“ณัฐวุฒิ”
ชี้ จดหมาย “ประวิตร” เป็นยุทธศาสตร์ของพปชร.ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น แนะถ้าจริงใจ
ยุบสภาเมื่อไหร่ ชวนน้อง 2ป กลับบ้านด้วยกัน ยุติบทบาททางการเมืองเสียที
เมื่อวันที่
1 มีนาคม 2566 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย
ได้กล่าวผ่านยูทูป ทางช่อง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official ในประเด็น
“ประวิตร จดหมายผิดซอง? ให้ชัดเจนต้องชวนน้องกลับบ้าน” โดยนายณัฐวุฒิ
กล่าวในรายการว่า
พอได้อ่านจดหมายฉบับที่
3 ของ พล.อ.ประวิตร ทีแรกผมคิดว่าเป็นจดหมายผิดซองครับ
เพราะเนื้อความตามจดหมายที่เขียนบรรยายถึงการเมืองไทย
ไปตรงกับสิ่งที่คนเสื้อแดงและประชาชนผู้รักประชาธิปไตยพูดในเวทีและขบวนการต่อสู้มา
10 กว่าปี ถ้าไม่ได้ลงชื่อ พล.อ.ประวิตร ผมนึกว่าคนเสื้อแดงเขียนด้วยซ้ำไป
เจตนาของจดหมายนี้คงเป็นวิธีการทางการเมืองที่จะย้ายสถานะ
พล.อ.ประวิตร ให้ขยับเข้าใกล้คนส่วนใหญ่ ขยับเข้าใกล้หลักการประชาธิปไตยมากขึ้น
แต่จะให้ประชาชนเชื่ออย่างงั้น ผมว่าไม่ง่ายนะครับ คนเราคงไม่สามารถจะเปลี่ยนอะไรได้เพียงจดหมายไม่กี่ฉบับ
เพราะบทบาทของท่านตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา คืออยู่ฝ่ายเผด็จการตรงข้ามกับประชาชนมาโดยตลอด
ดังนั้นการพิสูจน์ความจริงใจหลังจากนี้เป็นเรื่องของท่านนะครับ
จะเขียนจดหมายมาอีกกี่ฉบับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อเป็นสิทธิ์ของประชาชน
แต่สำหรับผมขอชี้ชัดไว้ตรงนี้ก่อนว่า มันเป็นเพียงวิธีการทางการเมือง
เป็นยุทธศาสตร์ของพรรคพลังประชารัฐในสนามเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น
แต่เมื่อพิจารณาถึงเนื้อหาในจดหมายผมคิดว่ามีนัยสำคัญบางประการที่เราต้องพูดคุยกัน
สำหรับผมเป็นชัยชนะสำคัญอีกก้าวหนึ่งของประชาชน!
ส่วนตัวผมไม่สามารถจะหยิบฉวยอะไรออกมาจากเรื่องนี้
แต่สำหรับประชาชนผมคิดว่าเป็นเกียรติยศที่นายทหารใหญ่ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรัฐประหารทั้งสองครั้ง
คือเมื่อปี 2549 และปี 2557 วันนี้ออกมายอมรับต่อสาธารณชนว่า การรัฐประหารคือวิถีเผด็จการ
ไม่ใช่ทางออกของประเทศ และวิธีคิดของชนชั้นนำไม่ได้สอดคล้องกับความเป็นจริงของบ้านเมือง
และไม่ได้สอดคล้องกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ การเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยเท่านั้นคือทางออกที่แท้จริง!
สู้กันมา
10 กว่าปี ถึงวันนี้คนสำคัญในฝ่ายรัฐประหารเปลี่ยนคำพูด ซึ่งที่จริงเราเห็นภาพแบบนี้มาแล้วต่อเนื่องนะครับ
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะรัฐประหารชุดปี 2549
ถึงที่สุดก็ตั้งพรรคการเมืองแล้วก็ลงเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรัฐประหารปี 2557 ก็ตั้งพรรคการเมืองแล้วลงเลือกตั้ง
แม้ว่าทั้งสองคนจะเลือกตั้งภายใต้กติกาที่มีเจตนาเอาเปรียบคู่ต่อสู้คือ “พรรคเพื่อไทย”
ก็ตาม แต่ถึงที่สุด หัวหน้าคณะยึดอำนาจก็ต้องเดินยกมือไหว้ประชาชนกลางตลาดกลางท้องถนนอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ดังนั้น
ถึงเวลาที่ยอมรับกันได้หรือยังครับว่า บ้านเมืองมันจะเดินไปข้างหน้าก็ด้วยวิถีทางที่ถูกต้อง
ด้วยการเคารพอำนาจอธิปไตยและการตัดสินใจของประชาชนส่วนใหญ่
ส่วนการจัดการกับความขัดแย้งในสังคมไทยผมคิดว่าเราไม่สามารถทำได้ด้วยแค่การก้าวข้าม
เพราะเรื่องนี้จำเป็นต้องมีการแก้ปัญหากันอย่างถูกวิธี เราไม่สามารถจะทำให้ความขัดแย้งหรือแตกต่างทางความคิดของคนในสังคมมันหายไปได้ร้อยเปอร์เซ็นหรอกครับ
เพียงแต่เราต้องช่วยกันทำให้ความขัดแย้งแตกต่างเหล่านี้
ทำให้คนสามารถจะอยู่ร่วมกันได้ในสังคม ภายใต้กติกาที่ชอบธรรมและยอมรับร่วมกัน
จะอีลิท ชนชั้นนำ หรือ กลุ่มอำนาจ กลุ่มผลประโยชน์ใด ๆ ต้องอยู่อย่างถูกที่ถูกทาง
ถูกต้องตามหลักการ ตามหลักนิติธรรม
ไม่ใช่เปิดทางและปล่อยให้อำนาจนอกระบบทั้งหลายเข้ามาแทรกแซงทุกกลไกของบ้านเมือง
ระบบราชการต้องสนองตอบต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ
ไม่ใช่เป็นเครื่องมือของอำนาจเผด็จการที่สถาปนารัฐราชการเป็น “รัฐซ้อนรัฐ” กดทับอำนาจประชาชน
ถ้า
พล.อ.ประวิตร ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าเชื่ออย่างที่เขียนจดหมายจริง
ฉบับต่อไประบุให้ชัดเลยครับว่าหลังการเลือกตั้งต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่
โดยสสร.จากการเลือกตั้งของประชาชน ต้องปฏิรูปกองทัพ
ปฏิรูประบบราชการให้รับใช้ต่อประชาชน ต้องปิดกั้นอำนาจนอกระบบทั้งหลายไม่ให้เข้ามาแทรกแซงประชาธิปไตยอีกต่อไป
แนวคิดโซ่ข้อกลางอย่างที่ท่านพยายามทำ
เคยมีนายทหารอาวุโสกว่าท่านพยายามทำมาก่อน แต่โซ่ก็ขึ้นสนิมทุกที
เพราะแต่ละคนแต่ละฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่มอำนาจชนชั้นนำไม่เคยเคารพและยอมรับในประชาชน
แต่ถ้าจะให้ง่ายกว่านั้นและผมจะเชื่อท่านทันทีว่าสิ่งที่เขียนมาในจดหมายกลั่นจากหัวใจคือ
ท่านชวนน้องอีก 2ป กลับบ้านด้วยกันเถอะครับ ยุบสภาเมื่อไหร่ พากันกลับบ้านเมื่อนั้น
ยุติบทบาททางการเมืองเสียตั้งแต่ตอนนี้
ประชาชนเขาจะเดินหน้าไปในกระบวนการเลือกตั้ง ส.ว. 250 คน วิญญาณจะได้เป็นอิสระ
ไม่ต้องวนเวียนพัวพันอยู่กับท่านหรือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เคารพในการตัดสินใจของประชาชนเสียที
ถ้าท่านตกลงใจแบบนี้
ไปไหนมาไหนจะมีคนเข้าคิวหอมแก้มท่านเยอะครับ เชื่อผมเถอะ!
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #ประยุทธ์ #ประวิตร #เลือกตั้ง66