วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

นายกฯ แถลงชัด #ดิจิทัลวอลเล็ต จ่ายให้ปชช. 16 ปีขึ้นไป รายได้ไม่ถึง 7 หมื่นต่อเดือน และมีเงินฝากไม่เกิน 5 แสน

 


นายกฯ แถลงชัด #ดิจิทัลวอลเล็ต จ่ายให้ปชช. 16 ปีขึ้นไป รายได้ไม่ถึง 7 หมื่นต่อเดือน และมีเงินฝากไม่เกิน 5 แสน


วันที่ 11 พฤศจิกายน เวลา 14.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงความคืบหน้าโครงการเงินดิจิทัล โดยระบุว่า จะมอบสิทธิการใช้จ่ายให้กับประชาชนผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไป รายได้ไม่ถึง 70,000 บาท ต่อเดือน และมีเงินฝากต่ำกว่า 500,000 บาท โดยให้สิทธิครั้งแรก 6 เดือน หลังจากโครงการเริ่ม ขยายพื้นที่ครอบคลุม ระดับอำเภอ


นายกฯ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา

ใส่เงิน 10,000 บาท ในกระเป๋าดิจิทัล

ต้องใช้ภายในอำเภอ ตามบัตรประชาชน

เงินต้องใช้ครั้งแรกใน 6 เดือน

โครงการสิ้นสุด เมษายน 70

ประชาชนไม่สามารถโอนให้ผู้อื่น หรือแลกเป็นเงินได้

ต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ

ใช้สำหรับซื้อของอุปโภคบริโภคเท่านั้น


นายกฯ กล่าวต่อไปว่า เงินดิจิทัลไม่สามารถใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้ ไม่สามารถใช้ซื้อของที่เป็นอบายมุข เช่น เหล้า บุหรี่  ไม่สามารถซื้อบัตรกำนัลบัตรเงินสด เพชร พลอย ทองคำ อัญมณี ไม่สามารถชำระหนี้ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ น้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติได้ ไม่สามารถจ่ายค่าเทอม ค่าเรียนได้  ร้านค้าไม่ต้องจด VAT เพื่อรับเงิน และร้านค้าที่จะขึ้นเงินได้ต้องอยู่ในระบบภาษี


นายเศรษฐายังได้ชี้แจงรายละเอียดที่มาของงบประมาณโครงการว่า คำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุดในการดำเนินนโยบายนี้ คือการออกพรบ. เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท ซึ่งมีความโปร่งใส ภายใต้การตรวจสอบถ่วงดุลในระบบรัฐสภา ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการอนุมัติโดยรัฐสภา และเป็นไปตามมาตรา 53 พรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 พรบ.การกู้เงินดังกล่าวจะระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการ Digital Wallet ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย


และรัฐบาลจะทำการกู้เงินก็ต่อเมื่อ มีการนำเงินไปใช้และนำมาขึ้นเป็นเงินสด ซึ่งนี่จะเป็นการทำให้เงินในระบบทั้งหมดใหญ่ขึ้นกว่า 500,000 ล้าน ซึ่งจะหมุนเวียนและกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยยะ ผสมกับงบประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการที่กล่าวไปทั้งหมด ทุกท่านไม่ต้องห่วงเรื่องของการใช้เงินคืน รัฐบาลจะมีแผนจัดสรรเงินงบประมาณมาเพื่อจ่ายคืนเงินส่วนที่เป็นเงินกู้ตลอดระยะเวลา 4 ปี” นายเศรษฐา กล่าว


นายเศรษฐายังได้เสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มเติมจากกระเป๋าเงินดิจิทัล อีก 2 นโยบาย คือ นโยบาย e-refund เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายร้านค้าออนไลน์ และกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อนำมาต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ของประเทศ เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา เป็นต้น


นโยบาย Digital Wallet ไม่ใช่การสงเคราะห์ประชาชนผู้ยากไร้ แต่เป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจผ่านสิทธิการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนมีบทบาทร่วมกับรัฐบาล (Partnership) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ผ่านสิทธิการใช้จ่าย 10,000 บาทครับ” นายเศรษฐา กล่าวในที่สุด ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เศรษฐา #ดิจิทัลวอลเล็ต