ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผย ศาลอุทธรณ์ยังคงยกคำร้องรวด 7 คดี ม.112 ‘อานนท์ นำภา’ หลังยื่นประกันตัวในวันเกิดครบ 41 ปี ทำให้ถึงวันนี้(22 ส.ค.68) อานนท์ถูกขังมาแล้ว 697 วัน
วันนี้ (22 ส.ค. 68) ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2568 ทนายความยื่นประกัน อานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องในวันดังกล่าวเป็นวันคล้ายวันเกิดอานนท์ที่อายุครบ 41 ปี หลังเขาถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายาวนานถึง 697 วัน หรือเกือบ 2 ปี แล้ว ในระหว่างอุทธรณ์คดีมาตรา 112
ในครั้งนี้มีการยื่นประกันอานนท์ใน 7 คดีมาตรา 112 ของศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยคำร้องได้ระบุถึงการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูครอบครัวและภารกิจช่วยเหลือประชาชนในฐานะทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ตลอดจนสุขภาพที่ทรุดโทรมจากการถูกคุมขัง รวมถึงการยื่นคำร้องตรงกับวันครบรอบวันเกิด ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญในชีวิตของบุคคลหนึ่ง ขอให้ศาลใช้ดุลพินิจแห่งเมตตาธรรม อนุญาตปล่อยชั่วคราว
ทั้งสองศาลได้ส่งคำร้องทุกฉบับให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา โดยในวันที่ 18-19 ส.ค. 2568 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันอานนท์ทั้ง 7 คดี โดยระบุเหตุผลในทำนองว่า ‘ข้อหามีอัตราโทษสูง มีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี ส่วนที่อ้างว่าจำเลยถูกคุมขังเป็นเวลานานทำให้สุขภาพทรุดโทรม เห็นว่าหากมีอาการเจ็บป่วย กรมราชทัณฑ์สามารถดูแลจัดการให้ได้ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 55 และไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม’
ทั้งยังระบุว่า ยื่นประกันตัวคดีมาตรา 112 ‘อานนท์’ 7 คดี ในวันเกิดครบรอบ 41 ปี (18 ส.ค.68) ขอศาลออกมาช่วยเหลือประชาชนในฐานะทนายความสิทธิมนุษยชน - ดูแลครอบครัว
ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 2566 จนถึงปัจจุบันอานนท์ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ด้วยโทษจำคุกในคดีมาตรา 112 และคดีต่าง ๆ ที่ยังไม่สิ้นสุดรวมกันถึง 26 ปี 37 เดือน 20 วัน หรือประมาณ 29 ปี 1 เดือนเศษ
ก่อนหน้านี้ คดีของอานนท์ได้มีความพยายามขอประกันตัวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพบว่ามีการยื่นคำร้องขอประกันตัวอย่างน้อย 73 ฉบับ รวมไปถึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันเป็นจำนวนอย่างน้อย 22 ฉบับแล้ว แต่ศาลก็มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวมาตลอด
สำหรับการยื่นประกันในคดีมาตรา 112 ทั้ง 7 คดีที่ได้ยื่นคำร้องในครั้งนี้ ได้แก่ 1) กรณีปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา63, 2) กรณีโพสต์ 2 ข้อความในเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์การใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน, 3) คดีโพสต์จดหมาย #ราษฎรสาส์น, 4) กรณีปราศรัยใน #ม็อบแฮรี่พอตเตอร์1, 5) กรณีโพสต์ 3 ข้อความบนเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์การบังคับใช้มาตรา 112 และเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 6) กรณีชุมนุม #ม็อบ17พฤศจิกา63 ที่หน้ารัฐสภา และและคดีที่ 7) กรณีปราศรัยใน #ม็อบแฮรี่พอตเตอร์2
คำร้องขอประกันตัวทั้ง 7 ฉบับ มีใจความสำคัญที่ระบุว่า จำเลยเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชยประกอบวิชาชีพสุจริต เป็นที่รู้จักในสังคม และเป็นผู้มีภูมิลำเนาแน่นอน ระหว่างต่อสู้คดีในทุกคดีของจำเลยเคยได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราวและได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด ไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือขัดขวางการพิจารณาคดี จำเลยเคยเดินทางไปรับรางวัล ณ ประเทศเกาหลีใต้ โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ก็เดินทางกลับประเทศไทยด้วยความสมัครใจ และเข้าร่วมกระบวนการพิจารณาคดีตามนัดทุกครั้ง แสดงถึงความบริสุทธิ์ใจที่จะต่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรมของไทย แม้จำเลยจะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 หลายคดี แต่ทุกคดียังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยเป็นหัวหน้าครอบครัวและยังมีภารกิจช่วยเหลือประชาชนในฐานะทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ปัจจุบันจำเลยถูกคุมขังมาเป็นเวลานาน สุขภาพทรุดโทรม ซึ่งการปล่อยชั่วคราวจำเอื้ออำนวยให้จำเลยสามารถรักษาพยาบาลได้อย่างเหมาะสมและยังสามารถประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงครอบครัวต่อไป
และการยื่นคำร้องในครั้งนี้ ยื่นตรงกันวันครบรอบวันเกิดของจำเลย อันเป็นวาระสำคัญในชีวิตของบุคคลหนึ่ง จึงเป็นโอกาสอันสมควรที่ศาลจะใช้ดุลพินิจแห่งเมตตาธรรม อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวเพื่อให้จำเลยได้กลับไปอยู่กับครอบครัว และเยียวยาสภาพร่างกายและจิตใจต่อไป
หลังจากทนายความยื่นคำร้องขอประกันตัวไปนั้น ศาลชั้นต้น (ทั้งศาลอาญาและศาลอาญากรุงเทพใต้) ส่งคำร้องให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาออกคำสั่ง จากนั้นในแต่ละคดีศาลอุทธรณ์มีคำสั่งลงวันที่ 18 และ 19 ส.ค. 2568 ให้ “ยกคำร้อง” ทุกคดี
สำหรับคดีปราศรัยใน #ม็อบ14ตุลา63, คดีโพสต์ 2 ข้อความในเฟซบุ๊ก, คดีโพสต์จดหมาย #ราษฎรสาส์น, คดีปราศรัยใน #ม็อบแฮรี่พอตเตอร์1, คดีโพสต์ 3 ข้อความบนเฟซบุ๊ก และคดีปราศรัย #ม็อบแฮรี่พอตเตอร์2 ศาลมีคำสั่งลักษณะเดียวกันในทำนองว่า
“..ข้อหามีอัตราโทษสูง ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยจะหลบหนี ประกอบกับศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์มาแล้วหลายครั้ง ส่วนที่จำเลยอ้างว่า จำเลยถูกคุมขังเป็นเวลานาน ทำให้สุขภาพทรุดโทรมนั้น เห็นว่าหากจำเลยมีอาการเจ็บป่วย กรมราชทัณฑ์สามารถดูแลจัดการให้ได้ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 55 เหตุตามคำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง”
ส่วนในคดีชุมนุม #ม็อบ17พฤศจิกา63 ศาลมีคำสั่งที่แตกต่างออกไปจาก 6 คดีแรก โดยมีการระบุถึง ‘การกระทำส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร’ ดังนี้
“พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบพยานหลักฐานที่ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ข้อหามีอัตราโทษสูง การกระทำของจำเลยที่ 2 กับพวกกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยที่ 2 จะหลบหนี ประกอบกับศาลอุทธรณ์เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 ในระหว่างอุทธรณ์มาแล้ว และตามคำร้องไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2 ในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง”
จนถึงวันนี้ (22 ส.ค. 2568) อานนท์ถูกขังมาแล้ว 697 วัน ซึ่งในเดือนหน้า (26 ก.ย. 2568) หากเขายังไม่ได้รับสิทธิประกันตัว จะทำให้อานนท์ถูกขังในระหว่างต่อสู้คดีรอบล่าสุดนี้ครบ 2 ปี