"เศรษฐา" เคาะ 10 พ.ย .แถลงดิจิทัลวอลเล็ตชัดเจน
ลั่นทุกนโยบายเป็นเดิมพันฝีมือและก้าวต่อไปของรัฐบาล บอก "จุลพันธ์"
ทำงานหนักถูกมองให้ข้อมูลสับสนเพราะอยู่ระหว่างรับฟังทุกเสียงสะท้อน
ยันกระตือรือล้นงานทุกวัน อยากให้ปชช.มีรอยยิ้ม ลั่นไม่คิดถอย ต้องทำออกมาให้ดี
ถูกกม. สังคมไม่กังขา เผยใช้แอปเป๋าตังค์ร่วมแน่
เพื่ออำนวยความสะดวกปชช.ถอนใช้เป็นเงินสด
วันที่
4 พฤศจิกายน 2566 เวลา 10.25 น.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา
อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ถึงความคืบหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000
บาท ว่า วันที่ 10 พ.ย.นี้ รู้เรื่องทุกอย่าง
อย่างที่ตนเรียนแล้วไม่ได้ไปว่าใครที่ไปพูดอะไรทั้งสิ้น
วันนี้การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ วันที่ 10 พ.ย.
นี้จะรู้ที่มาที่ไปทุกอย่าง
มีขั้นตอนไทม์ไลน์กฎกติกาที่ชัดเจนและต้องให้เกียรติคณะกรรมการด้วย
ซึ่งตนอยากให้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะเดี๋ยวจะเกิดความสับสน
อย่างที่บอกเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องสำคัญ อาจจะมีความเห็นต่างบ้าง
แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ลักษณะหรือขอบเขต
หรือปริมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไหร่อย่างไรก็ต้องมาพูดคุยกัน
อย่างที่ตนยืนยันตลอดเวลาว่าหากใครมีข้อเสนอแนะก็รับฟังตลอด
และการรับฟังก็ไม่ใช่การรับฟังเฉยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายนี้ดูเหมือนจะเป็นการเดิมพันฝีมือก้าวต่อไปของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย
นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าให้ประชาชนเป็นคนตัดสินจะดีกว่า ทุกนโยบายสำคัญ
และกรณีที่สื่อบางสำนักได้ทำโพลสำรวจมา เห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นสิ่งสำคัญ
ดิจิทัลวอลเล็ตก็เป็นเรื่องสำคัญ นอกจากนี้ยังมีเรื่องหนี้ครัวเรือน
ซึ่งตนก็ได้ประชุมไปแล้วในเรื่องของหนี้ครัวเรือน เรียกนายอนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาหารือ
และตนก็เป็นรมว.คลังด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ รวมไปถึง 30
บาทรักษาทุกโรค มีหลายเรื่องสำคัญ และเห็นว่าทุกเรื่องเป็นเดิมพันหมด
แม้แต่เรื่องการบริหารจัดการน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกษตรกร 30-40 ล้านคน รอเรื่องนี้อยู่ ภาคอุตสาหกรรมและเรื่องอีอีซีก็เป็นเดิมพันด้วย
ไม่มีเรื่องอะไรที่ตนจะด้อยค่า ซึ่งต้องทำเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง วันนี้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ก็ทำงานหนัก แต่เวลามีไมค์มาจ่อปากท่านก็ต้องตอบ
แต่ก็เป็นเรื่องที่เราอยู่ระหว่างการทำงาน ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง
พูดวันนี้อย่างแต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยน แต่มาหาว่าท่านพูดกลับไปกลับมามันไม่ใช่
เพราะมันอยู่ระหว่างการคุย เวลาไปคุยกับแบงค์ชาติเขามีข้อเสนอกลับมา ก็กลับมาบอก
เมื่อสื่อเอาไมค์จ่อปากเขาก็พูดว่ารับฟังแบงค์ชาติรับฟังสภาพัฒน์ฯ ก็มาบอกว่าพูดจาไม่รู้เรื่อง
นายเศรษฐากล่าวว่า
เมื่อมีคำเตือนมาตนก็รับฟัง
สื่ออาวุโสหลายท่านก็เตือนมา
ผู้ว่าฯแบงค์ชาติก็บอกไม่ได้ติดอะไรแต่ให้ระวังในเรื่องนี้ ให้เขียนภาพระยะยาว
เวลาที่ออกมาแล้วจะกระทบกับเศรษฐกิจในเชิงบวกอย่างไร รวมถึงการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ
ดังนั้นเวลาที่จะแถลงก็ต้องแถลงให้ครบทั้งหมด เมื่อเวลามีคำถามอะไรตนจะได้ตอบได้
แต่ก็เห็นใจนายจุลพันธ์ ทำงานหนักมาก ในฐานะที่ดูแลเรื่องนี้และไปคุยกับทุกภาคส่วน
ขณะเดียวกันก็ยังมีกฤษฎีกาด้วย เยอะแยะเต็มไปหมด รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ด้วย ที่เราได้หาเสียงและพูดอะไรไป ก็ต้องไปปรึกษาเมื่อมีข้อคิดเห็นมาเราก็ต้องฟัง
เมื่อถามว่า
นายกรัฐมนตรีมาจากนักธุรกิจประชาชนก็คาดหวังสูงในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้น
นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจแบบนั้นหรือไม่ว่าภายในกี่เดือนประชาชนจะยิ้มอย่างมีความสุข
นายเศรษฐากล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ความตั้งใจของตนอยากให้ยิ้มทุกวัน
อยากให้ยิ้มเร็วๆ ตนกระตือรือร้น มีความอยากจะทำ แต่ไม่ได้หมายว่าจะทำไม่ได้
นิสัยของตนไม่ใช่คนแบบนั้น ตนก็อยากทำให้ได้
ทุกคนก็รู้ดีมันไม่ได้อยู่ที่ตนคนเดียว
ซึ่งก็มีปัญหาต่างๆเข้ามาและมีปัจจัยภายนอกรุมเร้าเยอะ
เมื่อถามว่า
นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเดินหน้าต้องระวัง ถอยหลังก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า
ถ้าพูดอย่างนั้นก็หมายความว่าตนมีความคิดที่จะถอยหลัง ตนไม่ได้คิดจะถอยหลังเลย
ฉะนั้นจะต้องทำ และต้องทำออกไปให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องตามกฏหมายที่สุด
ให้คนได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งสาธารณะชนต้องเข้าใจด้วยว่าระบบนี้วิธีการนี้
ไม่มีการคอร์รัปชัน ในเชิงปฏิบัติไม่มีที่ให้ประชาชนต้องสงสัยว่าใครได้อะไร
เป็นเรื่องที่ธรรมดา เรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบ ตนก็ไม่สบายใจ แต่ไม่ต้องห่วง
ส่วนแอปพลิเคชันเป๋าตังมีส่วนร่วมแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของการให้ความสะดวกและง่ายให้กับประชาชนใช้นโยบายนี้ได้อย่างสบายใจ
ส่วนการกำหนดพื้นที่การใช้ หรือการระบุให้ถอนใช้เป็นเงินสด
แล้วไปใช้ที่จังหวัดอื่น ตนบอกว่าไม่ได้ อย่างที่จ.เชียงใหม่หรือกทม.
เมืองเหล่านี้มันเขียวอยู่แล้ว ตนอยากให้ไปใช้ในเมืองที่มีจีดีพีรายได้ต่อหัวต่ำ
อยากให้หญ้าพื้นที่ตรงนั้นเขียว
ก็จะทำให้ชุมชนและเศรษฐกิจพื้นที่เหล่านั้นเฟื่องฟูลืมตาอ้าปากได้
ส่วนที่มีการบอกว่าให้ไปซื้อของออนไลน์ได้นั่น ตนตอบไม่ได้หมดตรงนี้
นายเศรษฐา
กล่าวว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเรื่องใหญ่ๆพวกนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้มีความรู้ต่างๆมากมายที่ให้คำแนะนำ
ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องรับฟังทุกส่วนและเป็นคนตัดสินว่าตรงไหนมีความเหมาะสมมากที่สุด
ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไม่ทำ ไม่รับฟังหรือดื้อที่จะทำ
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่คณิตศาสตร์เพราะคณิตศาสตร์ 1+1
เป็นสอง
ส่วนเศรษฐศาสตร์เขามีมุมมองแต่ละคนอย่างที่ต้นคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เราคุยกันแบบผู้ใหญ่ เราคุยกันด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน
ถามว่าเห็นตรงกันทุกเรื่องไหมก็ไม่ใช่ ตนก็ยอมรับ แต่เราคุยกันด้วยดี
และมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน สำคัญที่สุดอะไรต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน
วันนี้ประชาชนเดือดร้อนกันมากแล้วอย่างที่บอกไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าจีดีพีเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.8 % มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขตรงนี้และทำให้และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น
นายกฯ
กล่าวว่า เรามาวันนี้ มาตรงนี้เพื่อที่จะทำ ซึ่งเรื่องความยุติธรรม
ความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารจัดการปัญหาเหล่านี้ต้องไม่ให้สังคมมีข้อกังขาก็พยายามทำให้ดีที่สุด
หลายเรื่องก็ต้องพยายามทำไป วันเสาร์อาทิตย์รัฐมนตรีหลายท่านก็ทำงาน
ไม่มีที่จะไม่เห็นความสำคัญเรื่องเหล่านี้
เมื่อถามว่านายกฯทำงานไม่เหน็ดไม่เหนื่อยตามที่เคยระบุไว้ใช่หรือไม่
นายเศรษฐากล่าวว่า “ ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย อาสาเข้ามาแล้วก็ต้องทำ
ถ้าเหนื่อยก็พักไม่เป็นไร”