“โรม” เสนอ 'กระดุม 5 เม็ด'
ปฏิรูปตำรวจ หยุดระบบตั๋วที่สะท้อนระบบอุปถัมภ์ ลดคอรัปชั่น
เปลี่ยนแปลงองค์กรให้ดีขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตตำรวจ
วันนี้
(24 พฤศจิกายน 2566) เวลา 9.30 น.
ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ
พรรคก้าวไกลแถลงข่าว Policy Watch 'หยุดระบบตั๋วและปฏิรูปตำรวจไทย'
สืบเนื่องมาจากกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวช่วงหนึ่งในการประชุม ส.ส.
พรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปมการขอตำแหน่งผู้กำกับการตำรวจ
นั้น
รังสิมันต์
กล่าวว่า ปัญหาตั๋วเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน
และเป็นประเด็นที่สังคมพูดถึงมาโดยตลอด
ตนเองก็เหมือนรับไม้ต่อและพยายามติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ที่สะท้อนถึงระบบอุปถัมภ์ในวงการตำรวจได้หายไป
เมื่อพูดปัญหาที่เป็นต้นตอต่าง
ๆ ไม่ว่าจะการซื้อขายตำแหน่ง การใช้เส้นสาย เมื่อนายกฯ
พูดออกมาอย่างชัดเจนในที่ประชุม
นี่คือโอกาสที่เราจะเสนออย่างเป็นรูปธรรมในการแก้ไขปัญหาตั๋ว
เพื่อให้องค์กรตำรวจเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
รังสิมันต์
กล่าวต่อว่า หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา
เป็นบทเรียนมามากแล้วที่จะนำไปสู่การทบทวนและสังคายนาตำรวจอย่างจริงจัง
โดยที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เคยทำงานเป็นฝ่ายค้านร่วมกัน
พวกเรายืนยันว่าต่อต้านระบบอุปถัมภ์ นายเศรษฐาเองก็เคยกล่าวไว้ตอนหาเสียงว่า
ระบบเส้นสายจะต้องถูกจัดการ
กลายเป็นว่าวันนี้เราเห็นคำพูดที่พูดได้อย่างเป็นธรรมชาติจากนายเศรษฐาเกี่ยวกับระบบอุปถัมภ์
นี่คือเรื่องใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่า
ระบบอุปถัมภ์ในองค์กรตำรวจไม่ได้หมดไป วันต่อมา
คำชี้เแจงหรือคำอธิบายก็ไม่ได้สะท้อนถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
ว่าสิ่งที่นายเศรษฐากล่าวไปนั้นเป็นการสะท้อนระบบอุปถัมภ์ คนที่มีอำนาจอย่างนายกฯ
ควรแก้ปัญหา ไม่ใช่เข้าร่วมกับปัญหา จนถึงวันนี้เราก็เห็นปรากฏการณ์ใหม่
คือการเงียบ ไม่ออกมาชี้แจง สิ่งเหล่านี้พวกท่านแค่หวังว่าหากไม่พูดอะไรต่อ
สังคมก็จะสนใจเรื่องอื่นเอง เราพูดกันหลายครั้งในปัญหานี้
ตนคงไม่หวังกับรัฐบาลนี้ในการแก้ไขปัญหาตำรวจ หากเราอยากแก้ไขจริง ๆ
เราต้องมีเจตจำนงในการแก้ปัญหา
คิดว่านี่คือโอกาสที่เราจะพูดเรื่องนี้และเป็นการปักหมุดทางความคิด รังสิมันต์
กล่าว
สำหรับข้อเสนอปฏิรูปตำรวจด้วยกระดุม
5 เม็ดประกอบด้วย กระดุมเม็ดแรก
ทำให้การเลือกผบ.ตร.มาจากความสามารถและเป็นไปเพื่อองค์กรตำรวจ มี 3 ขั้นตอน 1. ให้รองผบ.ตร.ที่ต้องการเป็นผบ.ตร.
สมัครเข้ามาพร้อมแฟ้มผลงาน เพื่อให้กรรมการใช้ดุลพินิจความเหมาะสม 2. เปิดให้รองผบ.ตร.แสดงวิสัยทัศน์ ให้ประชาชน และตำรวจเข้าใจ
มีวิสัยทัศน์อย่างไร ทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยมีชีวิตดีขึ้นอย่างไร 3. สร้างแพล็ตฟอร์มออนไลน์ขึ้นมา ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
แต่ระบุได้ว่าเป็นตำรวจแน่นอนให้มีส่วนร่วมในการโหวตเลือกผบ.ตร.
อาจเป็นส่วนหนึ่งของการคัดเลือก
กระดุมเม็ดที่
2 กระจายอำนาจของตำรวจให้จังหวัด และประชาชนในจังหวัดเข้ามามีบทบาท
มีส่วนในการจัดสินใจ ว่าตำรวจที่จะเข้ามามีคุณภาพหรือไม่
ปัจจุบันประชาชนเป็นเหมือนกระโถน ตำรวจไม่ดีก็ย้ายไปลงพื้นที่อื่น
ต้องแก้พรบ.ตำรวจ จะทำให้ประชาชนตรวจสอบประวัติตำรวจคนที่จะมาลงในพื้นที่ของตนเองได้
และแต่ละพื้นที่มีปัญหาอาชญากรรมที่แตกต่างกัน ยาเสพติด น้ำมันเถื่อน อาวุธปืน
ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตำรวจคนไหนที่ถนัดงานด้านใดก็เลือกมาได้
กระดุมเม็ดที่
3 นายกรัฐมนตรีต้องไม่ทำให้ตำรวจหิว
อย่าให้ตำรวจต้องไปหาเงินเองเพื่อความอิ่มท้อง และความสุขสบายในครอบครัว
ถ้าจะแก้ปัญหาการทุจริตของตำรวจ ต้องทำให้ตำรวจระดับล่างมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ขั้นต่ำที่สุดคือ ทำให้ตำรวจมีอุปกรณ์ในการทำหน้าที่อย่างเพียงพอ ทุกวันนี้เวลาไปจับคดีต่าง
ๆ ก็ต้องเลือกคดีไหนมีความสำคัญ เพราะต้องออกค่าน้ำมันเอง ใช้งบเพิ่มประมาณ 4,000
ล้านบาทเติมลงไปก็ไม่ต้องควักเนื้อตัวเองแล้ว
สามารถทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กระดุมเม็ดที่
4 รัฐบาลต้องส่งเสริมตำรวจชั้นประทวนมีโอกาสเติบโตมากขึ้น
ตำรวจที่ไม่จบปริญญาตรีต้องให้มีโอกาสศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีได้ ให้ทุนไปเรียน
และส่งเสริมให้มีโอกาสเป็นนายร้อย
ทุกวันนี้เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเป็นนายร้อยก่อน
ทั้งที่ตำรวจชั้นประทวนจบปริญญาตรีแล้ว ไม่มีโอกาส ทั้งที่รู้งานตำรวจอยู่แล้ว
ตำรวจชั้นประทวนจะเป็นนายร้อยได้ต้องอายุ 53 ปี
กระดุมเม็ดที่
5 รัฐต้องเลิกให้ตำรวจทำในสิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งหลายออกไป
ทุกวันนี้ผู้บังคับบัญชาไปไหน จะต้องยกโขยงไปมากมายเพื่ออะไร
ทำไมไม่เอาตำรวจเหล่านี้ไปทำหน้าที่เพื่อประชาชน ต้องลดภาระของตำรวจเหล่านี้ออกไป
ล่าสุดภาคใต้สั่งตำรวจห้ามใส่แว่นตาดำ ไปห้ามทำไม ป้องกันดวงตาของเขาเมืองไทยแดดแรง
เป็นข้อห้ามไร้สาระ นายกฯควรเลิกสิ่งไม่จำเป็นทั้งหลาย
ยกระดับงานเอกสารเป็นดิจิทัล ไม่ต้องซื้อกระด่าษ เครื่องปริ้นท์ น้ำหมึก
ขอไปเป็นตำรวจติดตามให้เลิก เอามาโฟกัสทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
อย่างไรก็ตาม
รังสิมันต์ ระบุว่า กระดุม 5 เม็ด ต้องใช้เวลา ไม่สามารถทำให้จบในปี 66
- 67 ถ้าไม่เริ่มก็จะเป็นแบบนี้ แล้วประชาชนจะได้อะไร
ปัญหาของตำรวจไม่ใช่เฉพาะปัญหาของตำรวจ
200,000 คน ไม่ใช่เฉพาะปัญหาของครอบครัวตำรวจอีกหลายคน รวมแล้วอาจจะเป็นล้านคน
แต่เป็นปัญหาของประชาชนทั้งหมด
วันนี้ถ้าประชาชนเดือดร้อนอยากให้คดีมีความคืบหน้าต้องพึ่งพาสื่อ พึ่งพาโซเชียล
อินฟลูเอ็นเซอร์ต่างๆที่จะมีปากเสียงในสังคม เพราะหากไม่พึ่งพาคนเหล่านี้ จะไม่ได้รับการตอบสนอง
ได้รับการแก้ไข เราจะอยู่กันแบบนี้จริง ๆ เหรอ
อยู่แบบนักท่องเที่ยวไต้หวันถูกรีดไถ จะอยู่แบบนี้จริง ๆ เหรอ
จะอยู่แบบที่ต้องจ่ายส่วย จ่ายอะไรต่างๆแบบนี้จริงๆเหรอ ใช้วิกฤตินี้ให้เป็นโอกาส
กระดุม 5 เม็ด สามารถนำไปใช้เป็นแนวทาง ปรับปรุงเพิ่มเติมได้
อย่าให้องค์กรตำรวจเป็นเหมือนวันวานที่ผ่านมาอีกเลยครับ
อยากให้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง รังสิมันต์กล่าว