ศาลอุทธรณ์
“ยกฟ้อง” 20 แกนนำพันธมิตร ปิดล้อมอาคารรัฐสภา ขวาง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”
แถลงนโยบาย ศาลชี้ชุมนุมตามสิทธิ
วันนี้
(วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่
พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
(พธม.) และแนวร่วม รวม 20 คน เป็นจำเลย ในความผิด 5 ข้อหา
ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา
หนังสือหรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญฯ, เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป
ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
โดยผู้กระทำมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิกมั่วสุม, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น
หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
จากกรณี
เมื่อวันที่ 5-7 ตุลาคม 2551 จำเลยและกลุ่มพันธมิตร ฯ จำนวนหลายพันคน
ร่วมมั่วสุมภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตั้งเวทีปราศรัยและได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มพันธมิตร
ฯ ทั้งประเทศไปรวมตัวปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้ สส., สว.และคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เข้าร่วมประชุมสภา โดยวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เวลากลางวัน
จำเลยกับพวกใช้รถยนต์บรรทุก 6
ล้อติดเครื่องขยายเสียงเคลื่อนพร้อมนำลวดหนามชนิดหีบเพลง
และแผงกั้นเหล็กยางรถยนต์ผ่านไปลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อขวางบริเวณรอบรัฐสภา ทำให้ประชาชนไม่สามารถผ่านไปได้
และปราศรัยปลุกระดมให้ล้อมรัฐสภา เพื่อไม่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
วันนี้
จำเลยทั้ง 20 คนเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า
พยานหลักฐานโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยทั้งหมดก่อความวุ่นวายและชุมนุมไม่ชอบ
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเนื่องจากไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลในขณะนั้น ยืนยันเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ชอบ
จึงออกมาชุมนุมตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง
ส่วนข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานนั้น
เห็นว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน เบิกความว่าจำเลยทั้งหมดเป็นคนสั่งการให้มวลชนกระทำการวุ่นวาย
แต่เห็นว่ามวลชนตอบโต้ตำรวจเนื่องจากโกรธแค้นที่เข้ามาสลายการชุมนุม จำเลย 20 คน
จึงไม่มีความผิด ฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
ส่วนข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นและหน่วงเหนี่ยวกักขัง
พยานหลักฐานโจทย์ไม่สามารถเบิกความให้เห็นว่าจำเลยทั้งหมดข่มขืนใจหรือสั่งการใช้ให้ผู้ชุมนุมกระทำการปิดล้อมอาคารรัฐสภา
แต่เป็นการที่ผู้ชุมนุมทำเองโดยตอบโต้ตำรวจ เพื่อระบายความโกรธแค้น
พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งหมดกระทำผิดตามฟ้อง
ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายกฟ้อง
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #พธม #ชุมนุมปิดล้อมรัฐสภาปี51