‘เศรษฐา’ นำทีม ‘เพื่อไทย’ พบ
หอการค้าไทย-จีน ชี้ เลือกตั้ง 66
คือจุดเปลี่ยนประเทศไทย เหตุการค้าต่างประเทศตกต่ำ ถ้ารัฐบาล ‘เพื่อไทย’
ทำได้ดีกว่านี้แน่
วันที่ 3 มีนาคม 2566 พรรคเพื่อไทย
นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด
ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคเพื่อไทย
นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย
นายวิชาญ มีนชัยนันท์
กลุ่มงานบริหารพื้นที่ กทม.
ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง ส.ส. พรรคเพื่อไทย
นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กทม.พรรคเพื่อไทย นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
เข้าพบปะ หารือ แลกเปลี่ยนกับสมาคมไทย - จีน ณ อาคารหอการค้าไทย-จีน
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล
ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า
จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการในสมาคมหอการค้าไทย-จีน พบว่า
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวก่อนสิ้นปี 2566
ดังนั้นรัฐบาลใหม่ควรมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างชาติ
ไปพร้อมกับการดึงดูดแรงงานไทยที่ถูกเลิกจ้างในช่วงการระบาดของโควิด-19
กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง รวมทั้งการส่งเสริมธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
ดูแลควบคุมค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น มีมาตรการใหม่ ๆ
เพื่อส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น
นายเศรษฐา ทวีสิน
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ
พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพบหอการค้าไทย-จีน ในวันนี้ถือเป็นงานแรกอย่างเป็นทางการหลังจากได้รับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย
ทั้งนี้ไทยและจีนมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน
ไทยเป็นประเทศที่มีความผูกพันธ์กับจีนในเชิงพาณิชย์ สร้างมูลค่าการค้าระหว่างกันมหาศาล โดยจีนถือเป็นประเทศคู่ค้าอันดับต้น ๆ
และสำคัญที่สุดของประเทศไทย
ทั้งนี้
ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศไทย ประเด็นการค้าต่างประเทศและภูมิรัฐศาสตร์
ถือเป็นเรื่องสำคัญและมีความเปราะบางเป็นอย่างมาก นโยบายในอดีตของพรรคไทยรักไทย
พลังประชาชน และเพื่อไทย
ได้ให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างประเทศสูงสุด การค้าระหว่างประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ตนไม่อยากลงรายละเอียดมากนัก แต่หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชน
สามารถจัดตั้งรัฐบาล มั่นใจว่าจะทำได้ดีและดีมากกว่านี้ ด้วยการเปิดตลาดการค้า
พบปะนักธุรกิจ และผู้นำต่างประเทศ รวมทั้งนโยบายเปิดประเทศ นำสินค้าไทยไปขายที่จีนให้มากขึ้น
จีนจะเข้ามามีบทบาทสำคัญทางการค้ากับไทยมากยิ่งขึ้น
เพื่อให้มูลค่าการค้าของไทยปรับตัวดีขึ้น
“การประชุมเอเปคที่ผ่านมา
ถือเป็นการปูพื้นฐานที่ดี เราจะสานต่อข้อตกลงต่าง ๆ และจะทำต่อไปให้ดีกว่านี้ถ้าได้เป็นรัฐบาล”
นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับการหารือ
แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันระหว่างพรรคเพื่อไทย และหอการค้าไทย-จีน มีการพูดคุยใน
4 ประเด็นหลัก ได้แก่ นโยบายด้านการคมนาคม ท่องเที่ยว เกษตร และสังคมผู้สูงอายุ
โดยหอการค้าไทย-จีน ได้สอบถามถึงนโยบายด้านคมนาคม
ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงของจีนที่เชื่อมถึงลาวนั้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เสนอข้อคิดเห็นว่า
พรรคเพื่อไทยมีนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพ
เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ซึ่งจะมีการพัฒนารถไฟเชื่อมใน 4
เขตเศรษฐกิจใหม่นี้ไปพร้อมกันด้วย สอดคล้องกับข้อคิดเห็นของ นายณรงค์ศักดิ์
พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ที่เสนอให้มีโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง
ซึ่งสามารถสร้างแล้วเสร็จเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูง
ผู้แทนจากหอการค้าไทย-จีน
ได้สอบถามถึงนโยบายเกษตร โดยเฉพาะราคาข้าว ซึ่งนายเผ่าภูมิ กล่าวว่า จะมีการเพิ่มผลิตภาพ ราคา และต้นทุน
โดยลงพื้นที่ศึกษาค้นคว้าจนพบว่า มีวิธีการเพิ่มผลผลิตได้ 3 เท่า
รวมทั้งการสนับสนุนต้นทุนด้วยนโยบายลดต้นทุนให้ต่ำลง
ส่วนมาตรการสนับสนุนด้านราคาและการหาตลาดใหม่ให้สินค้าเกษตร
พรรคเพื่อไทยจะหาตลาดใหม่ไว้ จากนั้นจะผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด
นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดการทำการเกษตรโซนนิ่ง
โดยเกษตรกรจะทราบราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้า และปลูกตามที่ตลาดต้องการ
กระทรวงพาณิชย์ซึ่งมีหน้าที่เปิดตลาด ต้องออกไปหาตลาดใหม่ๆ ด้วย
นายเศรษฐา ทวีสิน
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ
พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วินัยการเงิน การคลังก็มีความสำคัญ หากมีวิกฤตสำคัญที่กระทบต่อการผลิตและความต้องการจึงเข้าไปสนับสนุนด้านราคา
เพราะในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่ที่ดีในการเป็นเซลแมน
ไทยเป็นประเทศขนาดเล็ก ต้องถ่อมตัว ต้องมีความภาคภูมิใจในตัวเรา
ซึ่งเป็นหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ต้องไปเปิดตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศ
เพื่อนำโควต้าการค้าขายกลับมาเป็นรายได้ให้ประเทศไทยอีกครั้ง
ภายหลังการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล
ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ให้สัมภาษณ์ว่า
ตนสนับสนุนทุกพรรคการเมืองที่ทำให้ประเทศชาติมีความเจริญมากขึ้น
ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาหอการค้าไทย-จีน ได้ตอบสนองและสนับสนุนการทำงาน
ซึ่งการหารือแลกเปลี่ยนในวันนี้ มี 5 แนวทางของพรรคเพื่อไทยที่น่าสนใจ
ทั้งการค้าการลงทุน โลจิสติกส์ การเกษตร การท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ดีพอสมควร
นายเศรษฐา ทวีสิน
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ
พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การหารือระหว่างกันในครั้งนี้เป็นไปด้วยดี
ทางหอการค้าไทย-จีน ได้เสนอแนะแนวคิดที่น่าสนใจหลายด้าน เช่น การพัฒนาระบบโลจิสติกไทยเชื่อมจีนผ่านลาว
การแก้ไขข้อติดขัดของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ใช้ระยะเวลาขอวีซ่านาน
ปัญหาการตรวจหนังสือเดินทางที่ไม่คล่องตัว รวมถึงการทำธุรกิจในไทยที่มีความยุ่งยาก
ซึ่งมีข้อเสนอในออกกฎหมายใหม่ เพื่อตัดตอนกฎหมายเดิมที่ยุ่งยาก
หากพรรคเพื่อไทยได้รับโอกาสจะเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #เพื่อไทย #เลือกตั้ง66