รมว.ยุติธรรม
แจงย้าย พ.ต.ต.สุริยา อธิบดีดีเอสไอ นั่งรองปลัดยุติธรรม
เพื่อไปช่วยขับเคลื่อนงานสำคัญ
กรณีมีข่าวเผยแพร่ว่าคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
28 พฤศจิกายน 2566 ย้ายพันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล
จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม นั้น
พันตำรวจเอก
ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ชี้แจงว่าเหตุที่ต้องมีการเสนอโยกย้ายในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก พันตำรวจโท วรรณพงษ์
คชรัตน์ ได้ถูกย้ายไปดำรงเลขาธิการ ศอ.บต. ทำให้ตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนว่างลง
จึงจำเป็นต้องเสนอย้าย พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
ไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว และเนื่องจากตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม
มีความสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนงานนโยบายของกระทรวงในภาพรวม กำกับงานของกรมในกลุ่มภารกิจ
รวมทั้งประสานงานหน่วยงานต่างกระทรวง ซึ่งพันตำรวจตรี สุริยาฯ
มีประสบการณ์ผ่านงานระดับอธิบดี ที่ปรึกษาหลายหน่วยงาน เช่น กรมสอบสวนคดีพิเศษ
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
จึงเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ
เหมาะสมกับตำแหน่งรองปลัดกระทรวงที่ว่างจากการเสนอแต่งตั้งในครั้งนี้
โดยเฉพาะการยกระดับหลักนิติธรรมของประเทศ
และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ส่วนข้อกังวลในการดำเนินคดีสำคัญตามนโยบายรัฐบาลในภารกิจของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า จะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินคดีดังกล่าว
โดยการพิจารณาดำเนินการจะยังคงเป็นไปตามพยานหลักฐาน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และปฏิบัติตามมาตรฐานการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษทุกประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
กล่าวยืนยันว่า
“กระทรวงยุติธรรมจะมุ่งมั่นสร้างศักยภาพและความเชี่ยวชาญของกรมสอบสวนคดีพิเศษด้านการสืบสวนสอบสวน
ยกระดับในการป้องกันปราบปรามการกระทำผิดของผู้ทรงอิทธิพลและการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในทุกรูปแบบ
เพื่อปกป้องคุ้มครองและสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน..” ที่ พันตำรวจตรี สุริยาฯ
เป็นส่วนหนึ่งในทีมบริหารของกระทรวงยุติธรรม ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
กล่าวทิ้งท้ายว่า “การแต่งตั้งโยกย้ายของกระทรวงยุติธรรมในครั้งนี้
ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถของผู้รับแต่งตั้งโยกย้าย
รวมถึงเอกภาพและความรู้ความสามารถในการบังคับบัญชา
โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและส่วนรวมเป็นสำคัญ ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือมีอคติใด
ๆ รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่เป็นที่สนใจของสังคม
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ คดีหมูเถื่อน
โดยคดีดังกล่าวจะมีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาจนถึงที่สุด
และครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ”