'พิธา' มั่นใจ โหวตปธ.สภาราบรื่น
ทั้งว่าที่ฝ่ายค้าน-ฝ่ายรบ.พร้อมยอมรับ เชื่อ
ผู้นำที่ดีรุกได้ถอยเป็นจะทำให้ส.ว.ยอมโหวตตนเป็นนายกฯ
วันนี้
(4 กรกฎาคม 2566) เวลา 08.40 น. ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล
กล่าวถึงบรรยากาศการประชุมในวันนี้จะไม่มีอะไรที่พลิกโผไปจากการแถลงข่าวเมื่อวาน
เมื่อถามถึงได้มีการทำความเข้าใจกับนายปดิพัทธ์
สันติภาดา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ก้าวไกล หลังจากที่ไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาหรือไม่
นายพิธากล่าวว่า ทำความเข้าใจกันมาตลอด
ซึ่งนายปดิพัทธ์ก็อยู่ร่วมกับการตัดสินใจด้วย
เป็นไปตามที่นายปดิพัทธ์ได้ให้สัมภาษณ์ "หน้าที่ไม่ใช่หน้าตา"
ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่านายปดิพัทธ์ จะได้ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 นั้น
นายพิธากล่าวว่า รอเสนอชื่อ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า
หากฝ่ายรัฐบาลเดิมเสนอชื่อชิงประธานสภา มีแผนสำรองหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า
เท่าที่ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา หากฟังจากสัมภาษณ์ของทั้งสองฝั่ง
คิดว่าจะน่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อถามถึงกรณีนายธนกร
วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่เลือกแคนดิเดตประธานสภา
ที่ถูกเสนอโดยพรรคก้าวไกล นายพิธากล่าวว่า เมื่อวานตนเห็นแค่พาดหัวข่าวนายธนกร
ที่ชมว่านายวันนอร์เป็นคนที่มีประสบการณ์และความเหมาะสม ตนเห็นแค่นั้น
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาย้ำว่าจะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ
ต่อไปนั้น
การรักษาเอกภาพและมิตรภาพของทั้ง 8 พรรคเป็นสิ่งสำคัญ
เป้าหมายที่ใหญ่กว่าแสดงให้เห็นถึงความหนักแน่น และความคงเส้นคงวาของพรรคก้าวไกล
ที่เห็นว่าหลักการสำคัญกว่าบุคคล ซึ่งเมื่อได้มีโอกาสคุยกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
แฃะนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็รับหลักการทุกอย่างให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพ
รวมถึงกฎหมายสำคัญๆ อีก 4 ข้อ
และมีการพูดคุยการดูแลเรื่องกฎหมายญัตติเป็นสิ่งสำคัญ และมีการตกลงร่วมกัน
เมื่อถามว่า
พรรค พท. ไม่มีการแย้งกฎหมายนิรโทษกรรมใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า
หากแถลงร่วมกันก็น่าจะจบตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
เมื่อถามถึงเสียงส.ว.
ที่จะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ นั้น มีจำนวนเท่าไหร่แล้ว นายพิธากล่าวว่า
รอดูเวลาใกล้ ๆ แต่มากขึ้นเรื่อย ๆ
"คิดว่าการส่งสัญญาณภาวะผู้นำที่ดี
รุกได้ถอยเป็นและรู้หลักการในการนำเสนอ พรรคอันดับ 1 ต้องเสนอประธานสภา
แต่ในขณะเดียวกัน การรักษาเอกภาพให้ได้เป้าหมายที่ใหญ่กว่า ก็เป็นสิ่งสำคัญ
แสดงให้เห็นว่าผู้นำคนนี้ก็เข้าใจ เวลารุกก็ต้องรุกให้สุด
เวลาถอยถ้าไม่เสียหลักการ
ต้องการที่จะเห็นความก้าวหน้าของสภาและเจตจำนงค์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ก็น่าจะแสดงบางอย่างให้ส.ว.เห็น
ส่วนทัศนคติของนายวันชัย
ส.ว. จะสื่อถึงสัญญะอะไรหรือไม่นั้น ก็เป็นสัญญะส่วนตัวของนายวันชัยเอง
เมื่อถามว่ามีการมองข้ามช็อตไปถึงการโหวตนายกฯ
แล้วหรือยัง นายพิธากล่าวว่า เวลามองก็ต้องมองไกล ๆ
เวลาปฏิบัติต้องปฏิบัติวันต่อวัน วิถีการทำงานต้องเป็นอย่างนี้
ส่วนการเคลียร์ใจกับพรรค พท. ได้มีการพูดคุยกันอยู่ตลอด แต่สถานการณ์การทำงาน
ต้องมีทั้งที่เห็นด้วยและต้องถกกันมากขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมาตลอด 4 ปี
ถ้าทำงานด้วยความเข้าใจ เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน วันนี้น่าจะเป็นนิมิตหมายที่ดี
ว่าทั้งพรรคเข้าใจว่า การถอยออกมาและการที่ต้องการจะให้มีฉันทามติร่วมกัน ก็สามารถที่จะบริหารจัดการได้
ภาวะผู้นำของ 8 พรรคก็น่าจะสูงขึ้น
เมื่อถามต่อว่า
การรุกได้ถอยเป็นนั้น รวมไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า
รุกได้ถอยเป็นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บริบทข้อมูล ต้องดูเป็นกรณี ๆ ไป
คนที่เป็นผู้นำต้องตัดสินใจเป็น
"บางครั้งถ้าคุณจะก้าวกระโดด
คุณก็ต้องถอยนิดนึง ถ้าคุณไม่ถอย ยืนอยู่กับที่ก็กระโดดได้ไม่ไกล
แต่ต้องไม่ขัดต่อหลักการ สิ่งที่ได้สัญญากับประชาชน คุณค่าของพรรค
และไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง" นายพิธากล่าว
เมื่อถามย้ำว่ายังยืนยันว่าจะแก้ไขม.112
ใช่หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ก่อนเลือกตั้งเป็นอย่างไร
หลังเลือกตั้งก็เป็นอย่างนั้น คงมีแต่ยื่นเข้าสภาอยู่ดี
เมื่อถามว่าการให้นายวันมูหะมัดนอร์
มะทา ขึ้นเป็นประธานสภา จะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์
และจะส่งผลต่อเสถียรภาพต่อรัฐบาลหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า
เท่าที่ตนดูลมฟ้าอากาศจากหลาย ๆ สื่อ น่าเอามาเป็นการตอบรับที่ดี
ซึ่งตนก็เคยมีโอกาสทำงานกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จะลาออก
เชื่อมั่นว่าจะเป็นคนที่ทำให้สภาก้าวหน้าได้
ตามที่นายปดิพัทธ์เคยเสนอวิสัยทัศน์ไว้
เมื่อถามว่า
นายวันนอร์ จะเป็นเหมือนร่างทรงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เนื่องจากมีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
นายพิธากล่าวว่า ก็ต้องเป็นแค่เสมือน
ตนคิดว่านายวันนอร์เป็นผู้ใหญ่และมีความคิดเป็นของตน ได้พิสูจน์ตนเองมาตั้งแต่ปี
2522 เชื่อว่าจะทำให้รัฐสภาก้าวหน้าและไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง