เศรษฐา
ถกเครียด หน่วยงานในอีอีซี เบรกกลางที่ประชุม ขอแต่เนื้อ-บอกปัญหาที่ต้องแก้
เล่าเดินทางพร้อมคณะประชุมได้งานมาก ขอสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
ก่อนเตรียมเสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการย่อยดูพื้นที่
วันนี้
(4 พฤศจิกายน 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อมคณะ
ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบนขบวนรถไฟ โดย กีรติ กิจมานะวัฒน์
ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ AOT ว่า แม้จะได้รับแรงผลักดันมาจากนโยบายวีซ่าฟรี
แต่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์อยู่ที่ 60-70
% จากปี 2562 จึงยังต้องช่วยกันผลักดันอยู่
นอกจากนี้
ยังได้ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)
เรื่องการปรับมาใช้เครื่องในการตรวจผู้โดยสารขาออก โดยตั้งแต่วันที่ 15
ธ.ค.เป็นต้นไป จะใช้เครื่อง และ กำลังคนผสมกัน โดยให้ความมั่นใจว่า
เครื่องดังกล่าว สามารถดักจับได้ทั้งอาชญากร
ผู้ที่พำนักอยู่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และ ผู้ไม่พึงประสงค์ต่างๆ
ถ้าหากตกลงกันจนได้ข้อสรุปภายในปีนี้ คาดว่า ในเดือนกรกฎาคม 2567 จะติดตั้งอุปกรณ์เสร็จ และ
สามารถปรับมาใช้เครื่องตรวจผู้โดยสารขาออกแทนกำลังคนได้ทั้งหมด
ขณะเดียวกับยังรับรายงานการก่อสร้างท่าเทียบ
โดยระหว่างการรายงาน ของเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข
ผู้อำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทย รายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง
ระยะที่ 3 ถูกนายกรัฐมนตรี เบรกถึง 2 ครั้ง ซึ่งเศรษฐา
ขอให้ผู้กล่าวรายงานพูดว่าผมไม่ได้มาฟังเรื่องพวกนี้ ผมมาฟังปัญหา
แต่เนื้อเนื้อดีกว่า ก่อนที่จะถามผู้รายงานจากการท่าเรือว่า
ขอให้อธิบายถึงการท่าเทียบเรือเฟสที่ 3
ที่ขณะนี้พบว่ามีปัญหาความแออัด ว่าอยู่ตรงไหน เมื่อไหร่จะเสร็จ
พร้อมขอให้เร่งรัดรัดเรื่องแคชอัพแพลน เพื่อสร้างความไว้วางใจให้นักลงทุน
โดยนายกรัฐมนตรีอยากให้การท่าเรือแถลงผลความคืบหน้าการสร้างถ้าเทียบเรือแหลมฉบังในช่วงปลายสัปดาห์หน้า
ว่าที่ผ่านมามีความล่าช้าเกิดขึ้นแต่ปัจจุบัน มีแผนงานในเชิงบูรณาการว่า
จะสามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนได้
ซึ่งหากสามารถขยายพื้นที่รองรับได้ตู้สินค้าได้ 18 ล้านตู้
ก็จะสามารถทำให้ไทยอยู่ในลำดับที่ไม่เกิน 15 ของโลก
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี
เดินมาพบปะกับสื่อมวลชนที่นั่งอยู่ที่ขบวนด้านหน้า
โดยได้ถามสื่อมวลชนว่าสนุกหรือไม่ในการเดินทาง ซึ่งสื่อมวลชนได้ชวนให้นายกรัฐมนตรี
ดูขนมที่เจ้าหน้าที่นำมาให้บนขบวนรถไฟที่มีสตอรี่ ซึ่งเศรษฐา กล่าวว่า
ไหนอย่างไร ตนดูไม่ออก สื่อมวลชนจึงถามกลับว่าแล้วนายกรัฐมนตรี สนุกหรือไม่
เศรษฐา ตอบว่า การเดินทางมาอย่างนี้ดีมาก ได้นั่งกับหน่วยงานได้งานมาก
เมื่อถามว่าประชาชนคาดหวังกับนายกรัฐมนตรีที่มาจากภาคธุรกิจในเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้อง
มีการวางเป้าไว้อย่างไรนั้น เศรษฐา กล่าวว่า มีหลายปัจจัย
ผมก็กระตือรือร้นทุกวัน ลักษณะนิสัยของผมไม่ใช่คนอย่างนั้น
มีปัญหาต่างๆรุมเร้าเข้ามามีปัจจัยหลายอย่าง อย่างเรื่อง EEC ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
แต่ใครที่จะมาสร้างโรงงานใหม่ๆก็ใช้เวลาไม่ใช่แค่ 5 เดือน 6 เดือน แต่ใช้ระยะเวลาเป็นปี ซึ่งหากเรามีความชัดเจนในทุกๆเรื่อง
เขาก็จะมีกำลังใจขึ้นมา
โดยเศรษฐายังระบุอีกว่า
ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ EEC จะต้องสร้างความเชื่อมั่น
และความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจ ทั้งการเชื่อมต่อ ระบบราง
ระบบขนส่งทางน้ำและทางอากาศ รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ การสร้างโรงงานอุตสาหกรรม
ซึ่งมีหลายองค์ประกอบกัน ก่อนที่จะเน้นย้ำว่า
ต้องสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจและสามารถทำได้จริง ไม่ใช่สร้างวาทกรรม ว่ามี EEC
แต่ต้องทราบว่ามันติดปัญหาอะไรบ้าง
นอกจากนี้หากมีการตั้งคณะกรรมการย่อยขึ้นมา
ซึ่งต้องดูอีกครั้งว่าจะผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหรือไม่
โดยจะมีหน้าที่ทลายอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เศรษฐาทวีสิน #EEC