"ชาวบุรีรัมย์" แห่ฟังเพื่อไทยปราศรัยล้นพื้นที่ "แพทองธาร"
ขอชัยชนะบุรีรัมย์ยกจังหวัด เพื่อ “คืนชีวิตที่ดีกว่า” ลูกหลานปลอดยาเสพติด
วันที่
5 มีนาคม 2566 เพื่อไทยจัดปราศรัยใหญ่ #คิดใหญ่ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอประโคนชัย
จังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากถูกเปลี่ยนพื้นที่เพราะหนังสือจากทางราชการบุรีรัมย์ไม่อนุมัติ
จึงจำเป็นต้องมาจัดพื้นที่ปราศรัยหน้าศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอประโคนชัย
โดยมีประชาชนเข้าร่วมรับฟังแกนนำพรรคเพื่อไทยและทีมงานครอบครัวเพื่อไทยกันอย่างหนาแน่น
โดยการปราศรัยครั้งนี้
ร่วมด้วยแกนนำพรรคเพื่อไทย ส.ส. และสมาชิกครอบครัวเพื่อไทย ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน
ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย,นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค
และประธานวิปฝ่ายค้าน, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร
ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ผู้อำนวยครอบครัวเพื่อไทย, นายอดิศร เพียงเกษ
โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ
ส.ส.พร้อมด้วยผู้ประสงค์ลงสมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส. บุรีรัมย์ทั้ง 10 เขต
‘นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว’ ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
กล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาฟังปราศรัยกันอย่างหนาแน่น แม้พื้นที่จะคับแคบ
โดยระบุว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้ขอพื้นที่ปราศรัยในบุรีรัมย์กลับถูกปฏิเสธ
พรรคเพื่อไทยยกทัพใหญ่มาพบปะชาวบุรีรัมย์
เพื่อนำเรื่องสำคัญที่จะประกาศนำพี่น้องประชาชนเข้าสู่ความกินดีอยู่ดี
เพื่ออนาคตของประชาชน ลูกหลาน และอนาคตประเทศไทยที่ดีขึ้นต่อไป
โดยผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย ทั้ง 10 เขต
คือคนของพี่น้องประชาชน คนในพื้นที่โดยแท้จริง พร้อมที่จะปกป้องพี่น้องจากอำนาจมืด
การโกง การเปลี่ยนแปลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งจะต้องหมดไป
หากต้องการเปลี่ยนแปลงบุรีรัมย์ วันเลือกตั้งเดินเข้าคูหา ควักปากกา
กาพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ
“วันนี้ขอขอบคุณพี่น้องที่มาฟังกันหนาแน่น เป็นหมื่นคน แม้สถานที่จะคับแคบ
สิ่งที่สะท้อนใจกับบุรีรัมย์ก็คือพรรคได้ทำหนังสือขอใช้สถานที่ราชการก็ถูกปฏิเสธ
มีหนึ่งโรงเรียนเตรียมจะให้ใช้สถานที่แล้ว
แต่สุดท้ายขอปฏิเสธการให้ใช้พื้นที่เนื่องจากโรงเรียนจัดงานแข่งขันกีฬากะทันหัน
แต่ไม่เป็นไร แม้สถานที่คับแคบแต่เรามาหนาแน่น ขอให้ความหนาแน่นนี้ขยายไปใน 10 เขตเป็นคะแนนเพื่อไทยแลนด์สไลด์ยกจังหวัด” นายแพทย์ชลน่านกล่าว
‘อดิศร เพียงเกษ’ โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวบนเวทีบุรีรัมย์
‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ณ ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอประโคนชัย
จังหวัดบุรีรัมย์
กล่าวต่อพี่น้องประชาชนถึงปัญหาพิษภัยและอันตรายของยาเสพติดและกัญชา
ว่าทุกวันนี้ยาเสพติดและกัญชาระบาดไปทุกแห่ง
พรรคเพื่อไทยมีแต่นโยบายส่งเสริมสุขภาพให้กับพี่น้อง
รักษาพี่น้องให้หายป่วยด้วยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคซึ่งทำมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย
และจะทำให้ดีขึ้นในรัฐบาลหน้า
พรรคเพื่อไทยเราไม่สนับสนุนกัญชาเพื่อสันทนาการแบบทุกวันนี้
เราสนับสนุนกัญชาเพื่อการแพทย์
เราสนับสนุนแต่นโยบายที่ส่งเสริมสุขภาพของพี่น้องให้แข็งแรง
มีสวัสดิการที่ดีใครเจ็บป่วยต้องได้รักษา เหมือนโครงการ 30
บาทรักษาทุกโรค เราไม่สนับสนุนยาเสพติด
“ยาบ้ายังไม่มีปัญญาปราบ ยังจะไปเอากัญชามาอีก
วันนี้คนบุรีรัมย์ยังจะเอากัญชาอีกหรือ ถ้าเราไม่ร่วมมือกันแลนด์สไลด์
มันจะเป็นไปไม่ได้เลย พรรคเพื่อไทย ขอพี่น้องทุกคนกาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ เลือกทั้งคนทั้งพรรค เอากัญชาคืนไป เอาอนาคตเยาวชนไทยคืนมา”
โฆษกผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าว
‘นางสาวแพทองธาร ชินวัตร’
หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม
พรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีกล่าวทักทายพี่น้องชาวบุรีรัมย์ที่ให้การต้อนรับพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี
ว่าการมาบุรีรัมย์ครั้งนี้
พรรคเพื่อไทยต้องการมาประกาศนโยบายเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้หลุดพ้นจากความยากลำบาก
เพราะพรรคเพื่อไทยเห็นถึงปัญหาที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
โดยในจังหวัดบุรีรัมย์นั้น มีประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร ที่ได้ผลตอบแทนเพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกลับแรงที่ลงทุนไป
พรรคเพื่อไทยจึงขอเสนอนโยบาย ‘3 ดี’ ได้แก่
1)
‘ดินดี น้ำดี’ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำการเกษตรเพื่อทำให้น้ำและดินเหมาะสมกับการเพาะปลูก
2)
‘เมล็ดพันธุ์ดี’ ช่วยทุ่นแรงในเกษตร
ในการหาเมล็ดพันธุ์ที่ดีในการเพาะปลูก
3)
‘ขายได้ราคาดี’ ราคาสินค้าเกษตรต้องขึ้นยกแพง
ขณะที่ด้านปัญหายาเสพติดที่หาได้ง่ายในปัจจุบันต้องกวาดล้างเพื่ออนาคตที่ดีของลูกหลานโดย
พรรคเพื่อไทยขอเสนอ
1)
‘ป.ปราบ’ ใครขายยาเสพติด เจอที่ไหนต้องถูกจับทันที
2)
‘ป.เปิด’ เปิดการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อหาแหล่งผลิต
และทำลายแหล่งผลิต
3)
‘ป.เปลี่ยน’ เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย
เพื่อรักษาให้ผู้ติดยาเสพติดให้กลับคืนสู่สังคม
“เรากำหนดอนาคตของตัวเองได้ผ่านการเลือกตั้ง
ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง เพราะพรรคเพื่อไทยพร้อมจะเปลี่ยนชีวิต
เปลี่ยนอนาคตให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
ขอฝากพี่น้องชาวบุรีรัมย์ให้ได้เป็นส่วนหนึ่งให้พรรคเพื่อไทย แลนสไลด์ ทั้งคน
ทั้งพรรค” แพทองธาร กล่าว
‘นายสุทิน คลังแสง’ ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัย เปรียบเทียบถึงสถานการณ์บ้านเมืองในยุคพรรคไทยรักไทย
2544 กับปัจจุบันว่า สถานการณ์เศรษฐกิจย่ำแย่
ประเทศหนี้สินล้นพ้น ประชาชนมีแต่หนี้ ภาครัฐอุ้มแต่คนรวยทอดทิ้งคนจน
และหนักกว่านั้นคือ คนจนกำลังเข้าสู่สถานะ ‘คนจนถาวร’
หมายถึงต่อให้เศรษฐกิจฟื้นเขาก็กลับมายืนไม่ได้เพราะหมดที่ดินทำกินหมดอาชีพไปก่อนหน้านี้
“12 ปีที่ผ่านมา เหตุการณ์วนเดินกลับมาจุดเดิม คือประเทศเป็นหนี้
ประชาชนมีแต่หนี้สิน ค้าขายลำบาก รัฐอุ้มแต่คนรวย ความเหลื่อมล้ำสูงคนรวยรวยขึ้น
คนจนจนเรื้อรัง และหนักมากกว่านั้น
คนจนหนักมากขึ้นจะกำลังเดินเข้าสู่สถานะคนจนถาวร คือ
ต่อให้เศรษฐกิจจะฟื้นแต่คนจนกลุ่มนี้
จะไม่สามารถกลับตัวมายืนได้อีกเพราะเขาหมดทั้งที่ดินหมดอาชีพจะมาทำงานแล้ว” สุทิน กล่าว
ผู้ปราศรัยคนสุดท้าย
‘นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า
พรรคเพื่อไทยกลับมาวันนี้ ไม่ได้มาเพื่อรุกรานหรือเปิดศึกกับใคร
แต่เขตเลือกตั้งนี้และพื้นที่บุรีรัมย์แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ที่ประชาชนอุ้มชู
ส.ส.เพื่อไทยเข้าสภามาก่อน ตั้งแต่ปี 48 ปี 50
และปี 54 ดังนั้น ตนจึงมารับพี่น้องของเรากลับบ้านหลังใหญ่
หัวใจดวงเดิม คือพรรคเพื่อไทย ซึ่งวันเลือกตั้งมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
ขอชวนประชาชนกลับคืนสู่ความทรงจำเดิม
เลือกพรรคการเมืองที่มีนโยบายเอาอนาคตที่ดีกว่ามาคืนให้ประชาชนคือพรรคเพื่อไทย
กาให้แลนด์สไลด์ยกจังหวัด
“นี่คือทีมเพื่อไทย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ดให้ไปสู้ในสนามฟุตบอล
ถ้าสู้ในสนามเศรษฐกิจของประเทศต้องเพื่อไทย ยูไนเต็ด เท่านั้น
เป็นจ่าฝูงมาทุกฤดูกาล ครั้งที่แล้วก็เป็นจ่าฝูง ก็มีนายพลเอกตั้ง ส.ว.250 คน มายกมือเลือกเขา ดังนั้น แค่เป็นที่ 1 ไม่พอ
ต้องชนะให้แลนด์สไลด์ เพื่อไทยคือพรรคเดียวที่สร้างความเปลี่ยนแปลงได้
เลือกเพื่อไทยให้เกินครึ่ง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย
และคนของเพื่อไทยจะเป็นนายกรัฐมนตรี” ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวทิ้งท้าย
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66 #บุรีรัมย์