“โรม” ยืนยันจุดยืน-เหตุผล “ก้าวไกล” ทำไมต้องยุบ “กอ.รมน.”
ชวนพิจารณายกระดับบทบาท “สมช.” แทนที่ เหตุสอดคล้องภัยความมั่นคงสมัยใหม่มากกว่า
ขอนายกฯ ไม่ปัดตก เปิดโอกาสคุยในสภาให้สังคมได้รับฟัง
วันที่
3 พฤศจิกายน 2566 ที่อาคารอนาคตใหม่
ที่ทำการพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
แถลงข่าวจับตานโยบาย (Policy Watch) กรณีข้อเสนอยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน
(กอ.รมน.) พร้อมข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล เปิดทางให้ร่างกฎหมายที่เสนอโดยพรรคก้าวไกล
ได้รับการพิจารณาในสภา
รังสิมันต์
ระบุว่าพรรคก้าวไกลขอยืนยันในข้อเสนอว่าด้วยการยุบ กอ.รมน. และความเห็นว่า กอ.รมน.
ที่จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็นเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์
เป็นองค์กรที่ล้าสมัยและไม่มีความเหมาะสมที่จะต้องมีต่อไป
ซึ่งการยกเลิก
กอ.รมน. ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีองค์กรที่ทำหน้าที่ด้านความมั่นคง
เพราะความมั่นคงในปัจจุบันมีความแตกต่างจากยุคสงครามเย็นมาก
มีหลากหลายรูปแบบตั้งแต่เรื่องของความมั่นคงทางอาหาร การเกษตร สุขภาพ
อาชญากรข้ามชาติ ภัยยาเสพติด ฯลฯ ซึ่ง กอ.รมน. ไม่มีความเหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่รับมือภัยความมั่นคงเหล่านั้น
รังสิมันต์ยังกล่าวต่อไป
ว่าที่ผ่านมา กอ.รมน. ยังมีบทบาทในการสร้างความแตกแยกในสังคม
ผ่านการสร้างภาพให้คนเห็นต่างทางการเมืองเป็นศัตรูของประเทศ
มีการใช้งบประมาณไปในภารกิจเพื่อเป้าหมายในการจัดการผู้เห็นต่างเหล่านั้น
ซึ่งผลที่ได้คือความแตกแยกของสังคม
ในแง่โครงสร้าง
กอ.รมน. เป็นแนวคิดทหารนำการเมือง ผอ.รมน.
แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ผู้ที่เป็นรอง ผอ.รมน. ก็คือ ผบ.ทบ.
เลขาธิการ กอ.รมน. ก็เป็น เสธ.ทบ. เฉพาะสองตำแหน่งนี้
ถ้าไปดูหนังสือย้อนหลังก็จะเห็นว่ามีบทบาทในการลงนามหลายเรื่อง ที่มีลักษณะไปสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด
นี่คือโครงสร้างที่ทำให้กองทัพสามารถแทรกซึมไปยังส่วนต่างๆ
ของระบราชการ แล้วเอาวิธีคิดความมั่นคงแบบการทหารเป็นตัวนำ
ไปสั่งการระบบราชการได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตราย
เพราะทำให้วิธีคิดด้านความมั่นคงจะถูกจำกัดอยู่แต่ในแบบของกองทัพเท่านั้น
รังสิมันต์ยังกล่าวต่อไป
ว่าบทบาทของ กอ.รมน. ยังมีปัญหาอีกหลายด้าน
ไม่ว่าในด้านการทำงานมวลชนที่กลายมาเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ
เช่นในยุคที่มีการรณรงค์ประชามติรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน โฆษก กอ.รมน.
ในเวลานั้นเคยให้สัมภาษณ์อย่างเปิดเผย ว่ามวลชนที่ กอ.รมน. ทำงานด้วยจะสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติ
รวมถึงบทบาทในการปิดกั้นเว็บไซต์ที่มีความเห็นต่างทางการเมืองในเรื่องการรัฐประหาร
บทบาทของกองทัพ และบทบาทของรัฐบาล และยังสร้างเว็บไซต์อย่าง pulony.blogspot เพื่อใส่ร้ายป้ายสีด้อยค่านักกิจกรรม พรรคการเมือง
และประชาชนที่มีส่วนสนับสนุนงานด้านสิทธิมนุษยชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
รังสิมันต์อธิบายถึงปัญหาต่อไปของ
กอ.รมน. ในแง่งบประมาณ โดยระบุว่าปีล่าสุด กอ.รมน. ได้รับงบประมาณไปมากถึง 7.7 พันล้านบาท
เป็นงบประมาณที่ใกล้เคียงกับกระทรวงดิจิทัลฯ
และมากกว่ากระทรวงอุตสาหกรรมที่ได้รับงบประมาณเพียง 4 พันล้านบาทเท่านั้น
และหากรวมระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา กอ.รมน.
ใช้งบประมาณไปแล้วกว่าแสนล้านบาท
โดยที่งบประมาณ
4 พันล้านบาทจาก 7.7 พันล้านบาท
ถูกใช้ไปในรายการอื่นที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเอาไปใช้อะไร
แต่เมื่อสืบสวนลึกลงไปก็จะพบได้ว่าถูกนำไปใช้เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับคนของกองทัพที่เข้าไปทำงานใน
กอ.รมน.
ในด้านภารกิจ
มีการมอบหมายภารกิจจำนวนมากให้กับ กอ.รมน. ในงานความมั่นคงด้านอื่นๆ
ที่ทับซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว
ตั้งแต่งานป้องกันปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน การค้ามนุษย์ ฯลฯ
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้วันนี้ก็เป็นคำตอบอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ว่าผลงานของ กอ.รมน. ในด้านเหล่านี้ล้มเหลวเพียงใด
รังสิมันต์ยังกล่าวต่อไป
ว่าพรรคก้าวไกลเห็นว่าประเทศกำลังเผชิญหน้าความมั่นคงรูปแบบต่างๆ
ที่ต่างไปจากในอดีตมาก การอัดงบประมาณมากถึง 7.7 พันล้านบาทให้ กอ.รมน.
ไม่สร้างประโยชน์อะไร
แต่ควรมีองค์กรลักษณะอื่นมาทำหน้าที่โดยอาศัยความคิดพลเมืองนำในการรับมือภัยคุกคามต่างๆ
ซึ่งองค์กรที่พัฒนาและยกระดับศักยภาพได้ในลักษณะนั้นก็คือสภาความมั่นคงแห่งชาติ
(สมช.) ซึ่งได้งบประมาณเพียง 2 ร้อยกว่าล้านบาทต่อปีเท่านั้น
ทั้งที่ในความเป็นจริง สมช. ต้องดูภาพรวมภัยคุกคามทุกรูปแบบของประเทศ สมช.
เป็นองค์กรที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาให้ทันสมัย
มีแนวคิดความมั่นคงที่ไม่ผูกติดอยู่แต่กับเรื่องการทหาร
พร้อมรับมือความมั่นคงในทุกรูปแบบได้
รังสิมันต์ระบุต่อไปว่า
ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย
ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ได้เคยพูดคุยในชั้นกรรมาธิการ
ว่าควรมีคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาเพื่อศึกษาประเด็นดังกล่าว พร้อมมอบหมายให้ รอมฎอน
ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการฯ
เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะมีองค์กรที่ทำหน้าที่ด้านความมั่นคงแทนที่
รวมไปถึงการจัดทำรายงานเหตุผลที่นำไปสู่การยุบ กอ.รมน.
โดยรายงานที่จะทำขึ้นมา
จะเป็นการศึกษาอย่างรอบด้าน เพื่อนำเสนอสู่ชั้นกรรมาธิการ
ก่อนส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนส่งต่อไปที่รัฐบาลตามลำดับต่อไป
ซึ่งตนหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว
รัฐบาลเศรษฐาจะศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
รังสิมันต์ยังกล่าวด้วย
ว่าแม้ครั้งหนึ่งพรรคก้าวไกลจะเคยมีข้อตกลงกับอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าการยุบ
กอ.รมน. จะเป็นหนึ่งในพันธสัญญาที่รัฐบาลจะต้องทำให้ได้ แต่เสียดายที่วันนี้
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่ได้เป็น ผอ.รมน. แล้ว กลับไม่สนใจศึกษากรณีการยกเลิก
กอ.รมน. ให้รอบด้านอีกต่อไป
แต่แม้รัฐบาลจะไม่ให้ความสำคัญแล้ว
พรรคก้าวไกลยังคงยืนยันที่จะผลักดันเรื่องนี้ต่อไปและจะนำเสนอเข้าสู่สภาให้ได้
ซึ่งในฐานะที่เป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน
จะต้องได้รับการรับรองจากนายกรัฐมนตรีก่อนถึงจะเข้าสู่สภาได้
พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีรับรองให้สภาได้มาอภิปรายพูดคุยกัน
“ถ้ามีเหตุผลในการยืนยันว่า กอ.รมน. ควรคงอยู่ ก็ควรมาคุยในสภา
ให้ร่างมีโอกาสเข้าสู่สภา เพื่ออย่างน้อยให้ได้มีการนำเสนอต่อสภา ต่อสังคม
และต่อประชาชน ให้ได้รับรู้ทั้งแง่มุมที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการมี กอ.รมน.
ต่อไป” รังสิมันต์กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #กอรมน #สมช #ก้าวไกล