วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

เศรษฐา ถกเครียด หน่วยงานในอีอีซี เบรกกลางที่ประชุม ขอแต่เนื้อ-บอกปัญหาที่ต้องแก้ เล่าเดินทางพร้อมคณะประชุมได้งานมาก ขอสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ก่อนเตรียมเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการย่อยดูพื้นที่

 


เศรษฐา​ ถกเครียด หน่วยงานในอีอีซี​ เบรกกลางที่ประชุม ขอแต่เนื้อ​-บอกปัญหาที่ต้องแก้ เล่าเดินทางพร้อมคณะประชุมได้งานมาก​ ขอ​สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน​ ก่อนเตรียมเสนอ ครม.​ ตั้งคณะกรรมการย่อยดูพื้นที่


วันนี้ (4 พฤศจิกายน 2566) นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อมคณะ ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​บนขบวนรถไฟ​ โดย กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ AOT ว่า แม้จะได้รับแรงผลักดันมาจากนโยบายวีซ่าฟรี แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์อยู่ที่ 60-70 % จากปี 2562 จึงยังต้องช่วยกันผลักดันอยู่


นอกจากนี้ ยังได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เรื่องการปรับมาใช้เครื่องในการตรวจผู้โดยสารขาออก โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.เป็นต้นไป จะใช้เครื่อง และ กำลังคนผสมกัน โดยให้ความมั่นใจว่า เครื่องดังกล่าว สามารถดักจับได้ทั้งอาชญากร ผู้ที่พำนักอยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ ผู้ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ถ้าหากตกลงกันจนได้ข้อสรุปภายในปีนี้ คาดว่า ในเดือนกรกฎาคม 2567 จะติดตั้งอุปกรณ์เสร็จ และ สามารถปรับมาใช้เครื่องตรวจผู้โดยสารขาออกแทนกำลังคนได้ทั้งหมด


ขณะเดียวกับยังรับรายงานการก่อสร้างท่าเทียบ โดยระหว่างการรายงาน​ ของเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ถูกนายกรัฐมนตรี เบรก​ถึง​ 2  ครั้ง​ ซึ่งเศรษฐา​ ขอให้ผู้กล่าวรายงานพูดว่าผมไม่ได้มาฟังเรื่องพวกนี้​ ผมมาฟังปัญหา​ แต่เนื้อเนื้อดีกว่า​ ก่อนที่จะถามผู้รายงานจากการท่าเรือว่า​ ขอให้อธิบายถึงการท่าเทียบเรือเฟสที่​ 3 ที่ขณะนี้พบว่ามีปัญหาความแออัด​ ว่าอยู่ตรงไหน​ เมื่อไหร่จะเสร็จ​ พร้อมขอให้เร่งรัดรัดเรื่องแคชอัพแพลน เพื่อสร้างความไว้วางใจให้นักลงทุน​ โดยนายกรัฐมนตรีอยากให้การท่าเรือแถลงผลความคืบหน้าการสร้างถ้าเทียบเรือแหลมฉบังในช่วงปลายสัปดาห์หน้า ว่าที่ผ่านมามีความล่าช้าเกิดขึ้นแต่ปัจจุบัน มีแผนงานในเชิงบูรณาการว่า จะสามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนได้​ ซึ่งหากสามารถขยายพื้นที่รองรับได้​ตู้สินค้าได้ 18 ล้านตู้​ ก็จะสามารถทำให้ไทยอยู่ในลำดับที่ไม่เกิน​ 15 ของโลก​


หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินมาพบปะกับสื่อมวลชนที่นั่งอยู่ที่ขบวนด้านหน้า โดยได้ถามสื่อมวลชนว่าสนุกหรือไม่ในการเดินทาง​ ซึ่งสื่อมวลชนได้ชวนให้นายกรัฐมนตรี​ ดูขนมที่เจ้าหน้าที่นำมาให้บนขบวนรถไฟที่มีสตอรี่​ ซึ่งเศรษฐา​ กล่าวว่า​ ไหนอย่างไร​ ตนดูไม่ออก​ สื่อมวลชนจึงถามกลับว่าแล้วนายกรัฐมนตรี​ สนุกหรือไม่​ เศรษฐา ตอบว่า การเดินทางมาอย่างนี้ดีมาก​ ได้นั่งกับหน่วยงานได้งานมาก​


เมื่อถามว่าประชาชนคาดหวังกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากภาคธุรกิจในเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้อง​ มีการวางเป้าไว้อย่างไรนั้น เศรษฐา​ กล่าวว่า​ มีหลายปัจจัย ผมก็กระตือรือร้นทุกวัน ลักษณะนิสัยของผมไม่ใช่คนอย่างนั้น​ มีปัญหาต่างๆรุมเร้าเข้ามามีปัจจัยหลายอย่าง​ อย่างเรื่อง EEC ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ใครที่จะมาสร้างโรงงานใหม่ๆก็ใช้เวลาไม่ใช่แค่ 5 เดือน 6 เดือน แต่ใช้ระยะเวลาเป็นปี ซึ่งหากเรามีความชัดเจนในทุกๆเรื่อง​ เขาก็จะมีกำลังใจขึ้นมา


โดยเศรษฐายังระบุอีกว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ EEC จะต้องสร้างความเชื่อมั่น และความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ ทั้งการเชื่อมต่อ ระบบราง ระบบขนส่งทางน้ำและทางอากาศ​ รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ การสร้างโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีหลายองค์ประกอบกัน​ ก่อนที่จะเน้นย้ำว่า ต้องสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจและสามารถทำได้จริง​ ไม่ใช่สร้างวาทกรรม ว่ามี EEC แต่ต้องทราบว่ามันติดปัญหาอะไรบ้าง​ นอกจากนี้หากมีการตั้งคณะกรรมการย่อยขึ้นมา​ ซึ่งต้องดูอีกครั้งว่าจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหรือไม่ โดยจะมีหน้าที่ทลายอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เศรษฐาทวีสิน #EEC