ธิดา ถาวรเศรษฐ :
ลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้ประชาธิปไตยที่แท้จริง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ของประเทศไทย
“17 ปี นวมทอง ไพรวัลย์”
ณ สดมอนุสรณ์ นวมทอง ไพรวัลย์
ใต้สะพานลอย หน้าสำนักงานใหญ่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ถนนวิภาวดีรังสิต
31 ตุลาคม 2566
สวัสดีค่ะ ก่อนที่ดิฉันจะพูด
อยากจะให้เราได้ฟังเสียงลุงนวมทอง เป็นเสียงของลุงเอง ดิฉันจะถือว่าลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้ทั้งในอดีตและปัจจุบันของประเทศไทย
ฟังเสียงลุงนวมทองก่อนนะคะ
“ต้องการให้โลกรู้
ต้องการสร้างประวัติศาสตร์ ว่าปฏิวัติครั้งนี้มีแท็กซี่ชนรถถังจนกระทั่งตัวตาย
เพราะลุงบอกตรง ๆ ว่า (เสียงสะอื้น) ลุงไม่อยากจะอยู่ใต้อำนาจเผด็จการ
ลุงพลีชีพเพื่อชาติได้ เพราะลุงไม่ทำแล้วใครจะทำ ลุงพลีชีพ
คนพลีชีพมาตั้งเท่าไหร่กว่าจะเป็นประชาธิปไตยได้ ลุงอีกคนเดียวจะเป็นอะไรไป”
ก่อนอื่นดิฉันขอขอบคุณท่านผู้มาร่วมงานในวันนี้ทุกคน
สื่อมวลชนที่มองเห็นความสำคัญของคนเล็ก ๆ คนเล็ก ๆ
แต่เป็นนักต่อสู้สามัญชนที่ยิ่งใหญ่ ในทัศนะดิฉัน ถึงแม้ว่าดิฉันจะมีอายุมากพอควร
เราต่อสู้มา 50 ปีแล้ว แต่เมื่อดิฉันได้ประมวลสิ่งที่ลุงนวมทองได้ทำ ได้พูด ได้เขียน
ดิฉันคิดว่าในวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่จะสดุดีลุงนวมทองในฐานะครูของนักต่อสู้ประชาธิปไตยที่แท้จริงของคนไทย
แม้นว่าท่านจะใช้วิธีอัตวินิบาต ซึ่งเราก็คงจะไม่เห็นด้วย แต่ท่านเป็นคนเล็ก ๆ
ท่านบอกแล้ว ท่านทำได้แค่นี้ ดิฉันจะไม่พูดยาวเพราะว่าวันนี้ดิฉันอยากเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ออกมาพูดด้วยนะคะ
แต่ว่าดิฉันจะสรุปลักษณะสำคัญที่เราควรจะเรียนรู้ของนักต่อสู้แบบลุงนวมทอง
ลุงนวมทองเป็นสามัญชน เรียกว่ากรรมาชีพอิสระ
ไม่ได้อยู่ในการจัดตั้งใด ๆ เป็นปัจเจกชน ดิฉันจะเริ่มด้วยประการที่ 1
ลุงนวมทองเป็นนักต่อสู้ที่เชิดชูอุดมการณ์ประชาธิปไตยและต่อต้านรัฐประหารอย่างแท้จริง
ท่านยืนอยู่ในการต่อสู้ด้วยอุดมการณ์
และท่านต้องการสืบทอดเจตนารมณ์ของวีรชนเดือนตุลา 14ตุลา16, 6ตุลา19
ท่านเป็นสามัญชนธรรมดา ไม่ได้เป็นปัญญาชน ไม่ได้อยู่ในการจัดตั้งขององค์กรใด ๆ
เป็นกรรมาชีพอิสระ แต่ว่ามีความรู้ หลักการ ทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่
และอันเดียวที่สำคัญที่สุดคือท่านไม่อยากอยู่กับการปฏิวัติอีกต่อไป
แปลว่าท่านไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังต้องมีชีวิตอยู่เช่นนี้อีกต่อไป
นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการจะบอกคนรุ่นหลังไว้ว่า
สังคมไทยไม่ควรทนอยู่กับการใช้อำนาจรัฐประหาร ปล้นอำนาจประชาชน
ประการต่อมา
ท่านสอนให้คนรุ่นหลังและเยาวชนทั้งหลายได้รู้ว่า ในการต่อสู้
วิธีปฏิบัติไม่ใช่สู้แบบปัจเจกชนโดดเดี่ยวแบบท่าน ไปดูข้างหลังเสื้อของท่าน “อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง
เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน”
คือนอกจากอุดมการณ์ในข้อที่ 1 ว่าไม่ควรจะมีรัฐประหารอีกต่อไปในแผ่นดินนี้ อันที่
2 ก็คือไม่ต้องสู้แบบท่าน แต่ต้องรวมกันมีลักษณะจัดตั้ง “สามัคคีมีจัดตั้ง”
เยาวชนทั้งหลายฟังเอาไว้ ท่านไม่ใช่วีรชนเอกชน ไม่ใช่ว่ากูเก่งคนเดียว ยอดคนเดียว
ต้องเป็นวีรชนคนเดียว ไม่ใช่ ท่านแนะวิธีปฏิบัติในการต่อสู้ คือต้องสามัคคี
มีการจัดตั้ง แล้วรวมกันเป็นพลังยิ่งใหญ่ ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน หมายความว่า
วิธีการต่อสู้กับพวกที่ปล้นอำนาจประชาชน ประชาชนต้องสามัคคีกัน
นี่ก็คือเป็นคำสั่งเสียข้อที่ 2 ของท่าน
ประการที่สามที่ดิฉันอยากจะพูดก็คือ
ท่านอยู่ในจุดยืน ต่อสู้ในฐานะประชาชน ไม่ได้เกี่ยวกับองค์กรพรรคการเมืองใด ๆ
ฟังไว้อีกครั้งหนึ่ง ท่านเป็นนักต่อสู้ประชาชน ในขณะนั้นมีสงครามสี มีพรรคการเมือง
มีคนที่ไม่เอาพรรคการเมืองหนึ่ง แล้วยินยอม รับการรัฐประหาร
เราต้องเข้าใจว่าในการต่อสู้ไม่มีสักคำที่ท่านพูดเรื่องพรรคการเมือง
ท่านเป็นนักต่อสู้ในฝ่ายประชาชนจริง ๆ ถามว่าครั้งนั้นมันมีอยู่แล้วมั้ย มี! มีเหลือง-แดง
(อ.ธิดาขออภัย สีแดงยังไม่ทันมี) มีการต่อสู้ มีการเกลียดชังทุนสามานย์
มันเกิดขึ้นแล้วในช่วงยุคนั้น แต่ว่าท่านไม่พูดถึงเลย
ท่านพูดเฉพาะเรื่องของอุดมการณ์และวิธีในการปฏิบัติในการต่อสู้
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดก็คือว่า
ในช่วงเวลานั้น มันมีสงครามสี ปัญญาชนจำนวนมาก ศาสตราจารย์จำนวนมากไม่เข้าใจว่าความขัดแย้งหลักของสังคมคืออะไร
ไม่อยากได้ระบอบทุนสามานย์ แต่ว่ายินดีที่จะยอมรับการรัฐประหาร
ในเวลานั้นศาสตราจารย์ทั้งหลาย ปัญญาชนทั้งหลาย องค์กรเอกชนทั้งหลาย
ซึ่งถือว่าเป็นคนก้าวหน้าในสังคมนั้น ปรากฏว่าไม่รู้ว่าความขัดแย้งหลักของสังคมคืออะไร
ในขณะที่ลุงนวมทองรู้ว่าความขัดแย้งหลักในสังคมก็คือความขัดแย้งระหว่างผู้ที่ปล้นอำนาจประชาชน
ขัดแย้งกับประชาชนผู้ถูกปกครอง
ดังนั้น
นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ดิฉันเห็นว่า ลุงนวมทอง ไม่แน่ใจว่าการศึกษาอยู่ในขั้นไหน
แต่สามารถที่จะยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่าศาสตราจารย์ ยิ่งกว่าปัญญาชนก้าวหน้า
ยิ่งกว่าพวกที่เรียกว่าเป็นวีรชนเดือนตุลา ผู้นำเดือนตุลา ซึ่งหลงทางหมด
ไม่รู้ว่าความขัดแย้งหลักคืออะไร
แต่ลุงนวมทองรู้ว่าความขัดแย้งหลักก็คือผู้ปกครองที่ปล้นอำนาจประชาชน
คุณอาจจะไม่ชอบพรรคการเมือง แต่นั้นคือความขัดแย้งรอง คุณไปเอาความขัดแย้งรองมาเป็นความขัดแย้งหลัก
แล้วนำพาประชาชนหลงทิศผิดทาง
ลุงนวมทองในทัศนะดิฉันถือว่ายิ่งใหญ่
ลุงไม่ต้องเรียนสูงเป็นศาสตราจารย์ แต่ว่าจุดยืน วิธีการ ทัศนะ ชัดเจน
นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ดิฉันอยากจะฝากเอาไว้ให้กับเยาวชนรุ่นต่อมาว่า
จงเรียนรู้ลุงนวมทองเป็นครู ในวิธีคิด วิธีทำงาน
แต่อย่าเอาเยี่ยงลุงนวมทองตอนที่ท่านคิดว่าท่านจำเป็นต้องสละชีวิตเยี่ยงนี้
เพราะท่านคนเดียว ท่านทำอะไรไม่ได้ แต่ครูที่มีจุดยืนมั่นคง
รู้ว่าอะไรเป็นความขัดแย้งหลัก รู้ว่าอะไรเป็นความขัดแย้งรอง
แล้วผลประโยชน์อยู่ที่ประเทศชาติประชาชน ไม่ใช่เรื่องของการเมือง
ไม่ใช่เรื่องการปกป้องพรรคการเมืองใด ลุงนวมทองไม่ได้ออกมาปกป้องพรรคการเมืองใด
แต่ลุงนวมทองออกมาสู้กับเผด็จการแล้วไม่ต้องการให้มีการปฏิวัติรัฐประหารอีก
ดิฉันจึงอยากจะฝากเรื่องนี้เอาไว้กับนักต่อสู้รุ่นหลังว่า
ลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้
ซึ่งสามารถที่จะเป็นที่เชิดชูของเยาวชนรุ่นต่อไปและของประชาชนรุ่นนี้
แล้วจะได้ให้แง่คิดว่า ชีวิตของลุงนวมทองนั้นสู้เพื่อประชาธิปไตย
ไม่ได้เกี่ยวกับการต่อสู้ว่าจะไปเชียร์พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ในฐานะที่อาจารย์ธิดาเป็นคนรุ่นเก่า
อายุก็มากพอควร คิดว่าอนาคตต่อไปไม่ว่าจะเป็นการจัดงานลุงนวมทอง,
หรือวีรชนรุ่นต่าง ๆ คนรุ่นหลังก็ไม่แต่เพียงรำลึก แต่ว่าให้สามารถที่จะหยิบประเด็นสำคัญมาเพื่อจะสืบทอดเจตนารมณ์ได้
ในทัศนะของดิฉันก็ขอคารวะวิญญาณลุงนวมทองด้วยใจจริง
และอยากจะให้พวกเราทั้งหมด ณ ที่นี้
ได้ถือว่าลุงนวมทองคือครูของนักต่อสู้ประชาชนไทยที่แท้จริง ขอบพระคุณมากค่ะ