วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2566

ขัตติยา สวัสดิผล : ตัวแทนพรรคเพื่อไทย เสนอนโนบายและแนวทางปฏิบัติ ต่อ 8 ข้อเรียกร้องของคปช.53

 


ขัตติยา สวัสดิผล : ตัวแทนพรรคเพื่อไทย เสนอนโนบายและแนวทางปฏิบัติ ต่อ 8 ข้อเรียกร้องของคปช.53


สวัสดีนะคะ กราบสวัสดี อ.ธิดา นะคะ กราบสวัสดีคุณหมอเหวง อาเต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นะคะ แล้วก็พี่น้องคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้กันมามากกว่า 13 ปี


วันนี้เดียร์ได้รับมอบหมายจากทางกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยให้เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทยมาพูดถึง 8 ข้อเรียกร้อง ที่ทาง คปช53 หรือ คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 ได้มีข้อเรียกร้องต่อพรรคการเมืองต่าง ๆ ถึงแม้ว่าเดียร์จะไม่ได้มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคก็ตาม แต่สิ่งที่เดียร์กำลังจะพูดต่อไปนั่นคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำและผลักดัน หากว่าพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกให้เป็นรัฐบาลและมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร


ทั้ง 8 ข้อเรียกร้อง เดียร์อาจจะไม่ได้แยกพูดเป็นข้อ ๆ นะคะ แต่เดียร์จะขออนุญาตร้อยเรียงเป็นเรื่องราว และเชื่อว่า 8 ข้อเรียกร้องจะอยู่ในสิ่งที่เดียร์กำลังจะพูดต่อไปนี้ค่ะ


ส่วนแรกเดียร์ขอพูดถึงเรื่องการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แน่นอนค่ะ พรรคเพื่อไทยจะผลักดันให้มีการตั้งสสร. และสสร.จะต้องมาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน หลังจากที่มีการเลือกตั้งสสร.แล้ว เราจะปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสสร. ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องการคือเราจะขับเคลื่อนอยู่ข้างนอก เพื่อให้สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนนั้นเห็นว่าอะไรที่พรรคเพื่อไทยต้องการที่จะนำเสนอ แน่นอนค่ะ วุฒิสภา เราจะยังคงให้มีต่อไป แต่ทุกคนทั้ง 150 คนนั้นจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนค่ะ นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากการเลือกของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น


ในส่วนขององค์กรอิสระค่ะ เดียร์ขอเริ่มต้นจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน เราจะต้องมีการจำกัดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการรัฐธรรมนูญจะต้องยึดโยงกับประชาชนนั่นหมายถึงจะต้องมาจากการสรรหาของรัฐสภาเท่านั้นค่ะ


ในส่วนขององค์กรอิสระอื่น ๆ เราต้องการจำกัดอำนาจหน้าที่ค่ะ ใครมีปัญหากับการใช้อำนาจของ ป.ป.ช. บ้างคะเดียร์ขอเสียงหน่อย ป.ป.ช.นี่แหละค่ะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งหลาย ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมตอนนี้ เราจะมีการจำกัดอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระจะต้องมีการยึดโยงกับประชาชน นั่นหมายถึงว่าจะต้องมาจากการสรรหาของรัฐบาลหรือรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้นค่ะ การฟ้องคดีของป.ป.ช. การชี้มูลความผิดของป.ป.ช. จะต้องมีการแก้ไขค่ะ ปัจจุบันป.ป.ช.มีคำสั่ง มีความสามารถ มีอำนาจหน้าที่ในการชี้มูลความผิดของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่องใดที่เรายื่นไปถึงป.ป.ช. และป.ป.ช.ชี้ว่าไม่มีมูลความผิด เรื่องนั้นมันตกไปเลย ทำให้ไม่มีประโยชน์ในสิ่งที่เราเรียกร้องกันมา แต่พรรคเพื่อไทยค่ะ ถ้าเราเป็นรัฐบาล เราจะไปแก้ไขข้อจำกัดตรงนี้ นั่นหมายความว่าถ้าป.ป.ช.ชี้มูลแล้วมันตกไป เราจะให้มีการยื่นไปถึงอัยการสูงสุดได้ และหากอัยการสูงสุดยังคงตีตกอยู่อีก เราจะให้อำนาจประชาชนในการยื่นฟ้องศาลได้โดยตรงค่ะ


ในส่วนการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของคปช.53 พรรคเพื่อไทยเรามีแนวความคิดว่าเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันในสภาผู้แทนราษฎร เราจะมีการแก้ไขโทษที่มันรุนแรงเกินไป รวมถึงคนที่จะไปแจ้งความร้องทุกข์นั้น เรามองว่าจะต้องเป็นผู้เสียหายในคดีเท่านั้นค่ะ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่ไปแจ้งความมาตรา 112 ต่อไป นั่นหมายถึงว่าเขาจะใช้การเอาคดี 112 มาเพื่อการกลั่นแกล้งประชาชนที่ไปเรียกร้องทางการเมือง


พี่น้องคะ ในการปฏิรูปกองทัพ แน่นอน เดียร์โตมาในค่ายทหาร เรารู้ว่ากองทัพเป็นยังไง พรรคเพื่อไทยจะผลักดันยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และให้การเกณฑ์ทหารนั้นมีขึ้นเพราะความสมัครใจเท่านั้นค่ะ ที่เดียร์ต้องพูดอย่างนี้ต้องขอเกริ่นไปก่อนว่าตลอดเวลา 29 ปีก่อนที่คุณพ่อจะเสีย เดียร์โตมาด้วยทหารรับใช้ค่ะ คำว่าทหารรับใช้ เราเรียกกันว่าทหารรับใช้จนติดปาก ทั้ง ๆ ที่ทหารเกณฑ์เหล่านี้เขามารับใช้บ้านเมือง ไม่ได้มารับใช้ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง แต่สาเหตุที่ทหารเกณฑ์เหล่านี้จะต้องออกมาอยู่ตามบ้านพักของผู้บังคับบัญชา นั่นหมายถึงว่าเขาไม่มีความสุขในการที่เขาจะประจำกรมกองค่ะ เพราะว่าเขากลัวว่าจะถูกผู้หมวด-จ่า เหล่านี้ซ่อมเขาหรือทำโทษเขาหากเขาปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง เขาเลยต้องหาทางออกด้วยการที่มาอยู่บ้านผู้บังคับบัญชาต่าง ๆ ยอมมาเป็นทหารรับใช้ ซึ่งมันก็เหมือนเป็นการซื้อล็อตเตอรี่เหมือนกัน เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าครอบครัวหรือผู้บังคับบัญชาที่เราไปอยู่นั้น ครอบครัวนั้นเขาจะดูแลเราดีหรือเปล่า


เดียร์ขอเล่าประสบการณ์นะคะ เกิดขึ้นตอนเดียร์เด็ก ๆ มีคนเล่าให้เดียร์ฟังว่าทหารเหล่านี้ถูกบังคับให้ซักผ้า ถูกบังคับให้ซักชุดชั้นในของภรรยาผู้บังคับบัญชา หนักไปกว่านั้น ทหารเหล่านี้ถูกยึดเบี้ยเลี้ยงที่ได้ในแต่ละเดือน ซ้ำยังไม่พอ ไม่ให้ข้าวกิน ทหารเหล่านั้นต้องไปขอข้าววัดกิน นี่คือสิ่งทีเกิดขึ้นในสังคมของทหารหรือในกองทัพจริง ๆ ดังนั้นเดียร์สนับสนุนเต็มที่ให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารและให้การเกณฑ์ทหารนั้นมาจากการสมัครใจเท่านั้นค่ะ


ในส่วนของการแก้ไขพระราชบัญญัติกลาโหมหรือสภากลาโหม การแต่งตั้งโยกย้ายทหารที่อยู่ในกองทัพ เราจะต้องมีคนจากฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองเข้าไปนั่งให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้การโยกย้ายเหล่านั้นเป็นการอำนวยความสะดวกของคนในกองทัพ ซึ่งง่ายต่อการปฏิวัติรัฐประหาร


เราจะมีการแก้ไขเรื่องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนนะคะ ในเรื่องการถูกจับ การประกันตัว การประกันตัวจะต้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ การไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจะเป็นเพียงแค่ยกเว้นเท่านั้นค่ะพี่น้อง


การต่อต้านรัฐประหาร เราพยายาม พรรคเพื่อไทย ใครจะมาบอกว่าเราไม่เคยมาต่อต้านการรัฐประหารเลย เวลาที่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น เราไม่เคยแก้ไขผลพวงของการรัฐประหารเลย หากใครย้อนกลับไปตอนปี 54 ในสมัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ค่ะ เราเห็นผลพวงกฎหมายที่เป็นปัญหาจากการรัฐประหาร นั่นคือรัฐธรรมนูญปี 60 เราต้องการจะแก้ไขให้มีการตั้งสสร. และตอนนั้นมีใครจำได้บ้างคะ แต่มีคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญและบอกว่าเราไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ แต่ให้แก้ไขเป็นรายมาตราไป ทุกคนจำได้มั้ยคะ ณ ตอนนั้นค่ะ พรรครัฐบาลคือพรรคเพื่อไทยต้องใช้เวลาอยู่ในรัฐสภานานมากเป็นหลายอาทิตย์เลย เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ให้เราทำเพราะเราแพ้เสียงในสภา สิ่งที่เราโดนคือส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดโดนข้อหาล้มล้างการปกครอง เดชะบุญว่าศาลยกฟ้องตรงนี้ไป ไม่อย่างงั้นส.ส.เพื่อไทยคงได้ไปอยู่ในคุกกันแล้วค่ะพี่น้อง


ในส่วนของคดีความของคนเสื้อแดง เดียร์มาอยู่ตรงนี้ เดียร์เชื่อว่าไม่มีใครมีสถานะเดียวกับเดียร์ นั่นคือเป็นผู้สูญเสียโดยตรง อย่างที่เดียร์บอกค่ะว่าเดียร์มาในวันนี้เดียร์ได้รับความมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารของพรรคเพื่อไทยให้มาพูดถึงสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำ แต่เดียร์ก็สวมหมวกอีกใบในฐานะผู้สูญเสียที่เคยอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรและต่อสู้เรื่องนี้ และในอนาคต ขอบคุณกรรมการสรรหาพรรคเพื่อไทยค่ะ ที่ให้เดียร์อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 20 นั่นหมายความว่าพรรคเพื่อไทยและคณะกรรมการสรรหาพรรคเพื่อไทย ยังแสดงความเคารพต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ปี 52 และ 53 ทุกคน


ย้อนไปในสมัยรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ใครอาจจะบอกว่าเราทำอะไรไม่สำเร็จเลย แต่สิ่งที่เราทำสำเร็จและเดียร์มองว่ามันคือความสำเร็จ 2 อย่าง นั่นคือ 1. การเยียวยาผู้สูญเสียทุกคน ผู้สูญเสียเราไม่แยกสีเสื้อ เราย้อนกลับไปตั้งแต่ผู้ที่ออกมาต่อสู้หรือชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 48 จนถึงปี 53 การเยียวยานั้นทุกคนในที่นี้ที่เป็นญาติ หรือเป็นผู้สูญเสีย หรือเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ อาจจะได้รับเงินเยียวยาไป แต่เดียร์เป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับเงินนั้นค่ะ สาเหตุก็เพราะว่าการเสียชีวิตของคุณพ่อยังหาสาเหตุไม่จบและคุณพ่อโดนคดีก่อการร้าย แต่นั่นไม่เป็นไร ถึงเดียร์จะไม่ได้ แต่พี่น้องได้ เดียร์โอเค


ณ ตอนนั้นค่ะ การจ่ายเงินเยียวยาทำให้รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องโดนข้อครหา โดนฟ้องคดีจากพรรคฝ่ายค้าน เพราะพรรคฝ่ายค้านไปยื่นว่าการจ่ายเงินเยียวยานั้นเป็นการจ่ายโดยที่ไม่มีอำนาจและไม่มีกฎหมายรองรับ แต่โชคดีค่ะว่าพรรคเพื่อไทยได้แถลงเป็นนโยบายต่อสภาเอาไว้ว่าเราจะดูแลผู้สูญเสียทุกคน นั่นทำให้ป.ป.ช.ไม่ชี้มูลความผิดรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ รวมถึงรัฐมนตรีทุกคน การต่อสู้นี้ยาวนานมากว่า 8 ปีค่ะ ที่เดียร์คิดว่าการเยียวยาได้ผลเพราะว่าเดียร์เคยเดินเจอผู้ชุมนุม แล้วเขาก็บอกว่าเขาเป็นผู้สูญเสียหรือเขาเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุม เขาบอกเขาโอเคที่ได้รับเงิน 7.5 ล้านนี้ไป หรือเป็นอัตราส่วนอื่น ๆ นะคะแล้วแต่ถ้าเกิดมีการบาดเจ็บก็น้อยหน่อย เขาก็บอกว่า อย่างน้อยมันสามารถทำให้เขาตั้งตัวได้ และคนที่เสียเสาหลักของชีวิตไป เขาสามารถเอาเงินจำนวนนี้ไปสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อที่จะเดินต่อไปข้างหน้าได้ เพราะฉะนั้นเดียร์ถือว่าตรงนี้พรรคเพื่อไทยได้ทำสำเร็จแล้วในเรื่องของการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทุกคน


คดีความค่ะ คุณพ่อเสียชีวิตตอนปี 53 ก่อนที่เราจะมีการเลือกตั้งในปี 54 ระยะเวลาเกือบ 1 ปี คดีความของคุณพ่อไม่มีความคืบหน้า คดีความของคนเสื้อแดงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด คนแรกที่เรียกเดียร์เข้าไปคุยตอนนั้นที่เรายังไม่มีรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยเลยคือ ท่านทวี สอดส่อง จากพรรคประชาชาตินะคะ ต้องขอชื่นชมอาทวี ณ ตอนนั้นที่เรียกเดียร์เข้าไปแล้วก็พาเจ้าหน้าที่ DSI 2 ท่านมาพบเดียร์ เพื่อที่จะพูดถึงแนวทางในการที่จะทวงความยุติธรรมให้คุณพ่อ เราต้องนั่งคุยกันแบบลับ ๆ ค่ะ เพราะว่า ณ ตอนนั้นบรรยากาศทางการเมืองไม่เปิดโอกาสให้เราค้นหาความจริงได้เลย แต่พอมาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยปี 54 เดียร์ต้องยอมรับเลยว่าคดีมันมีความคืบหน้าจริง ๆ เรามีสารตั้งต้นจากตำรวจไปที่ DSI ไปถึงอัยการ จนกระทั่งคดีไปถึงศาลแล้ว เมื่อคดีไปถึงศาลเดียร์มองว่าสิ่งนี้คือความสำเร็จในการทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนคนเสื้อแดงในขั้นแรก แม้ว่าหลังจากนั้นก็ตาม ทางคุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพจะใช้เทคนิคในด้านกฎหมายบอกว่าเราไม่สามารถจะยื่นฟ้องเขาทั้งสองคนในศาลอาญาได้ก็ตาม เพราะเขากระทำการในฐานะนายกฯและรองนายกฯ เรื่องนี้จะต้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นั่นหมายความว่าคดีเราจะต้องกลับไปยื่นป.ป.ช.เพื่อให้ป.ป.ช.ทำเรื่องส่งไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ แต่น่าเสียดายว่าป.ป.ช. ด้วยความที่เป็นองค์กรอิสระ เป็นผลพวงมาจากการรัฐประหาร ป.ป.ช.ตีตกและบอกว่าอภิสิทธิ์และสุเทพทำการในฐานะผู้สั่งการตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน คนที่จะต้องไปเอาผิดนั่นคือทหารที่ปฏิบัติการอยู่ที่แยกราชประสงค์และสี่แยกคอกวัวเท่านั้น ถ้าเราไปเอาผิดคนเหล่านี้นั่นหมายความว่าเราต้องไปเอาผิดเขาที่ศาลทหาร


ดังนั้นค่ะ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำถ้าเราได้มีโอกาสไปเป็นรัฐบาล เราจะทวงคืนและสอบถามความยุติธรรมในคดีอีก 62 ศพที่เหลือ เราจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อที่จะมานั่งวิเคราะห์กันว่าคดีแต่ละคดีทั้ง 62 คดีนั้น จะต้องยื่นฟ้องศาลไหนถึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่สุด ที่เดียร์พูดถึงปัญหาของป.ป.ช.เมื่อกี้ เราจะแก้ไขอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.เหมือนที่เดียร์บอกไป คือถ้าเกิดป.ป.ช.ชี้ว่าคดีไม่มีมูลก็ดี หรือว่าอัยการสูงสุดบอกว่าคดีไม่มีมูลก็ดี เราจะให้สิทธิ์ประชาชนในการฟ้องตรงต่อศาลค่ะ และในกรณีของศาลทหารนะคะ ถ้าเกิดว่าผู้ที่ปฏิบัติการเข่นฆ่าประชาชนเป็นทหาร เราจะไม่จำกัดการฟ้องคดีอยู่แค่ศาลทหารเท่านั้น แต่จะต้องดึงคดีลงมาไว้ที่ศาลพลเรือนให้ได้ค่ะ


ที่ผ่านมา คนเสื้อแดงต่อต้านรัฐประหาร เราออกมาต่อต้านรัฐประหาร เขาใช้อาวุธสงครามกับเรา ซึ่งมันหนักหนามาก แต่ ณ ตอนนี้กลุ่มคนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร เขาใช้นิติสงครามแทนอาวุธสงคราม ดังนั้นค่ะ เดียร์ก็อยากให้คนที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหาร เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนที่โดนอาวุธสงครามในตอนนั้นด้วย คนอาจจะพูดว่าแล้วกระบวนการยุติธรรมภายในอีก 7 ปีจะหมดอายุความแล้ว เดียร์มั่นใจในพรรคเพื่อไทย เดียร์มั่นใจในรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยว่าจะสามารถดูแล แล้วก็นำเสนอหรือหาทางออกให้กับผู้สูญเสียหรือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมในปี 53 ได้ เรายังมีเจตจำนงที่จะดำเนินคดีหาความยุติธรรมภายในประเทศ และเรายังคิดว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศยังสามารถทำได้ ถ้าเราอับจนซึ่งหนทางแล้วจริง ๆ เราจะแสวงหาความยุติธรรมจากองค์กรระหว่างประเทศแน่นอนค่ะ


ดังนั้นค่ะ ก็อยากให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ที่นี่ พี่น้องคนเสื้อแดง มั่นใจค่ะว่า ใน 8 ข้อเรียกร้องที่เดียร์พูดมาอยู่ในนโยบายของพรรคเพื่อไทยแน่นอน และที่แน่ ๆ ค่ะ มีเดียร์คนหนึ่งแล้วในฐานะผู้สูญเสียที่พรรคเพื่อไทยได้มอบหมายให้เข้าไปนั่งในสภา เพื่อที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงทุกคนค่ะ


เดียร์ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า ข้อเรียกร้องของคปช.53 ทั้ง 8 ข้อ พรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุนอย่างแน่นอน แน่นอนว่าเราต้องเริ่มจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ พอเราแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว การแก้ไขกฎหมายอื่น ๆ เพื่อที่จะเรียกคืนความยุติธรรมให้กับบ้านเมือง ให้กับประชาชน ก็จะตามมา สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การปฏิรูปกองทัพ การปฏิรูประบบราชการ สิ่งเหล่านี้เราเห็นด้วยกับการที่จะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เรื่องคดีความของคนเสื้อแดง อย่างที่เดียร์บอกไปว่าเราทำสำเร็จในเรื่องของการเยียวยาไปแล้ว เราเหลือเรื่องคดีความ ซึ่งเดียร์ไม่อยากจะพูดว่าที่ผ่านมาเราทำไม่สำเร็จ เราทำสำเร็จไปแล้วเพราะเราสามารถดึงเรื่องเข้าสู่ศาลฎีกาได้ แต่ด้วยเทคนิคของกฎหมายและผู้มีอำนาจในตอนนั้น ทำให้เรื่องมันถูกตีกลับมา แต่อย่างไรก็ตามค่ะ เดียร์เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย แกนนำนปช. และคนเสื้อแดงทุก ๆ คน คนที่อยู่ในนี้ จะร่วมกันผลักดันให้คดีความของคนเสื้อแดงไปสู่ความยุติธรรมอย่างถึงที่สุด ใช่มั้ยคะ


เดียร์ไม่ห่วงเลยค่ะ เดียร์ไม่ห่วงในฐานะผู้สูญเสียจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากความยุติธรรมในประเทศ เพราะทุกคนที่อยู่ในนี้จะช่วยกันตามหาความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสียอย่างแน่นอน ถ้าเราช่วยกันไม่ได้แล้วจริง ๆ ถ้าเรามองตากันปริบ ๆ แล้วบอกว่ามันอับจนซึ่งหนทางแล้วจริง ๆ ถึงตอนนั้นกลไกระหว่างประเทศค่อยเข้ามาค่ะ และเดียร์ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนที่อยู่บน Panel แห่งนี้ เราจะได้มีโอกาสได้ร่วมงานเป็นรัฐบาลที่มาจากเสียงประชาชน เพื่อที่จะผลักดันและช่วยคืนความยุติธรรมให้กับผู้ต่อสู้ทางการเมืองทุกคนค่ะ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #เพื่อไทย #13ปีเมษาพฤษภา53 #คนเสื้อแดง