‘พิธา-วิโรจน์’ เสวนางานสัปดาห์หนังสือ ‘ประเทศนี้อนุญาตให้เราฝันไกลแค่ไหน’
ยกตัวอย่างหนังสือ ‘Downtown Ayutthaya-ลาร์มินูตา’
ถอดประเด็นไทยต้องคว้าโอกาสจากโลกาภิวัตน์
สร้างรัฐสวัสดิการให้คนไทยมีพื้นฐานชีวิตเท่าเทียม
วันที่
8 เมษายน 2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัคร
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเสวนา ‘อนาคตใหม่ทอล์ค: อ่านโลกแล้วหันมองไทย
ประเทศนี้อนุญาตให้เราฝันไกลแค่ไหน’ โดยพิธายกตัวอย่างหนังสือ ‘Downtown
Ayutthaya’ ที่สะท้อนภาพประเทศไทยในปัจจุบันโดยอ่านประสบการณ์จากยุคอยุธยา
พร้อมระบุว่าการบริหารราชการแผ่นดินในสมัยอยุธยาน่าสนใจมาก ใช้โอกาสจากโลกาภิวัตน์
จากการเข้ามาของต่างชาติให้เกิดประโยชน์ ขณะที่ประเทศไทยปัจจุบัน
เราไม่สามารถคว้าโอกาสจากโลกาภิวัตน์ได้อย่างที่ควรเป็น
พิธายังกล่าวถึงโอกาสทางธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยหรือสตาร์ตอัปไทยว่า
การที่ประเทศไทยจะมีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นยูนิคอร์นได้
นอกจากต้องอาศัยความสามารถของผู้ประกอบการ
หลายคนยังต้องต่อสู้กับเสือนอนกินและอุปสรรคในระบบราชการ
ที่ทำให้เกิดช่องโหว่เรียกรับผลประโยชน์ เช่น การส่งส่วย
เรื่องเหล่านี้หากนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหา จะเป็นประโยชน์
ช่วยสร้างความโปร่งใสและความเท่าเทียมระหว่างผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่
แต่การจะแก้ปัญหานี้
สิ่งสำคัญคือต้องมีคนที่กล้าพูดถึงปัญหาและกล้าเข้าไปแก้ที่ต้นตอ ดังนั้น
หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราพร้อมกิโยตินหรือยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคและล้าหลังลงถึง
50%
ช่วงหนึ่ง
พิธาได้กล่าวถึงประเด็นทางการเมืองว่า
พรรคก้าวไกลตั้งใจให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความหวังของประชาชน
เราเสนอนโยบายเพื่อสร้างการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต ไม่ว่าจะเป็น
ทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งหมดภายใน
100 วัน
ผลักดันหวยใบเสร็จเพื่อเพิ่มแต้มต่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยในการแข่งขันกับทุนใหญ่
รวมถึงสร้างงานซ่อมประเทศ ให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีของตัวเอง
สร้างอุตสาหกรรมที่สร้างงานแก่คนไทยในระยะยาว
โดยยืนยันว่าพรรคก้าวไกลต้องการทำการเมืองที่ ‘เชื่อถือได้’
หมายถึงการมีอุดมการณ์ชัดเจน ไม่ใช่ข้ามขั้วไปมา และ ‘จับต้องได้’
หมายถึงมีประสิทธิภาพในการทำงาน เพราะหากพรรคก้าวไกลขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง
ประชาชนก็คงไม่เลือกเรา
“เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลาย ไม่ใช่แค่เพื่อให้พิธาเป็นนายกฯ
หรือให้วิโรจน์เป็นรัฐมนตรี
แต่เพื่อให้เราเป็นรัฐบาลผลักดันกฎหมายก้าวหน้าให้สำเร็จ ทั้งสมรสเท่าเทียม
สุราก้าวหน้า ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” พิธากล่าว
พิธายังอธิบายถึงแนวคิดการจัดลำดับผู้สมัคร
ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคก้าวไกลว่า การจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง
เป็นกระจกสะท้อน 2
เรื่อง ได้แก่ (1) สะท้อนคุณค่าภายในที่พรรคยึดถือ
ว่าพรรคให้ความสำคัญกับระบบอาวุโสหรือให้ความสำคัญกับนายทุน แต่สำหรับพรรคก้าวไกล
คุณค่าที่ยึดถือคือความหลากหลายและความเป็นมืออาชีพ
เราต้องการให้คนที่ทำงานในด้านนั้นๆ มาขับเคลื่อนประเทศในด้านที่เขาทำอยู่ และ (2)
สะท้อนออกไปภายนอก
ว่าพรรคมองเห็นโอกาสและความท้าทายของประเทศอย่างไร สำหรับพรรคก้าวไกล
โอกาสที่เรามองเห็นคือเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเศรษฐกิจดิจิทัล
ส่วนความท้าทายของประเทศนั้นเช่น สังคมสูงวัย ความปลอดภัยไซเบอร์ สิ่งแวดล้อม
เป็นต้น
ด้านวิโรจน์
แนะนำวรรณกรรมจากสำนักพิมพ์อ่านอิตาลีชื่อ ‘ลาร์มินูตา’
ให้เหตุผลว่าชอบหนังสือเล่มนี้เพราะได้เห็นวิธีคิดของสองครอบครัวที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน
จึงมีความคิดไม่เหมือนกัน สะท้อนว่าการหล่อหลอมคนคนหนึ่งให้เติบโต
การศึกษาและการดูแลของครอบครัวเป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้น
การสร้างรัฐสวัสดิการเพื่อให้เด็กทุกคนมีพื้นฐานชีวิตที่เท่าเทียมกัน
จึงสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ พรรคก้าวไกลมีนโยบายของขวัญแรกเกิด 3,000 บาท
เบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน คูปองเปิดโลก
ให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้นอกห้องเรียน เป็นต้น
นอกจากเวทีเสวนาครั้งนี้
พรรคก้าวไกลยังได้รับการตอบรับจากนักอ่านหลากหลายวัย
ทั้งผู้สูงวัยและเยาวชนที่หลายคนกำลังจะมีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก
เดินทางมาซื้อหนังสือและร่วมพูดคุยกับแกนนำพรรคตลอดทั้งวันจนล้นบูธ
หลายคนบอกว่าเดินทางมาเพื่อพบแกนนำพรรคก้าวไกลโดยเฉพาะ และสนับสนุนพรรคมาตั้งแต่ครั้งเป็นอดีตอนาคตใหม่
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความหวัง อยากให้คนใหม่ๆ เข้าไปเปลี่ยนแปลงประเทศ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล #สัปดาห์หนังสือ66