสือ แต่ด้วยขณะนี้อยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด จึงเกี่ยวเนื่องกับกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามทำกิจกรรมรวมกลุ่มเกินกว่า 5 คน, ประกาศกรุงเทพมหานคร และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค


ขณะที่นายทรงพล สนธิรักษ์ หรือ "ยาใจ ทะลุฟ้า" ได้ปราศรัยบนรถโมบายกลบเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกล่าวถึงข้อเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนถึงประชาชนอย่างเร่งด่วนและเป็นธรรม ซึ่งการจัดสรรโดยรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชาในวันนี้ มีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นมากมาย รวมไปถึงเรื่องวัคซีน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนในตอนนี้ รัฐบาลประยุทธ์ ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เราจึงต้องการให้ท่านลงมาจากอำนาจ ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ให้พรรคอื่นที่มีประสิทธิภาพเข้ามาบริหารแทน


ต่อมา มีการนับถอยหลัง 10-9-8-7-6-5-4-3-2-1 เพื่อให้ตัวแทนออกมารับหนังสือ ซึ่งตัวแทนที่มารับหนังสือเป็นชาย 2 ราย โดยกลุ่ม #ทะลุฟ้า ร่วมชู 1 นิ้ว และกล่าวพร้อมกัน "ประยุทธ์ออกไป, ระบอบประยุทธ์ออกไป, ส.ว. 250 ออกไป,  พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลออกไป"


พร้อมระบุด้วยว่า ถึง พรรคพลังประชารัฐ วันนี้ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากให้พวกท่านเลิกเล่นละครปาหี่ในรัฐสภา เพราะประชาชนต่างได้รับรู้แล้วว่าพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นพรรคของพวกทหารที่โคลนนิ่งตัวเองเพื่อสืบทอดอำนาจ


หนังสือในวันนี้ขอแทนความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจที่ทุกข์ทนเห็นพี่น้องประชาชนล้มตาย เพราะการบริหารงานของพวกท่าน


และต่อมาได้ฝ่ารั้วแนวกั้นเข้ามาภายในบริเวณหน้าพรรค ก่อนที่จะโยนสีแดง เข้าไปบนหน้าป้ายพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า "สีแดง" หมายถึงเลือดของประชาชนที่ตายจากโควิด เอาเลือดของประชาชนมาปา ที่พรรคพลังประชารัฐไม่เคยเห็น ไม่เคยใส่ใจ ประชาชนตายทุกวัน นี่คือเรื่องของประชาชน


จากนั้นได้ทำการเผาหุ่นซึ่งติดรูปใบหน้าคล้ายกับพล.อ.ประยุทธ์  จันทรโอชา  นายกรัฐมนตรี พร้อมกับตะโกน "ออกไป ๆ" อีกทั้งมีการขว้าง "ผงแป้ง" เข้ามาภายในบริเวณหน้าที่ทำการพรรคด้วย


อย่างไรก็ตาม พรรคพลังประชารัฐได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกมาเป็นตัวแทนรับหนังสือ ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะยุติการชุมนุมและเดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคต่อไป


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #COVID19 #ทะลุฟ้า #ม็อบ30กรกฎา


ประมวลภาพ











5 ภาคีเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์เข้ายื่นหนังสือ เพื่อเรียกร้องให้เกิดความโปร่งใสในการกระจายไฟเซอร์ในไทย

 


5 ภาคีเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์เข้ายื่นหนังสือ เพื่อเรียกร้องให้เกิดความโปร่งใสในการกระจายไฟเซอร์ในไทย


เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 30 ก.ค. 64 ที่หน้าตึกสภาพยาบาลและสำนักงานปลัดภายในกระทรวงสาธารณสุข ได้มีตัวแทน 5 แนวร่วมบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 7 คน อาทิ หมอไม่ทน, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข  Nurses Connect DNA, บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร และสมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA Thailand) เข้ายื่นหนังสือต่อตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้เกิดความโปร่งใสในการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ในประเทศไทย


เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ในประเทศไทย ได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลต่อระบบการสาธารณสุขเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีประชาชนที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค Covid-19 สะสมรวมกว่า 14.8 ล้านโดส โดยแบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 11.29 ล้านราย และผู้ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม จำนวน 3.51 ล้านราย แต่พบว่ายังคงไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรค Covid-19 ได้ อีกทั้งยังพบว่ามีการระบาดในบุคลากรทางการแพทย์ทั้งที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วกว่า 600 ราย จากจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อกว่า 800 ราย แสดงให้เห็นถึงความขาดประสิทธิภาพของวัคซีนที่รัฐบาลจัดสรรให้ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายพันธุ์เดลต้า ที่มีผลการวิจัยเชิงประจักษ์ว่าสามารถทนต่อวัคซีนที่ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ได้รับการจัดสรรให้ค่อนข้างมาก ส่งผลให้เกิดการสูญเสียบุคลากรทางการแพทย์ในการทำงาน ก่อให้เกิดภาระงานที่หนักมากขึ้นต่อบุคลากรทางการแพทย์ที่เหลืออยู่ และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความ ปลอดภัยในชีวิตของประชาชนขั้นวิกฤตหากยังคงเกิดเหตุการณ์ที่บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ Covid-19


นอกจากนี้นโยบายการบริหารวัคซีนและโรค Covid-19 ของรัฐบาล ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมายั แสดงให้เห็นถึงความล่าช้าในการจัดสรรควัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้เพียงพอต่อจำนวนประชากร  และจากความผิดพลาดในการสื่อสารให้ข้อมูลกับประชาชนทั้งในแง่ของความถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ จริยธรรม และความโปร่งใสในการจัดซื้อวัคซีนนั้น ส่งผลกระทบให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคชีนที่มีประสิทธิภาพ เป็นเหตุให้เกิดภาวะวิกฤตในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์โดยตรง 


ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ความรุนแรงของโรค Covid-19 และความล่าช้าในการจัดสรรวัคซีน ยังส่งผลให้ พยาบาลวิชาชีพ ผู้เป็นด่านหน้าในการปฏิบัติงานจำนวนหนึ่งเสียชีวิต ทั้งจากโรค Covid-19 และจากปัญหาสุขภาพจิตโดยมิได้รับการเยียวยาอย่างสมควรจากสภาการพยาบาลซึ่งควรจะต้องเป็นผู้ดูแลสวัสดิภาพของสมาชิกในองค์กร ซ้ำร้ายยังพบว่ามีพยาบาลวิชาชีพถูกทำร้ายร่างกายขณะปฏิบัติงานโดยผู้ร่วมงานสาขาวิชาชีพ รวมไปถึงปัญหาของค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมกับภาระงานของพยาบาลวิชาชีพ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน โดยที่สภาการพยาบาลเองนั้นเป็นผู้รับทราบปัญหานี้ แต่มิได้มีแนวทางการเรียกร้องหรือแก้ไขใดที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ และผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ (ดังรายชื่อแนบ) ในฐานะสมาชิกสภาการพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ขอประกาศจุดยืนและข้อเรียกร้อง ดังนี้


1. การจัดสรรวัคซีนที่ มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรค Covid-19 เช่น mRNA vaccine, Protein subun it vaccine อย่างทั่วถึงและรวดเร็วแก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชน


2. การมีนโยบายการสร้างเสริมสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานที่ดีของวิชาชีพพยาบาล (Positive Practice Environment) เพื่อปกป้องสวัสดิภาพทางกายและจิตใจของผู้ประกอบวิชาชีพจากการคุกคามโดยผู้ร่วมงาน


3. สภาการพยาบาลต้องมีมาตรการในการคุ้มครองเยียวยา เพื่อพิทักษ์สิทธิ เสรีภาพ และสวัสดิภาพของสมาชิกสภาการพยาบาล ทั้งในเรื่องค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และการเยียวยาสมาชิกเมื่อได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงาน


จากที่ได้มีการออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอแสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องให้มีการจัดสรรวัคซีนป้องกันโรค Covid - 19 ที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง และเรียกร้องให้สภาการพยาบาลมีนโยบายการสร้างเสริมสภาพแวดล้อมการปฏิบัติงานที่ดีของวิชาชีพ (Positive Practice Environment) รวมถึง มาตรการการคุ้มครองเพื่อพิทักษ์สิทธิเสรีภาพ และสวัสดิภาพของพยาบาล โดยมีผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ และผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ได้ร่วมลงชื่อเพื่อรับร่างแถลงการณ์ดังกล่าว 


โดยยื่นหนังสือผ่าน รศ.ดร.ศิริอร สินธุ อุปนายกสภาการพยาบาล เพื่อดำเนินการต่อไป  ซึ่ง รศ.ดร.ศิริอร แจ้งว่าเรื่องนี้จะเอาเป็นธุระ แต่อำนาจไม่ได้อยู่ในมือ เรื่องนี้คือภารกิจหลักเพราะหากพยาบาลมีคุณภาพชีวิตที่ดีประชาชนจะได้อานิสงค์จากเรื่องนี้ด้วย


ทั้งนี้ ตัวแทนกลุ่มฯ แจ้งว่า ต้องการเห็นการตอบรับที่เป็นรูปธรรม ถ้าไม่มีการตอบรับใด ๆ ก็จะมีการยกระดับการเคลื่อนไหวต่อไป


ต่อมาในเวลา 11.30 น. หลังเสร็จสิ้นการยื่นหนังสือทางกลุ่มฯได้เดินทางไปที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน) เพื่อร่วมยื่นหนังสือกับ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข โดยทางเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์เรียกร้องให้เกิดความโปร่งใสในการจัดสรรวัคซีน  Pfizer ในประเทศไทย ที่ได้รับบริจาคจากสหรัฐอเมริกา หลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาการรับมอบวัคซีนดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตามแผนการของทางรัฐบาล ระบุว่าจะจัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์จำนวน 700,000 โดส จากทั้งหมด 1.54 ล้านโดส โดยเนื้อหาใจความระบุว่า


สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศในปัจจุบันนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่าวันละหนึ่งหมื่นราย และผู้เสียชีวิตสะสมมากกว่าสี่พันราย นับเป็นหนึ่งในวิกฤตทางสุขภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยได้ประสบมา ณ เวลานี้ บุคลากรสาธารณสุขทุกคนล้วนเหนื่อยล้า ท่ามกลางภาระงานที่หนักหน่วงและเต็มไปด้วยความเสี่ยง บุคลากรจำนวนมากไม่อาจกลับบ้านเป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายเดือน ด้วยกังวลว่าจะนำเชื้อโรคไปสู่ครอบครัว บุคลากรหลายท่านต้องขึ้นเวรติดต่อกันแม้ว่าจะตั้งครรภ์อยู่ หลายท่านติดเชื้อโควิดหรือแม้กระทั่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ เช่นเดียวกันกับประชาชนทุกท่านที่ล้วนตกอยู่ภายใต้ความลำบากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


แม้ว่าบุคลากรส่วนใหญ่ จะได้รับวัคซีน Sinovac แล้วครบ 2 เข็ม แต่ทว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าทวีคูณมากขึ้น และมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีน Sinovac นั้น มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อสายพันธ์เดลต้าน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น จากข้อมูลปัจุบันในเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า บุคลากรติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 2,000 ราย ขณะเดียวกัน บุคลากรอีกนับหมื่นรายต้องกักตัวเพื่อตรวจเชื้อซ้ำ ซึ่งลดทอนอัตรากำลังในขณะที่ระบบต้องการบุคลากรมากที่สุด


การประกาศของสถานทูตอเมริกาล่าสุดวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่ระบุว่าสหรัฐอเมริกาจะบริจาควัคซีน Pfizer ให้กับประเทศไทยจำนวน 2.5 ล้านโดส โดยจะมีการนำเข้าล็อตแรก มากกว่า 1.5 ล้านโดสภายในเดือนนี้ และมีกลุ่มเป้าหมายคือ บุคลากรด่านหน้า ผู้สูงอายุ และผู้มีความเสี่ยงเป็นหลัก จึงเป็นเหมือนหลักประกันให้แก่บุคลากรด่านหน้า ให้พอคลายความกังวลใจได้ว่าจะเสี่ยงติดเชื้อจากการทำงานน้อยลง


อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนในการจัดสรรวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเนื้อหาในเอกสารราชการหลายฉบับ ทำให้ประชาชน รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เกิดความวิตกว่า การกระจายวัคซีนจะไม่เป็นไปตามความจำเป็น หรือว่าจำนวนวัคซีน Pfizer ที่ได้รับมาอาจไม่ถูกจัดสรรให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนที่ต้องการ


ด้วยเหตุนี้ พวกเราซึ่งเป็นตัวแทนของบุคลากรด่านหน้า ทั้งแพทย์ พยาบาล ช่างเทคนิค รังสี เวรเปล เจ้าหน้าที่ท่านอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและสัมผัสกับผู้ป่วย ร่วมกับประชาชนกว่า 62,000 คนที่ร่วมลงชื่อผ่านแคมเปญ change.org/VaccineWeTrust รวมทั้งที่แสดงพลังผ่าน #เก็บไฟเซอร์ไว้ให้ใคร จึงขอวิงวอนให้ทางกระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับการจัดสรรวัคซีนเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มอย่างถี่ถ้วน จัดสรรวัคซีนอย่างยุติธรรมให้ผู้ที่สมควรได้รับ รวมถึงเปิดเผยแผนการและจำนวนการจัดสรรวัคซีน Pfizer ในทุกขั้นตอน เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่บุคลากรด่านหน้า ซึ่งกำลังรับศึกอย่างต่อเนื่องไม่เว้นแต่ละวันโดยไม่ทราบชะตากรรม


เพื่อความโปร่งใสและการกระจายวัคซีนให้ถึงมือผู้ควรได้รับตามความเสี่ยงและความจำเป็น หมอไม่ทน, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข, Nurses Connect, สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์นานาชาติแห่งประเทศไทย (IFMSA-Thailand), DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร, นิสิตนักศึกษาแพทย์เพื่อประชาธิปไตย และภาคีเทคนิคการแพทย์ จึงขอเรียกร้องต่อกระทรวงสาธารณสุขดังนี้


นำวัคซีน mRNA มาเป็นวัคซีนหลักให้ประชาชนคนไทยทุกคน


ชี้แจงและเปิดเผยข้อมูลว่ามีบุคลากรฯ ได้รับวัคซีน AstraZeneca เป็นบูสเตอร์โดสจำนวนเท่าใด และยังเหลือบุคลากรฯ ที่ยืนยันจะรับ Pfizer เป็นจำนวนเท่าใด


นำข้อมูลสำคัญที่จะพิสูจน์ความโปร่งใสกลับมาบรรจุในระบบ Cold-chain tracking นั่นคือเส้นทางการกระจายวัคซีนโดยระบุยี่ห้อและล็อตต่าง ๆ ของวัคซีน และเปิดให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย เพื่อแสดงความรับผิดชอบของรัฐต่อประชาชน และให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการก้าวข้ามวิกฤต


มีความชัดเจนในการสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ แก่ประชาชน ด้วยการรายงานความคืบหน้าในการจัดสรรวัคซีนพร้อมหลักฐานยืนยันอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและความไม่มั่นใจ โดยข้อมูลที่สื่อสารจากแต่ละแผนกของหน่วยงานราชการ ควรเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกัน


ทางเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ หวังว่ากระทรวงสาธารณสุขจะทบทวน ปรับปรุงการทำงานและพิจารณาถึงข้อเรียกร้องข้างต้น เพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศไทย


#วัคซีนโควิด #COVID19 

#ไล่ประยุทธ์ #UDDnews #ยูดีดีนิวส์


ประมวลภาพ








"ไผ่ ดาวดิน" นำทีม "ทะลุฟ้า" บุกพรรคภูมิใจไทย จี้ถอนตัวพรรคร่วม ชี้รัฐบาลล้มเหลวในการบริหาร พร้อม"ติดสติกเกอร์-ปาสี" ป้ายพรรค

 


"ไผ่ ดาวดิน" นำทีม "ทะลุฟ้า" บุกพรรคภูมิใจไทย จี้ถอนตัวพรรคร่วม ชี้รัฐบาลล้มเหลวในการบริหาร พร้อม"ติดสติกเกอร์-ปาสี" ป้ายพรรค


วันที่ (30 ก.ค.64) กลุ่มทะลุฟ้า นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” นัดหมายทำกิจกรรม “ยื่นหนังสือถึงพรรคร่วมรัฐบาล” ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตามลำดับ เพื่อเรียกร้องให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล


โดยเวลา 10.00 น. ที่บริเวณหน้าพรรคภูมิใจไทย ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มทะลุฟ้าได้จอดรถโมบายและรถกระบะที่บรรจุหุ่นฟางจำลอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม บริเวณประตูทางเข้าพรรค จากนั้นมีการผลัดเปลี่ยนปราศรัย และขอให้พรรคส่งตัวแทนมารับหนังสือ


ทั้งนี้ ไม่พบว่ามีใครออกมาเป็นตัวแทนรับหนังสือจากพรรคภูมิใจไทย จึงได้ทำกิจกรรม ติดสติกเกอร์และปาสี ใส่ป้ายพรรคภูมิใจไทย  


ต่อมา พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง ผกก.สน.บางเขน ได้เดินทางมาประกาศให้หยุดการชุมนุม เนื่องจากอยู่ในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่ให้มีการชุมนุมในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งทางผู้ชุมนุมมีการโห่ร้อง และไล่รถขยายเสียงออกนอกพื้นที่การชุมนุม 


อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุม ได้นำหุ่นฟาง ที่มีใบหน้าคล้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนจะราดน้ำมันและจุดไฟเผา ทำให้เจ้าหน้าที่ ต้องรีบเข้ามาเพื่อทำการดับไฟ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขวางเอาไว้ เมื่อหุ่นฟางไหม้วอดหมดไป ทางผู้ชุมนุมได้ประกาศยุติการชุมนุมบริเวณหน้าพรรคภูมิใจไทย ก่อนจะเดินทางไปยื่นหนังสือที่พรรคพลังประชารัฐ ถนนรัชดาภิเษก และพรรคประชาธิปัตย์ ต่อไป


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ทะลุฟ้า #ไล่ประยุทธ์


ประมวลภาพ