‘น่าน’ คึก เพื่อไทยบุกปราศรัยต่อเนื่อง ‘เศรษฐา’ ยันกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทปั๊มเศรษฐกิจทั้งประเทศ ‘แพทองธาร’ ซูมปราศรัย ชูแก้ปัญหาที่ดินทำกิน
วันที่
8 เมษายน 2566 พรรคเพื่อไทยปราศรัยคิดใหญ่ ทำเป็น
เพื่อไทยทุกคน ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน อําเภอเมือง
จังหวัดน่าน นำทีมโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย,
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
พรรคเพื่อไทย, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ผู้สมัคร ส.ส. น่าน เขตเลือกตั้งที่ 2 เบอร์ 1, สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
พรรคเพื่อไทย, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียง พรรคเพื่อไทย,
พานทองแท้ ชินวัตร พร้อมด้วย ผู้สมัคร ส.ส.น่าน นายทรงยศ รามสูต
เขตเลือกตั้งที่ 1 เบอร์ 6 และ ณัฐพงษ์
สุปริยศิลป์ เขตเลือกตั้งที่ 3 เบอร์ 1
ท่ามกลางเสียงเชียร์จากพี่น้องจังหวัดน่าน
นางสาวแพทองธาร
ทักทายพี่น้องชาวน่านผ่านทางระบบ zoom ขอแรงสนับสนุนพรรคเพื่อไทย
ที่พร้อมจะแก้ไขปัญหาคาราคาซังอย่างเรื่องที่ดินทำกินให้พี่น้องประชาชน
พรรคเพื่อไทยมีนโยบายพิสูจน์สิทธิ์ที่ดิน
และนำที่ดินรัฐที่ไม่ได้ใช้งานมาจัดสรรค์ให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ดินทำกิน 50 ล้านไร่
พรรคเพื่อไทยได้ศึกษาหาข้อมูลออกมาเป็นนโยบายที่จะเป็นทางออกให้พี่น้องประชาชนเอาไว้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการเติมเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นทุกคน ให้คนไทยกลับมาอยู่ดีกินดีอีกครั้ง อีกแค่อึดใจเดียวในวันที่
14 พ.ค. ขอแรงจากชาวน่านเลือกพรรคเพื่อไทยเบอร์ 29 และเลือกส.ส. เขตน่าน ทั้ง 3 เขต
ให้แลนด์สไลด์ทั่วน่าน ทั้งคน ทั้งพรรค
นายเศรษฐา
ปราศรัยด้วยการเริ่มต้นว่า
ตัวเองมั่นใจว่าจะสามารถทำความฝันของคนน่านและคนไทยให้เป็นจริง
นำพาคนไทยหลุดพ้นจากหลุมดำความยากจน ด้วยนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่โดนใจ
ทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ในรัศมี 4
กิโลเมตร ถ้าครอบครัวมี 4-5 คนเท่ากับมีเงิน 4-5 หมื่นบาท เพียงพอไปสร้างอาชีพหรือตั้งตัวได้
ต่างจากรัฐบาลปัจจุบันที่มาหยอดน้ำข้าวต้ม ทีละ 500-1,000
บาท ซึ่งหลังประกาศออกไป มีหลายพรรคการเมืองตั้งคำถามว่าทำได้จริงหรือไม่
แต่ส่วนตัวเชื่อว่า นี่คือนิมิตหมายที่ดีว่าเป็นนโยบายที่โดนใจ
พรรคเพื่อไทยทำได้แน่นอน พร้อมเดินหน้านำนวัตกรรมใหม่ ๆ
ทางการเงินพาพี่น้องประชาชนหลุดพ้นหลุมดำแห่งความยากจน
นพ.ชลน่าน
ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร
ส.ส.น่าน เขตเลือกตั้งที่ 2 เบอร์ 1
กล่าวว่าวันนี้มีคนไปพูดต่าง ๆ
มากมายว่าพรรคเพื่อไทยจะยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบ้าง
ยกเลิกเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุบ้าง พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า
ทั้งเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่พี่น้องได้อยู่นั้น
พรรคเพื่อไทยจะไม่ยกเลิก มีแต่จะเข้าไปดูและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพราะพรรคเพื่อไทยประกาศไว้แล้วว่าจะต้องยกระดับชีวิตรายได้ของพี่น้องให้มากขึ้น
จากสถิติรายได้ของคนน่านเฉลี่ยนมีรายได้เฉลี่ย
6,000 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งเป็นรายได้ที่ไม่พอกับรายจ่าย หากพรรคเพื่อไทยมา
เราจะเติมเงินให้ครอบครัวไหนรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท
เราจะเติมให้ถึง 20,000 บาท และใครที่อายุ 16 ปีขึ้นไป เราจะมีกระเป๋าเงินดิจิทัลแจกอีกคนละ 10,000 บาท เพื่อให้ใช้จ่ายซื้ออาหาร ของกินของใช้ เครื่องมือการเกษตรทำงาน
อย่างนี้แล้วพี่น้องยังอยากได้แค่ 200-300 บาทอีกหรือไม่
สุทิน
คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
กล่าวว่าเหลือเวลาอีกไม่เกิน 35 วันก็จะถึงวันเลือกตั้ง
สมัยก่อนเวลาเลือกตั้งก็คิดแค่ว่าใครก็ได้เหมือน ๆ กัน
แต่หลังจากมีพรรคไทยรักไทยจนถึงพรรคเพื่อไทย ที่มีนโยบายออกมาแก้ปัญหาพี่น้อง
ทำให้พี่น้องรู้ว่าเราเลือกอนาคตเราได้ เราเลือกชีวิตที่ดีขึ้นได้เปลี่ยนแปลงได้
เมื่อเลือก ส.ส. หรือพรรคการเมืองที่มีคุณภาพ มีนโยบายที่ดี
“8 ปีที่ผ่านมา ชีวิตพี่น้องได้แค่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ 300-400 บาท พอถึงฤดูหาเสียงก็มาเพิ่มเงินให้พี่น้องเป็น 700-800 บาท แต่พรรคเพื่อไทยเห็นพี่น้องลำบากมานาน ครอบครัวไหนรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท เราเติมเงินให้พี่น้องให้ถึง 20,000 บาท และเราจะเติมเงินดิจิทัลให้พี่น้องใครอายุ
16 ปีขึ้นไป ใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท
ใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ดังนั้น 14 พฤษภาคมนี้
เลือกเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรคเท่านั้น
ถ้าเลือกเพื่อไทยใบเดียวก็ได้ประยุทธ์อยู่ต่อไป
แต่ถ้าเลือกสองใบได้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ
ปราศรัยเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์ ถ้าแบ่งใจให้พรรคอื่นอาจได้ประยุทธ์- ประวิตรกลับมา
การเลือกตั้งครั้งนี้จึงขอเลือกเพื่อไทยจังหวัดน่านทั้ง 3 เขต
ให้สมศักดิ์ศรีหัวหน้าพรรคจะได้ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ ส่งลูกหลานคนเมืองน่านทำหน้าที่ในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
ในส่วนนโยบายเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล
10,000 บาท ที่ทาง กกต. เรียกพรรคเพื่อไทยไปชี้แจงนั้น
มีคนกังวลว่าอาจถูกยุบพรรค ณัฐวุฒิย้ำว่าพี่น้องอย่าตกใจไป
เพราะเจ้าหน้าที่กกต.ก็ลำบากใจเต็มที แต่นโยบายนี้ ‘มาจริง มาชัด มาเต็ม’ แน่นอน
แต่ย้ำว่าต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ในกรอบรัศมี 4 กิโลเมตร
ถ้าพื้นที่ห่างไกล รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะปรับขยับขยายให้
นี่จะเป็นครั้งแรกที่คนไทยทั้งประเทศมีคนละหมื่น
“พรรคเพื่อไทย ไม่เคยมองประชาชนเป็นยาจก
พรรคเพื่อไทยมองประชาชนเป็นเจ้าของประเทศ เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
และเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการทำงานของพลเอกประยุทธ์
เราจะเดินทางไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าด้วยรัฐบาลที่ประสิทธิภาพที่สูงกว่า” นายณัฐวุฒิ
กล่าวทิ้งท้าย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66