วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

บิดา 'เก็ท โสภณ' พร้อม 'ตะวัน-แบม' ร้องรมว.ยุติธรรม ขอความเป็นธรรมตรวจสอบคำพิพากษาคดี 'เก็ท โสภณ' ขัดกับกฎหมาย ด้านสมยศฝากเรื่องการออกกฏหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องเร่งด่วนให้รมว.พิจารณา

 


บิดา 'เก็ท โสภณ' พร้อม 'ตะวัน-แบม' ร้องรมว.ยุติธรรม ขอความเป็นธรรมตรวจสอบคำพิพากษาคดี 'เก็ท โสภณ' ขัดกับกฎหมาย ด้านสมยศฝากเรื่องการออกกฏหมายนิรโทษกรรมเป็นเรื่องเร่งด่วนให้รมว.พิจารณา


วันนี้ (20 พฤศจิกายน 2566) เวลา 9.50 น. ที่กระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ ทพ.เทพดรุณ สุรฤทธิ์ธำรง บิดานายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ท นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข, นางสาวทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และนางสาวอรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม พร้อมด้วยประชาชนผู้รักความเป็นธรรม เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงเป็นตัวแทนรับเรื่อง


โดยนางสาวทานตะวัน อ่านจดหมายเปิดผนึก ว่า คำพิพากษาข้างต้นขัดกับตัวบทกฎหมาย เนื่องด้วย พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 กำหนดว่าผู้ที่จะใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าต้องได้รับอนุญาต และมาตรา 9 กำหนดว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 4 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท ดังนั้นในคำพิพากษาได้กำหนดบทลงโทษฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน จึงเป็นการตัดสินลงโทษโดยปราศจากบทบัญญัติกฎหมายใดๆ รองรับ พร้อมทั้งเห็นว่าประโยคคำพูดของนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ตามคำฟ้องในคดีนี้ เป็นประโยคที่จำเลยได้ใช้เพียงสรรพนามบุรุษที่ 2 เป็นประธานของประโยค ซึ่งตามหลักไวยากรณ์หมายถึง ผู้ฟังซึ่งหน้าในขณะนั้นโดยตรง


เราขอร้องเรียนศาลฎีกาให้ตรวจสอบว่า การตัดสินดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือไม่ หากเป็นความผิดพลาดควรต้องชี้แจงแก้ไขความผิดพลาดอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนอย่างรุนแรง เพื่อเป็นการธำรงความเป็นธรรมในสังคมที่ประชาชนควรจะต้องได้รับจากศาลยุติธรรม” นางสาวทานตะวัน กล่าว


สำหรับรายละเอียดในหนังสือ ระบุว่า สืบเนื่องจากคดีแดงที่ อ.2410/2566 คดีดำที่ อ.1447/2565 ที่อ่านคำพิพากษาศาลชั้นตันเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ณ ศาลอาญา พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และ 112 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี ความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน


โดยคำพิพากษาข้างต้นขัดกับตัวบทกฎหมาย เนื่องด้วย พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 กำหนดว่าผู้ที่จะใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าต้องได้รับอนุญาต และมาตรา 9 กำหนดว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 4 มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท ดังนั้นในคำพิพากษาได้กำหนดบทลงโทษฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน จึงเป็นการตัดสินลงโทษโดยปราศจากบทบัญญัติกฎหมายใด ๆ รองรับ ทั้งยังขัดกับบทบัญญัติด้วยบทกฎหมายที่มีอยู่ในเรื่องนี้


พร้อมทั้งเห็นว่าประโยคคำพูดของนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ตามคำฟ้องในคดีนี้ เป็นประโยคที่จำเลยได้ใช้เพียงสรรพนามบุรุษที่สอง เป็นประธานของประโยค ซึ่งตามหลักไวยากรณ์หมายถึง ผู้ฟังซึ่งหน้าในขณะนั้นโดยตรง ได้แก่ตำรวจที่กำลังฟังอยู่มิใช่บุคคลอื่นใดทั้งสิ้น การกระทำจึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดในมาตรา 112


จึงขอให้มีการตรวจสอบว่า การตัดสินดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายหรือไม่ หากเป็นความผิดพลาดควรต้องชี้แจงแก้ไขความผิดพลาดอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานของประชาชนอย่างรุนแรง อีกทั้งเพื่อเป็นการธำรงความเป็นธรรมในสังคมที่ประชาชนควรจะต้องได้รับจากศาลยุติธรรม


ทั้งนี้ผู้แทนรับเรื่องแทน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า จะเร่งนำเรื่องนำเสนอท่านรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาตามลำดับ โดยจะแจ้งความคืบหน้าให้ผู้ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ไม่เกิน 15 วัน และหากมีข้อมูลเพิ่มเติมสามารถที่จะส่งต่อมาได้


ด้านนายสมยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ฝากถึงกระทรวงยุติธรรมในปัญหามาตรา 112 ปัญหาการบังคับใช้ ซึ่งเป็นปัญหาระบบศาล ซึ่งนอกเหนือจากข้อเรียกร้องกรณีเก็ท - โสภณ ก็อยากเห็นนโยบายกระทรวงยุติธรรมที่จะแก้ความไม่เป็นธรรม ด้วยการออกกฏหมายนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง หรือนักโทษทางความคิด เพราะพวกเขาเหล่านั้นได้รับผลกระทบจากความไม่ยุติธรรมตั้งแต่ยุครัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องมาโดนคดี ที่เกิดจากระบบการเมืองที่ผิดพลาดในอดีต ก็หวังว่ารมว.ยุติธรรม พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง จะพิจารณาแก้ปัญหา ทั้งเฉพาะกรณี และทุก ๆ คน โดยเฉพาะเรื่องสิทธิประกันตัว และการออกกฏหมายนิรโทษกรรมขอฝากให้กราบเรียนรัฐมนตรีเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทางกระทรวงยุติธรรมจะดำเนินการ รวมไปถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในโอกาสต่อไป เพื่อให้การยุติธรรมเกิดขึ้น นายสมยศกล่าว


จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญบิดานาย โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง พร้อมด้วยตะวัน - แบม เข้าไปพูดคุยด้านในห้องรับรอง ร่วม 40 นาที

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คืนสิทธิประกันตัวประชาชน