วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2567

“ฮ่องเต้ ธนาธร - อาย กันต์ฤทัย” เปิดใจ ก่อนมีคำพิพากษา คดี ม.112 เล่าชีวิต - ความฝัน - ความหวัง

 


“ฮ่องเต้ ธนาธร - อาย กันต์ฤทัย” เปิดใจ ก่อนมีคำพิพากษา คดี ม.112 เล่าชีวิต - ความฝัน - ความหวัง


เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. ที่อาคาร All rise ลาดพร้าว กลุ่ม Thumb Rights จัดงาน Stand Together เพื่อชวนผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่กำลังจะพิพากษาในเดือนนี้ มาเล่าเหตุการณ์คดีความและเรื่องราวชีวิตของพวกเขา โดยมีแขกรับเชิญ 2 คือ


1. ฮ่องเต้ นายธนาธร วิทยเบญจางค์ อดีตรองนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอดีตแกนนำพรรควิฬาร์ ที่ถูกดำเนินคดีหมายเลขคดีดำที่ อ.1304/2564 ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการอ่านแถลงการณ์และปราศรัยในระหว่างกิจกรรมคาร์ม็อบ “ล้านนาต้านศักดินาทัวร์” ที่บริเวณหน้าตำรวจภูธรภาค 5 และลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 โดยมีนัดฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 27 สิงหาคม 2567 นี้ และ


2. อาย นางสาวกันต์ฤทัย คล้ายอ่อน มวลชนอิสระ ที่ถูกดำเนินคดีหมายเลขคดีดำที่ อ.1262/2566 ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) และ (5) จากการโพสต์เฟซ ของเฟซบุ๊ก 8 ข้อความ ซึ่งจะมีนัดฟังคำพิพากษาที่ศาลอาญา วันที่ 27 สิงหาคม 2567 นี้


นายธนาธร หรือ ฮ่องเต้กล่าวว่า ปัจจุบันตนเองเป็นนิสิตปริญญาโท เรียนวิชาปรัชญา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตนเองมีหนังสือเล่มโปรดและมีแรงบันดาลใจจากหนังสือจำพวกคาร์ล มาร์กซ ซึ่งมีแรงบันดาลใจที่อยากจะเปลี่ยนให้สังคมดีขึ้น ตนเองเคลื่อนไหวทางการเมือง 2562 รัฐบาลสมัยนั้นยังไม่มีการจัดการโรค ซึ่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวมาเยอะมาก ตนจึงออกมาประท้วงมหาวิทยาลัยและรัฐบาลเรื่องของมาตรการป้องกันโรค


นายธนาธร หรือ ฮ่องเต้ กล่าวด้วยว่า วันที่ 27 สิงหาคมนี้ ตัวเองก็จะยื่นคำร้องผ่านทางทนายไปแล้วโดยจะมีการเตรียมตัว เช่น นำหลักฐานเพิ่มเติมในการเผื่อไว้เพื่อขอประกันตัวชั้นฎีกา โดยระบุเหตุผลว่าต้องเรียนต้องทำงาน และหาเลี้ยงครอบครัว นอกจากนี้อาจจะมีกิจกรรมเชิงอีเวนต์ก่อนมีคำพิพากษาด้วย โดยก็จะมีเพื่อนๆและครอบครัวร่วมเดินทางไปฟังคำพิพากษา ตนเองก็หวังว่าจะได้รับการประกันตัวเพราะขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นปริญญาโท หากไม่รับการประกันตัวก็จะขาดเรียนไปเลย


“สิ่งที่รัฐทำกับตนนั้น เขาพรากอนาคตไปจากเรา ถ้าเรามีความเป็นมนุษย์ด้วยกัน ตนเองเข้าคุกไปครอบครัวก็อาจจะเสียหายหนักพอสมควร ตัวเองเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมและขอศาลว่าขอให้ท่านไม่อยากให้ตัดสินบนฐานที่ว่าคนไม่สามารถปรับตัวเข้าใจได้ อยากให้ตัดสิน ประเทศไทยเราไปต่อได้ให้ประเทศไทยสามารถแก้ไขและไปต่อได้” นายธนาธร หรือ ฮ่องเต้ กล่าว


ด้าน อาย กันต์ฤทัย กล่าวว่า ตอนนี้ตัวเองปัจจุบันไม่ได้ทำงานอะไรเพราะว่าต้องขึ้นศาลและรายงานตัวบ่อย ส่วนมากนั่งนั่งในห้องเวรชี้เสียมากกว่า ซึ่งการมีความก็จะกระทบกับงานเพราะตนเองนั้นมีอาชีพอิสระเป็นแม่ค้าขายของ ตัวเองเกลียดตนเองเป็นตัวโจ๊กเกอร์ซึ่งก็มีความเป็นตัวอ่อนแอของเราและอีกมุมหนึ่งที่เข้มแข็งเหมือนตัวละครโจ๊กเกอร์ ตนเองเป็นโรคซึมเศร้าแต่ว่าโรคของตัวเองนั้นมีอาการมาตั้งแต่ก่อนเริ่มการเคลื่อนไหว โดยตนเองเริ่มการเคลื่อนไหวตั้งแต่ในช่วงปี 2563 จากข้อ 3 ของเรียกร้องในกลุ่มราษฎร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนออกมาชุมนุม ตนเองเคยถูกจับตั้งแต่ก่อนถูกดำเนินคดีมาตรา 112 


อาย กันต์ฤทัย กล่าวด้วยว่า วันนี้ตนนำตุ๊กตา Care Bears ตัวนี้ชื่อ "กู๊ดลัค" มีใบโคลเวอร์หมายถึงความโชคดี ตนยอมรับมีท้อบ้างตอนที่ขบวนกาเคลื่อนไหว คนเริ่มน้อยลงๆ เราไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับใครก็ได้ พูดไปก็ไม่รู้เขาจะลืมตาหรือเปล่าเราจะไปแหกตาเขาให้ฟังเราก็ไม่ได้ เมื่อต้องการอะไรฮีลใจบ้างเลยเลือกคุยกับตุ๊กตาดีกว่า เพราะตุ๊กตามันลืมตาอยู่แล้ว


อาย กันต์ฤทัย กล่าวอีกว่า ตนเตรียมตัวไว้แล้ว ในกรณีการโพส Facebook จำนวน 8 โพสต์ โทษสูงสุดคือ 24 ปี ซึ่งตนเอง ได้รับรองว่าอยู่ในกระบวนการรักษาโรคซึมเศร้า โดยจะแนบแอกสารนี้ในการยื่นประกันตัวด้วย ถ้าหากติดคุกไปก็ถือว่าเป็นการเข้าไปเปลี่ยนสังคม ซึ่งตนเองก็พยายามคิดบวกเข้าไว้ โดยตนเองก็หวังจะได้รับความเมตตา จะได้รับสิทธิการประกันตัว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #StandTogether #มาตรา112