ขัตติยา
สวัสดิผล : ตัวแทนพรรคเพื่อไทย เสนอนโนบายและแนวทางปฏิบัติ ต่อ 8 ข้อเรียกร้องของคปช.53
สวัสดีนะคะ
กราบสวัสดี อ.ธิดา นะคะ กราบสวัสดีคุณหมอเหวง อาเต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นะคะ
แล้วก็พี่น้องคนเสื้อแดงที่ร่วมต่อสู้กันมามากกว่า 13 ปี
วันนี้เดียร์ได้รับมอบหมายจากทางกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยให้เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทยมาพูดถึง
8 ข้อเรียกร้อง ที่ทาง คปช53 หรือ คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553
ได้มีข้อเรียกร้องต่อพรรคการเมืองต่าง ๆ
ถึงแม้ว่าเดียร์จะไม่ได้มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริหารพรรคก็ตาม
แต่สิ่งที่เดียร์กำลังจะพูดต่อไปนั่นคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำและผลักดัน
หากว่าพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกให้เป็นรัฐบาลและมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
ทั้ง
8 ข้อเรียกร้อง เดียร์อาจจะไม่ได้แยกพูดเป็นข้อ ๆ นะคะ แต่เดียร์จะขออนุญาตร้อยเรียงเป็นเรื่องราว
และเชื่อว่า 8 ข้อเรียกร้องจะอยู่ในสิ่งที่เดียร์กำลังจะพูดต่อไปนี้ค่ะ
ส่วนแรกเดียร์ขอพูดถึงเรื่องการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แน่นอนค่ะ พรรคเพื่อไทยจะผลักดันให้มีการตั้งสสร. และสสร.จะต้องมาจากการเลือกตั้งของพี่น้องประชาชน
หลังจากที่มีการเลือกตั้งสสร.แล้ว เราจะปล่อยให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสสร.
ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องการคือเราจะขับเคลื่อนอยู่ข้างนอก
เพื่อให้สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนนั้นเห็นว่าอะไรที่พรรคเพื่อไทยต้องการที่จะนำเสนอ
แน่นอนค่ะ วุฒิสภา เราจะยังคงให้มีต่อไป แต่ทุกคนทั้ง 150 คนนั้นจะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนค่ะ
นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากการเลือกของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ในส่วนขององค์กรอิสระค่ะ
เดียร์ขอเริ่มต้นจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน เราจะต้องมีการจำกัดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ
ตุลาการรัฐธรรมนูญจะต้องยึดโยงกับประชาชนนั่นหมายถึงจะต้องมาจากการสรรหาของรัฐสภาเท่านั้นค่ะ
ในส่วนขององค์กรอิสระอื่น
ๆ เราต้องการจำกัดอำนาจหน้าที่ค่ะ ใครมีปัญหากับการใช้อำนาจของ ป.ป.ช. บ้างคะเดียร์ขอเสียงหน่อย
ป.ป.ช.นี่แหละค่ะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งหลาย ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมตอนนี้
เราจะมีการจำกัดอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระจะต้องมีการยึดโยงกับประชาชน
นั่นหมายถึงว่าจะต้องมาจากการสรรหาของรัฐบาลหรือรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเท่านั้นค่ะ
การฟ้องคดีของป.ป.ช. การชี้มูลความผิดของป.ป.ช. จะต้องมีการแก้ไขค่ะ ปัจจุบันป.ป.ช.มีคำสั่ง
มีความสามารถ มีอำนาจหน้าที่ในการชี้มูลความผิดของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เรื่องใดที่เรายื่นไปถึงป.ป.ช. และป.ป.ช.ชี้ว่าไม่มีมูลความผิด เรื่องนั้นมันตกไปเลย
ทำให้ไม่มีประโยชน์ในสิ่งที่เราเรียกร้องกันมา แต่พรรคเพื่อไทยค่ะ
ถ้าเราเป็นรัฐบาล เราจะไปแก้ไขข้อจำกัดตรงนี้
นั่นหมายความว่าถ้าป.ป.ช.ชี้มูลแล้วมันตกไป เราจะให้มีการยื่นไปถึงอัยการสูงสุดได้
และหากอัยการสูงสุดยังคงตีตกอยู่อีก
เราจะให้อำนาจประชาชนในการยื่นฟ้องศาลได้โดยตรงค่ะ
ในส่วนการแก้ไขมาตรา
112 ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของคปช.53
พรรคเพื่อไทยเรามีแนวความคิดว่าเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันในสภาผู้แทนราษฎร
เราจะมีการแก้ไขโทษที่มันรุนแรงเกินไป รวมถึงคนที่จะไปแจ้งความร้องทุกข์นั้น
เรามองว่าจะต้องเป็นผู้เสียหายในคดีเท่านั้นค่ะ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่ไปแจ้งความมาตรา
112 ต่อไป นั่นหมายถึงว่าเขาจะใช้การเอาคดี 112
มาเพื่อการกลั่นแกล้งประชาชนที่ไปเรียกร้องทางการเมือง
พี่น้องคะ
ในการปฏิรูปกองทัพ แน่นอน เดียร์โตมาในค่ายทหาร เรารู้ว่ากองทัพเป็นยังไง
พรรคเพื่อไทยจะผลักดันยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และให้การเกณฑ์ทหารนั้นมีขึ้นเพราะความสมัครใจเท่านั้นค่ะ
ที่เดียร์ต้องพูดอย่างนี้ต้องขอเกริ่นไปก่อนว่าตลอดเวลา 29 ปีก่อนที่คุณพ่อจะเสีย
เดียร์โตมาด้วยทหารรับใช้ค่ะ คำว่าทหารรับใช้ เราเรียกกันว่าทหารรับใช้จนติดปาก
ทั้ง ๆ ที่ทหารเกณฑ์เหล่านี้เขามารับใช้บ้านเมือง ไม่ได้มารับใช้ครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง
แต่สาเหตุที่ทหารเกณฑ์เหล่านี้จะต้องออกมาอยู่ตามบ้านพักของผู้บังคับบัญชา
นั่นหมายถึงว่าเขาไม่มีความสุขในการที่เขาจะประจำกรมกองค่ะ
เพราะว่าเขากลัวว่าจะถูกผู้หมวด-จ่า เหล่านี้ซ่อมเขาหรือทำโทษเขาหากเขาปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง
เขาเลยต้องหาทางออกด้วยการที่มาอยู่บ้านผู้บังคับบัญชาต่าง ๆ ยอมมาเป็นทหารรับใช้
ซึ่งมันก็เหมือนเป็นการซื้อล็อตเตอรี่เหมือนกัน เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าครอบครัวหรือผู้บังคับบัญชาที่เราไปอยู่นั้น
ครอบครัวนั้นเขาจะดูแลเราดีหรือเปล่า
เดียร์ขอเล่าประสบการณ์นะคะ
เกิดขึ้นตอนเดียร์เด็ก ๆ มีคนเล่าให้เดียร์ฟังว่าทหารเหล่านี้ถูกบังคับให้ซักผ้า
ถูกบังคับให้ซักชุดชั้นในของภรรยาผู้บังคับบัญชา หนักไปกว่านั้น ทหารเหล่านี้ถูกยึดเบี้ยเลี้ยงที่ได้ในแต่ละเดือน
ซ้ำยังไม่พอ ไม่ให้ข้าวกิน ทหารเหล่านั้นต้องไปขอข้าววัดกิน นี่คือสิ่งทีเกิดขึ้นในสังคมของทหารหรือในกองทัพจริง
ๆ ดังนั้นเดียร์สนับสนุนเต็มที่ให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารและให้การเกณฑ์ทหารนั้นมาจากการสมัครใจเท่านั้นค่ะ
ในส่วนของการแก้ไขพระราชบัญญัติกลาโหมหรือสภากลาโหม
การแต่งตั้งโยกย้ายทหารที่อยู่ในกองทัพ เราจะต้องมีคนจากฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองเข้าไปนั่งให้ได้มากที่สุด
เพื่อไม่ให้การโยกย้ายเหล่านั้นเป็นการอำนวยความสะดวกของคนในกองทัพ
ซึ่งง่ายต่อการปฏิวัติรัฐประหาร
เราจะมีการแก้ไขเรื่องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนนะคะ
ในเรื่องการถูกจับ การประกันตัว การประกันตัวจะต้องเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์
การไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจะเป็นเพียงแค่ยกเว้นเท่านั้นค่ะพี่น้อง
การต่อต้านรัฐประหาร
เราพยายาม พรรคเพื่อไทย ใครจะมาบอกว่าเราไม่เคยมาต่อต้านการรัฐประหารเลย
เวลาที่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น เราไม่เคยแก้ไขผลพวงของการรัฐประหารเลย หากใครย้อนกลับไปตอนปี
54 ในสมัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ค่ะ เราเห็นผลพวงกฎหมายที่เป็นปัญหาจากการรัฐประหาร
นั่นคือรัฐธรรมนูญปี 60 เราต้องการจะแก้ไขให้มีการตั้งสสร.
และตอนนั้นมีใครจำได้บ้างคะ
แต่มีคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญและบอกว่าเราไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้
แต่ให้แก้ไขเป็นรายมาตราไป ทุกคนจำได้มั้ยคะ ณ ตอนนั้นค่ะ
พรรครัฐบาลคือพรรคเพื่อไทยต้องใช้เวลาอยู่ในรัฐสภานานมากเป็นหลายอาทิตย์เลย
เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ให้เราทำเพราะเราแพ้เสียงในสภา
สิ่งที่เราโดนคือส.ส.ของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดโดนข้อหาล้มล้างการปกครอง
เดชะบุญว่าศาลยกฟ้องตรงนี้ไป ไม่อย่างงั้นส.ส.เพื่อไทยคงได้ไปอยู่ในคุกกันแล้วค่ะพี่น้อง
ในส่วนของคดีความของคนเสื้อแดง
เดียร์มาอยู่ตรงนี้ เดียร์เชื่อว่าไม่มีใครมีสถานะเดียวกับเดียร์ นั่นคือเป็นผู้สูญเสียโดยตรง
อย่างที่เดียร์บอกค่ะว่าเดียร์มาในวันนี้เดียร์ได้รับความมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารของพรรคเพื่อไทยให้มาพูดถึงสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำ
แต่เดียร์ก็สวมหมวกอีกใบในฐานะผู้สูญเสียที่เคยอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรและต่อสู้เรื่องนี้
และในอนาคต ขอบคุณกรรมการสรรหาพรรคเพื่อไทยค่ะ ที่ให้เดียร์อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่
20 นั่นหมายความว่าพรรคเพื่อไทยและคณะกรรมการสรรหาพรรคเพื่อไทย
ยังแสดงความเคารพต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ปี 52 และ 53 ทุกคน
ย้อนไปในสมัยรัฐบาลนายกฯ
ยิ่งลักษณ์ ใครอาจจะบอกว่าเราทำอะไรไม่สำเร็จเลย แต่สิ่งที่เราทำสำเร็จและเดียร์มองว่ามันคือความสำเร็จ
2 อย่าง นั่นคือ 1. การเยียวยาผู้สูญเสียทุกคน ผู้สูญเสียเราไม่แยกสีเสื้อ
เราย้อนกลับไปตั้งแต่ผู้ที่ออกมาต่อสู้หรือชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ปี 48 จนถึงปี
53 การเยียวยานั้นทุกคนในที่นี้ที่เป็นญาติ หรือเป็นผู้สูญเสีย หรือเป็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
อาจจะได้รับเงินเยียวยาไป แต่เดียร์เป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับเงินนั้นค่ะ
สาเหตุก็เพราะว่าการเสียชีวิตของคุณพ่อยังหาสาเหตุไม่จบและคุณพ่อโดนคดีก่อการร้าย
แต่นั่นไม่เป็นไร ถึงเดียร์จะไม่ได้ แต่พี่น้องได้ เดียร์โอเค
ณ
ตอนนั้นค่ะ การจ่ายเงินเยียวยาทำให้รัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต้องโดนข้อครหา
โดนฟ้องคดีจากพรรคฝ่ายค้าน เพราะพรรคฝ่ายค้านไปยื่นว่าการจ่ายเงินเยียวยานั้นเป็นการจ่ายโดยที่ไม่มีอำนาจและไม่มีกฎหมายรองรับ
แต่โชคดีค่ะว่าพรรคเพื่อไทยได้แถลงเป็นนโยบายต่อสภาเอาไว้ว่าเราจะดูแลผู้สูญเสียทุกคน
นั่นทำให้ป.ป.ช.ไม่ชี้มูลความผิดรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ รวมถึงรัฐมนตรีทุกคน
การต่อสู้นี้ยาวนานมากว่า 8 ปีค่ะ ที่เดียร์คิดว่าการเยียวยาได้ผลเพราะว่าเดียร์เคยเดินเจอผู้ชุมนุม
แล้วเขาก็บอกว่าเขาเป็นผู้สูญเสียหรือเขาเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุม
เขาบอกเขาโอเคที่ได้รับเงิน 7.5 ล้านนี้ไป หรือเป็นอัตราส่วนอื่น ๆ
นะคะแล้วแต่ถ้าเกิดมีการบาดเจ็บก็น้อยหน่อย เขาก็บอกว่า
อย่างน้อยมันสามารถทำให้เขาตั้งตัวได้ และคนที่เสียเสาหลักของชีวิตไป
เขาสามารถเอาเงินจำนวนนี้ไปสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อที่จะเดินต่อไปข้างหน้าได้
เพราะฉะนั้นเดียร์ถือว่าตรงนี้พรรคเพื่อไทยได้ทำสำเร็จแล้วในเรื่องของการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบทุกคน
คดีความค่ะ
คุณพ่อเสียชีวิตตอนปี 53 ก่อนที่เราจะมีการเลือกตั้งในปี 54 ระยะเวลาเกือบ 1 ปี
คดีความของคุณพ่อไม่มีความคืบหน้า คดีความของคนเสื้อแดงไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
คนแรกที่เรียกเดียร์เข้าไปคุยตอนนั้นที่เรายังไม่มีรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยเลยคือ ท่านทวี
สอดส่อง จากพรรคประชาชาตินะคะ ต้องขอชื่นชมอาทวี ณ
ตอนนั้นที่เรียกเดียร์เข้าไปแล้วก็พาเจ้าหน้าที่ DSI 2 ท่านมาพบเดียร์
เพื่อที่จะพูดถึงแนวทางในการที่จะทวงความยุติธรรมให้คุณพ่อ เราต้องนั่งคุยกันแบบลับ
ๆ ค่ะ เพราะว่า ณ
ตอนนั้นบรรยากาศทางการเมืองไม่เปิดโอกาสให้เราค้นหาความจริงได้เลย แต่พอมาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยปี
54 เดียร์ต้องยอมรับเลยว่าคดีมันมีความคืบหน้าจริง ๆ เรามีสารตั้งต้นจากตำรวจไปที่
DSI ไปถึงอัยการ จนกระทั่งคดีไปถึงศาลแล้ว
เมื่อคดีไปถึงศาลเดียร์มองว่าสิ่งนี้คือความสำเร็จในการทวงคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนคนเสื้อแดงในขั้นแรก
แม้ว่าหลังจากนั้นก็ตาม ทางคุณอภิสิทธิ์และคุณสุเทพจะใช้เทคนิคในด้านกฎหมายบอกว่าเราไม่สามารถจะยื่นฟ้องเขาทั้งสองคนในศาลอาญาได้ก็ตาม
เพราะเขากระทำการในฐานะนายกฯและรองนายกฯ
เรื่องนี้จะต้องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นั่นหมายความว่าคดีเราจะต้องกลับไปยื่นป.ป.ช.เพื่อให้ป.ป.ช.ทำเรื่องส่งไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ
แต่น่าเสียดายว่าป.ป.ช. ด้วยความที่เป็นองค์กรอิสระ เป็นผลพวงมาจากการรัฐประหาร
ป.ป.ช.ตีตกและบอกว่าอภิสิทธิ์และสุเทพทำการในฐานะผู้สั่งการตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
คนที่จะต้องไปเอาผิดนั่นคือทหารที่ปฏิบัติการอยู่ที่แยกราชประสงค์และสี่แยกคอกวัวเท่านั้น
ถ้าเราไปเอาผิดคนเหล่านี้นั่นหมายความว่าเราต้องไปเอาผิดเขาที่ศาลทหาร
ดังนั้นค่ะ
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำถ้าเราได้มีโอกาสไปเป็นรัฐบาล
เราจะทวงคืนและสอบถามความยุติธรรมในคดีอีก 62 ศพที่เหลือ
เราจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อที่จะมานั่งวิเคราะห์กันว่าคดีแต่ละคดีทั้ง
62 คดีนั้น จะต้องยื่นฟ้องศาลไหนถึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่สุด ที่เดียร์พูดถึงปัญหาของป.ป.ช.เมื่อกี้
เราจะแก้ไขอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.เหมือนที่เดียร์บอกไป
คือถ้าเกิดป.ป.ช.ชี้ว่าคดีไม่มีมูลก็ดี หรือว่าอัยการสูงสุดบอกว่าคดีไม่มีมูลก็ดี
เราจะให้สิทธิ์ประชาชนในการฟ้องตรงต่อศาลค่ะ และในกรณีของศาลทหารนะคะ
ถ้าเกิดว่าผู้ที่ปฏิบัติการเข่นฆ่าประชาชนเป็นทหาร
เราจะไม่จำกัดการฟ้องคดีอยู่แค่ศาลทหารเท่านั้น
แต่จะต้องดึงคดีลงมาไว้ที่ศาลพลเรือนให้ได้ค่ะ
ที่ผ่านมา
คนเสื้อแดงต่อต้านรัฐประหาร เราออกมาต่อต้านรัฐประหาร เขาใช้อาวุธสงครามกับเรา
ซึ่งมันหนักหนามาก แต่ ณ ตอนนี้กลุ่มคนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร
เขาใช้นิติสงครามแทนอาวุธสงคราม ดังนั้นค่ะ
เดียร์ก็อยากให้คนที่ออกมาต่อต้านการรัฐประหาร เรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนที่โดนอาวุธสงครามในตอนนั้นด้วย
คนอาจจะพูดว่าแล้วกระบวนการยุติธรรมภายในอีก 7 ปีจะหมดอายุความแล้ว
เดียร์มั่นใจในพรรคเพื่อไทย
เดียร์มั่นใจในรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตยว่าจะสามารถดูแล แล้วก็นำเสนอหรือหาทางออกให้กับผู้สูญเสียหรือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมในปี
53 ได้ เรายังมีเจตจำนงที่จะดำเนินคดีหาความยุติธรรมภายในประเทศ
และเรายังคิดว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศยังสามารถทำได้
ถ้าเราอับจนซึ่งหนทางแล้วจริง ๆ เราจะแสวงหาความยุติธรรมจากองค์กรระหว่างประเทศแน่นอนค่ะ
ดังนั้นค่ะ
ก็อยากให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ที่นี่ พี่น้องคนเสื้อแดง มั่นใจค่ะว่า ใน 8
ข้อเรียกร้องที่เดียร์พูดมาอยู่ในนโยบายของพรรคเพื่อไทยแน่นอน และที่แน่ ๆ ค่ะ
มีเดียร์คนหนึ่งแล้วในฐานะผู้สูญเสียที่พรรคเพื่อไทยได้มอบหมายให้เข้าไปนั่งในสภา เพื่อที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงทุกคนค่ะ
เดียร์ขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า
ข้อเรียกร้องของคปช.53 ทั้ง 8 ข้อ พรรคเพื่อไทยให้การสนับสนุนอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าเราต้องเริ่มจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของประเทศ
พอเราแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว การแก้ไขกฎหมายอื่น ๆ เพื่อที่จะเรียกคืนความยุติธรรมให้กับบ้านเมือง
ให้กับประชาชน ก็จะตามมา สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การปฏิรูปกองทัพ
การปฏิรูประบบราชการ สิ่งเหล่านี้เราเห็นด้วยกับการที่จะให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ
ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เรื่องคดีความของคนเสื้อแดง อย่างที่เดียร์บอกไปว่าเราทำสำเร็จในเรื่องของการเยียวยาไปแล้ว
เราเหลือเรื่องคดีความ ซึ่งเดียร์ไม่อยากจะพูดว่าที่ผ่านมาเราทำไม่สำเร็จ เราทำสำเร็จไปแล้วเพราะเราสามารถดึงเรื่องเข้าสู่ศาลฎีกาได้
แต่ด้วยเทคนิคของกฎหมายและผู้มีอำนาจในตอนนั้น ทำให้เรื่องมันถูกตีกลับมา แต่อย่างไรก็ตามค่ะ
เดียร์เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย แกนนำนปช. และคนเสื้อแดงทุก ๆ คน คนที่อยู่ในนี้ จะร่วมกันผลักดันให้คดีความของคนเสื้อแดงไปสู่ความยุติธรรมอย่างถึงที่สุด
ใช่มั้ยคะ
เดียร์ไม่ห่วงเลยค่ะ
เดียร์ไม่ห่วงในฐานะผู้สูญเสียจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากความยุติธรรมในประเทศ
เพราะทุกคนที่อยู่ในนี้จะช่วยกันตามหาความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสียอย่างแน่นอน
ถ้าเราช่วยกันไม่ได้แล้วจริง ๆ ถ้าเรามองตากันปริบ ๆ
แล้วบอกว่ามันอับจนซึ่งหนทางแล้วจริง ๆ ถึงตอนนั้นกลไกระหว่างประเทศค่อยเข้ามาค่ะ
และเดียร์ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนที่อยู่บน Panel แห่งนี้ เราจะได้มีโอกาสได้ร่วมงานเป็นรัฐบาลที่มาจากเสียงประชาชน
เพื่อที่จะผลักดันและช่วยคืนความยุติธรรมให้กับผู้ต่อสู้ทางการเมืองทุกคนค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คปช53 #เพื่อไทย #13ปีเมษาพฤษภา53 #คนเสื้อแดง