“เบญจา” ชวนประชาชนแสดงความเห็นร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของก้าวไกล
เชื่อเป็นประตูบานแรกยุติความขัดแย้ง ชี้กรณีทนายอานนท์
ทั้งที่รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิประกันตัว
แต่กลายเป็นสิทธิที่ถูกยกเว้นในคดีการเมือง-คดี 112
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี อานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 ปี ปรับเป็นเงิน 20,000 บาท โดยไม่รอลงอาญาในคดีอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา เขียนจดหมายถึงลูกขณะอยู่ในเรือนจำ ใจความสำคัญระบุว่าหลังปีใหม่จะถูกย้ายเรือนจำจากกรุงเทพฯ ไปขังต่อที่เรือนจำ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
เบญจากล่าวว่า ศาลฎีกามีคำสั่งยืนยันไม่ให้ประกันตัว อานนท์ นำภา แม้ทนายความจะยื่นถึงเหตุจำเป็นไปแล้ว และในความเป็นจริง สิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ถูกรับรองในรัฐธรรมนูญและกฎหมายระหว่างประเทศ ทว่าสิทธิดังกล่าวกลับกลายเป็นสิทธิที่ถูกยกเว้นโดยเฉพาะกับผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมือง คดีมาตรา 112 และเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้คดี อานนท์ นำภา จึงถอนประกันในคดีที่เหลือกว่า 20 คดีแล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการต่อสู้
โดยอานนท์ได้เขียนจดหมายถึงลูกทั้งสอง มีใจความว่า แม้ขณะนี้อานนท์จะถูกลงโทษแต่ไม่ใช่การรับผิด และในคดีความทั้งหมด 20 คดี อาจทำให้อานนท์ต้องรับโทษมากกว่า 80 ปี แต่ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่เป็นการรับผิด ไม่มีการสารภาพหรือยอมรับว่าการต่อสู้ของเขาและเพื่อน ๆ เป็นความผิดอย่างเด็ดขาด และจนกว่าเขาจะได้รับอิสรภาพจากโทษซึ่งไม่มีความผิด ลูกทั้ง 2 ของเขา คงเติบโตและบ้านเมืองนี้คงเปลี่ยนแปลงไปไม่อาจเหมือนเดิมอีกแล้ว
เบญจา
ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่อานนท์และนักโทษคดีการเมืองทุกคนกำลังเผชิญ
เป็นโจทย์ใหญ่ที่สะท้อนปัญหาการใช้กฎหมายละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน
ซ้ำร้ายกระบวนการยุติธรรมยังไม่ได้คุ้มครองหรือเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ
เห็นได้จากปัจจุบันการบังคับใช้กฎหมายกับนักโทษคดีการเมือง
มีแนวโน้มละเมิดสิทธิมนุษยชนมากขึ้นเรื่อย ๆ และออกห่างจากหลักการที่เป็นสากล
ถึงเวลาแล้วที่สังคมต้องตระหนักร่วมกันถึงปัญหา
ท่ามกลางวิกฤติการเมืองไทยขณะนี้
หนทางที่จะสร้างความมั่นคงให้สถาบันกษัตริย์พร้อมไปกับการสร้างหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนและระบอบประชาธิปไตยของสังคมไทย
คือต้องแก้ไขทบทวนกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ยืนยันในหลักการว่าการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง
ต้องได้รับความคุ้มครอง
ไม่มีใครต้องติดคุกจากการแสดงออกหรือแสดงความเห็นทางการเมืองโดยสันติ” เบญจากล่าว
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลยังกล่าวถึงการเสนอร่างแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่พรรคจะเสนอต่อสภาฯ ในอนาคต โดยยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นภารกิจของผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกล ในการหาทางออกจากความขัดแย้งทางการเมืองด้วยกระบวนการทางประชาธิปไตยและกลไกรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม
ขณะนี้ร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอเข้าสู่สภาฯ แล้ว คือ
พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองฯ
ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น
ตนจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าไปแสดงความเห็นในเว็บไซต์ของสภาฯ
และติดตามให้ร่างผ่านการพิจารณาสภาฯ แม้ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องผ่านการทำงานทางความคิดเพื่อเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมือง
ไปจนถึงการพูดคุยเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม
แต่นี่คือประตูบานแรกที่จำเป็นต้องเปิดออกให้ได้ หากสังคมเราต้องการยุติความขัดแย้งทางการเมืองที่มีมายาวนาน
การผลักดันให้เกิดการนิรโทษกรรมประชาชนจากคดีทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549
จนถึงปัจจุบัน จะเป็นการพื้นที่ให้ทุกฝ่ายที่เคยขัดแย้งกัน
มีพื้นที่ปลอดภัย ใช้กระบวนการประชาธิปไตยแสวงหาฉันทามติใหม่ของสังคม
และยังเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการคืนความยุติธรรมให้ประชาชน
ไม่ว่าใครจะมีความคิด ความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างกันอย่างไร การสร้างระบบการเมืองที่ดี
มีนิติรัฐ รวมถึงการนิรโทษกรรมให้ประชาชน
ไม่ได้เป็นแค่เรื่องการเมืองและสิทธิมนุษยชนเท่านั้น
แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างสังคมที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
ปลดปล่อยศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตด้วย” เบญจากล่าว